คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่509:สังเกต



บทที่509:สังเกต

“เธอไปเป็นเพื่อนฉัน?” น้ำหวานหลุบตาลงอ ย่างห้ามใจไม่ได้ เก็บความลังเลที่อยู่ในแววตาไว้

ถ้าเป็นปกติ เธออาจจะตอบตกลงด้วยความ ซาบซึ้งอย่างเต็มเปี่ยม

พิงกี้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ถ้ามีเธออยู่ข้าง กาย เธอก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งขนาด นั้น อย่างน้อย ตอนฟังคำตัดสินถ้าอารมณ์ไม่ดี ข้าง กายก็ยังมีเพื่อนคอยปลอบใจอยู่

แต่ว่า เมื่อคืนตัวเองยังอิจฉาพิงกี้อยู่เลย ถึงแม้ ไม่ได้แอบโกรธแค้นอะไรอยู่ในใจ แต่ว่าได้พูดคุย กันเข้าใจกับพิงกี้แล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกเกรงใจอยู่

“ฉันไปเป็นเพื่อนเธอ มันแปลกมากเลยเหรอ?” พิงกี้ยิ้มแฉ่ง หยิกแก้มกลมๆของน้ำหวานไปหนึ่งและ ย้อมถาม “เธอคงไม่ใช่อึดอัดกับคำพูดที่เธอพูดกับ ฉันเมื่อคืน ดังนั้นก็เลยไม่กล้าสู้หน้าฉันมั้ง?”

“ฉัน…….” เดิมทีน้ำหวานอย่างอยากแก้ตัว สักหน่อย แต่พอสบตากับแววตาที่กำลังรอดูสนุก ของพิงกี้ ทันใดนั้นก็อดขำไม่ได้ “ “ก็ได้ แล้ว” เธอเดาถูก
เธอคิดผิดแล้ว เดิมทีพิงกี้ก็ไม่ใช่คนที่จิตใจคับ แคบแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วจะมีเรื่องบาดหมางในใจกับ เธอเพราะเรื่องเล็กๆแค่นี้ได้ยังไง?

เธอก็ไม่ต้องเกรงใจ ริษยาหรืออิจฉา สามารถ

แยกแยะได้

“งั้นเธอรีบไปแต่งเนื้อแต่งตัวเร็วเข้า ฉันนั่งรอ เธออยู่ที่โซฟา” พิงกี้เปิดปากพูด

“อืม” น้ำหวานยื่นมือจิ้มที่เอวของพิงกี้ มองดู หน้าตาที่หลบหนีเพราะกลัวจั๊กจี้เธอแล้ว อดไม่ได้ที่ จะเผยรอยยิ้มที่บรรลุเป้าหมายออกมา

พอแต่งตัวเสร็จจะออกจากบ้าน พิงกี้อดไม่ได้ที่ จะหันไปมองด้านหลัง “วันนี้เตชิตไม่อยู่เหรอ?”

“เอ่อ…..เขาไม่อยู่”

“เขาไม่ไปดูด้วยกันเหรอ?” พิงกี้บ่นพึมพำ “คนนี้นี่ทำไมงานยุ่งขนาดนี้เนี่ย ไม่ไขว่คว้าโอกาศ เอาซะเลย…..

น้ำหวานฟังไม่ค่อยชัดเจน “เธอว่าอะไรนะ?
“ห้า……” พิงกี้กระพริบตาปริบๆ “ฉันบอกว่า เตชิตไอ้หมอนั่นทำไมงานยุ่งจังเลย วันนี้ถ้าเขาไม่ เป็นคนขับให้พวกเรา พวกเรายังต้องให้พายุขับรถ อีก”

“เราจะไปรบกวนคุณเตชิตได้ยังไงล่ะ พายุ ทำงานเชื่อถือได้กว่า ”

ระหว่างพูด ทั้งสองก็ได้ขึ้นรถแล้ว คำพูดของ น้ำหวานถูกพายุได้ยินเข้าอย่างจัง เขาโดดลงมา เปิดประตูรถให้ทั้งสอง และพูดพร้อมยกนิ้วโป้งให้น้ำ หวาน “น้ำหวาน คุณนี่ตาถึงจริงๆครับ!”

“555!” น้ำหวานถูกพายุหยอกจนอดไม่ได้ที่ จะหัวเราะเสียงดังออกมา

หน้าตาของน้ำหวานไม่ถือว่าสวยงามมาก ไม่ใช่คนที่มีเบ้าหน้าที่สวยเพอร์เพค แต่เธอเป็นคน ร่าเริงแจ่มใส ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายแวววาวมาก รอยยิ้มที่ร่างเริงบนใบหน้าเพิ่มคะแนนให้เธอไม่น้อย เลย เธอเป็นหญิงสาวที่ดูยังไงก็ไม่เบื่อ ยิ่งดูยิ่งชอบ ความร่าเริงของเธอ

นาทีนี้เธอยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบาน พายุมองดู รอยยิ้มที่เบ่งบานเหมือนดอกไม้ถดใบไม้ผลิของเธออย่างเช่อๆ

ภาพนี้ ถูกพิงกี้สังเกตเห็นหมด

พายุ………..

น้ำหวาน………

สายตาของพิงกี้กลอกไปมาที่ระหว่างทั้งสอง สีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่

ตอนที่ดุสิตถูกนำตัวมาถึงที่คอกผู้ต้องหา น้ำ หวานได้เห็นแฟนเก่าของตัวเองอีกครั้ง

ไม่เจอกันหลายวัน ใบหน้าหล่อเหลาของเขายิ่ง ดูอิดโรยเข้าไปใหญ่ คนทั้งคนเผยกลิ่นไอของความ เสื่อมโทรมออกมา เหมือนใบไม้ที่กระจาดกระจาย อยู่ที่รากต้นไม้ จะสลายตัวตามสายลมเย็นของฤดู ใบไม้ผลิอย่างไรอย่างนั้น

แค่มองแว๊บเดียว น้ำหวานก็อดสงสารไม่ได้

หัวใจทั้งดวงยังเจ็บแปล๊บๆอยู่ นึกถึงความทรงจำที่สวยงามและหวานแหว ยิ่งเป็นการชูให้เห็นว่า ทุกอย่างของตอนนี้ยังเหมือนเดิม แต่คนไม่เหมือน เดิมแล้ว

จุดจบของเธอกับดุสิตไม่ใช่ไม่ตายก็จะไม่ยอม ลามือ ถึงไพโรจน์เคยคิดจะให้เธอถึงขั้นตาย ใช้ เธอเป็นแพะรับบาป แต่ดุสิตไม่ได้ผิดต่อเธอเลยสัก นิด…….ถึงแม้เลิกกันแล้ว เธอก็หวังอยากให้เขาใช้ ชีวิตดีๆ

เธอไม่โกรธเกลียดเขา เพียงแต่ทั้งคู่ไม่เหมาะ สมที่อยู่ด้วยกันแล้วเฉยๆ

ศาลเริ่มพิพากษา

ในหัวของน้ำหวานคิดถึงแต่เรื่องตัวเองอยู่ ตลอดอย่างเหม่อลอย ไม่ได้ฟังเนื้อหาเข้าไปมาก เท่าไหร่ จนถึงสุดท้ายศาลได้พิพากษาผลออกมา เธอถึงฟังเข้าหูตัวเอง

ตัดสินโทษจำคุกห้าปี คุมประพฤติหนึ่งปี

น้ำหวานออกมาจากศาลก็ยังเบลอๆอยู่ พิง กี้ควงแขนเธอไว้ด้วยความกังวล “น้ำหวาน เธอ ไม่สบายหรือเปล่า? ฉันเห็นเธอสีหน้าดูไม่ดีเลย……หรือว่า อารมณ์ไม่ดี?”

พายุก็เผยความกังวลออกมา “จะไปหาหมอ ใกล้ๆแถวนี้ไหมครับ? ถ้าร่างกายไม่สบายอย่าฝืน ทนเด็ดขาดนะครับ”

เผชิญกับดวงตาที่เป็นห่วงของทั้งสองคน น้ำ หวานส่ายหัว

เธอไม่ได้เป็นอะไร แค่อารมณ์ได้รับผลกระทบ นิดหน่อยเอง

“เมื่อกี้ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย ดุสิตจะต้องติดคุก ห้าปี?” น้ำหวานถามเสียงสั่น

“ใช่……” พิงกี้ถอนหายใจเบาๆ “ที่จริงก็เป็น ตอนจบที่ถือว่าไม่เลวแล้ว เธอควรดีใจแทนเขาสิถึง จะถูก ก่อนหน้านั้นดุสิตเคยช่วยตระกูลภักดีวัฒนา กุลทำความชั่วไปเยอะ ดีที่โทษเหล่านั้นถูกพ่อแม่ เขาช่วยแบกรับไปเยอะ ต่อมาดุสิตก็ทำความดีกับ เธอไปไม่น้อย ถือว่าทำคุณไถ่โทษ การตัดสินโทษ ของครั้งนี้ถึงได้เบาลงมาหน่อย”

แค่ห้าปีถือว่าเบาแล้ว ถึงแม้จะขอร้องให้เควิน ช่วยดูแลดุสิตหน่อย แต่พิงกี้เองก็ยังประหลาดใจมากเลย

“เพราะได้ความช่วยเหลือจากคุณคุณเควินใช่ มั้ย?”น้ำหวานถาม

“อืม” พิงกี้พยักหน้า ไม่ได้ปฎิเสธ “ก่อนหน้า นั้นฉันก็เคยบอกกับดุสิตแล้ว ขอแค่เขาไม่กัดคน ไปมั่ว สิ่งที่เราสามารถช่วยเขาได้ก็จะพยายามช่วย อย่างเต็มที่ พูดตามตรง ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เควินออก หน้า คงไม่ใช่แค่ห้าปีแน่ๆ

ที่จริง นี่ก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติประจำตัวของ

ดุสิต

ถ้าเดิมทีดุสิตก็เป็นคนที่ทำความชั่วทุกอย่าง อยู่แล้ว นิสัยที่เห็นความชั่วเป็นศัตรูอย่างพิงกี้ ยัง ไงก็เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยให้ดุสิตได้รับโทษเบา แต่ ดุสิตก็ได้รับความเดือดร้อนจากตระกูลภักดีวัฒนา กุลเหมือนกัน สุดท้ายยังลอบกัดตระกูลภักดีวัฒนา กุลไปหลายครั้ง และช่วยผู้เสียหายไปไม่น้อย เห็น แก่จุดนี้พิงกี้ก็รู้สึกคนๆนี้คู่ควรแก่การได้รับความ ช่วยเหลือ

ยิ่งไปกว่านั้น สุดท้ายถ้าดุสิตตกอยู่ในสภาพที่ ย่ำแย่ น้ำหวานต้องคิดถึงห่วงใยแน่นอน
รู้จักน้ำหวานมานานหลายปี พิงกี้รู้นิสัยเธอดี

“คงไม่ได้ทำให้คุณเควินลำบากใจมั้ง?” น้ำ หวานถามด้วยความกังวล

“ไม่ลำบากใจหรอก เธอวางใจเถอะ”

“อืม งั้นก็ดีแล้ว”

น้ำหวานรู้สึกโล่งอกไปหน่อย

เวลาห้าปี ที่จริงก็ถือว่าดีแล้ว

ตามความสามารถของดุสิต ขอแค่หลังจากเขา ออกมาจากคุกแล้วฮึดสู้ขึ้นมา เขาจะต้องมีธุรกิจ เป็นของตัวเองแน่นอน อยู่กับดุสิตมานานขนาดนี้ น้ำหวานเชื่อในความสามารถของดุสิตอยู่

ตอนที่พิงกี้คุยกับน้าหวาน พายุก็ยืนอยู่ข้างๆ สายตาอดไม่ได้ที่จะสำรวจน้ำหวาน

ถึงแม้เขาพยายามทำเป็นไม่สนใจใยดี แต่ว่า ความเร่าร้อนของแววตายังไงก็ซ่อนไม่อยู่
ภาพนี้น้ำหวานไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของ พิงกี้กลับสังเกตเห็นแล้ว พายุ

กลับมาถึงวิลล่าNo.3 น้ำหวานก็ได้ไปอาบน้ำ ก่อนเป็นอันดับแรกเลย

เธอนึกว่าตัวเองยากที่จะเผชิญหน้ากับเรื่อง ของวันนี้ ใครจะไปรู้ผลลัพธ์ยังถือว่าไม่เลว เพียงแต่ ถึงแม้อารมณ์จะสงบมากแค่ไหน เธอก็ตื่นเต้นจน เหงื่อออกท่วมตัว

กลางคืน หลังจากที่เธอได้รับจดหมายที่ดุสิต ฝากมาให้เควิน สีหน้าแววตาก็ได้เปลี่ยนไปอีกแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ