คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที269:ความจริง น่ากลัว



บทที269:ความจริง น่ากลัว

เมื่อก่อน อย่างน้อยลิสาก็ยังเห็นเธอเป็นคนอยู่ ถึง แม้จะทำตัวสูงส่งและจองหองไปบ้าง ที่ดูถูกเธอเป็นลูก ชาวไร่ชาวนา รู้สึกเธอเป็นคนขี้งกและรังเกียจเธอ แต่ตอน นั้นอย่างน้อยอย่างอื่นก็ยังปกติอยู่

แต่พอหลังจากเอาผลตรวจสุขภาพได้ เธอก็รู้สึกลิสา ค่อยๆมองเธอแปลกไป เหมือนเห็นเธอเครื่องมือ

เครื่องมืออะไร?

เป็นเครื่องที่มีหัวใจแข็งแรงดวงหนึ่ง

ถึงเธอไม่ถือว่าฉลาด แต่ก็เคยเรียนจบมัธยมปลาย อยู่ มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ลิสาโทรศัพท์แล้วพูดถึงเรื่อง หา หัวใจที่เหมาะสม” และพูดถึง “การปลูกถ่ายอวัยกับสิ่งมี ชีวิต” อะไรนั่น เธอยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก?

ลิสาเป็นโรคหัวใจ ดังนั้นเธอเลยหมายปองหัวใจที่ยัง เต้นแข็งแรงอยู่ในหน้าอกของเธอ และอยากเอามาครอบ ครองเอง!

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ลิสาให้เธออยู่ข้างกายตลอด ไม่ ให้เธอห่างจากสายตาเลยแม้แต่นิด กลัวเธอจะฉวยโอกาศ หนีไป
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอก็ได้ฉวยโอกาศจริงๆ

เธอเจอพ่อของลิสาโดยไม่ได้ตั้งใจ (ชาตรี) ผู้ชาย วัยกลางคนที่ดูเป็นคนมีเมตตา สง่าผ่าเผย แถมทุกปียัง ทําการกุศลด้วยเงินจำนวนไม่น้อย เธอก็ยังนึกว่าเขาเป็น คน เสียอีก

เธอนึกว่าเขาไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าลูกสาวที่ดูอ่อนโยนใจ กว้างของเขากำลังวางแผนช่วงชิงหัวใจของคนอื่น เธอที่ หมดหนทางได้ขอความช่วยเหลือจากเขาอย่างแตกตื่น แต่ผลที่ได้ล่ะ?

ผลปรากฏว่าชาตรีจ้องเธอลึกๆทีนึง จากนั้นก็พูดคำ ว่า “ลิสานี่สมเป็นลูกสาวของฉันจริงๆ แล้วหัวเราะด้วย ความหมายลึกซึ้ง

ทันใดนั้น ความหวังของเธอได้กลายเป็นเถ้าถ่านด้วย เสียงหัวเราะของชาตรี!

น่ากลัว

คนของตระกูลดำรงกูลช่างน่ากลัวจริงๆ

เธอถูกเฝ้าจับตาดูอย่างเข้มงวด ถึงแม้ยังมีโอกาศ ไปออกไปเดินเล่นข้างนอก เพียงแค่ลิสาไม่อยากให้คนสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติ เลยให้เธอออกไปบ้างเป็น ครั้งคราว แต่ไม่ให้เธอได้ใกล้ชิดใครเลยแม้แต่นิด

หลังรู้ความจริง เธอเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในน้ำลึกไฟร้อน ทุกวัน ไม่กล้านอน กลัวหลังจากตัวเองหลับไปแล้วจะไม่ ได้ตื่นขึ้นมาเจอพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้อีก

เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ตอนนี้เธอผอมแห้งจนเหลือ แต่กระดูกไปแล้ว

วันนี้กว่าจะหาโอกาศได้ไม่ใช่ง่ายๆ อยากขอความ ช่วยเหลือจากศัตรูของลิสา แต่นึกไม่ถึงว่าธีระกลับมาด้วย ความเร่งรีบ และเอาเธอที่รอดพ้นจากเนื้อมือของชาตรีมา ที่นี่อีก…………

เพราะการที่เธอไม่เชื่อฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอรู้ว่าวัน ตายของเธอใกล้มาถึงแล้ว

ถ้าไม่ใช่แบบนี้ ทำไมลิสากับธีระพูดอะไรก็ไม่หลีก เลี่ยงเธอแล้ว?

นั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำอย่างหมดเรี่ยวแรง หยาดทิพย์ รู้สึกตัวเองเหมือนหมาตัวหนึ่งที่ถูกจับขังไว้ในกรง อาจจะ สูญเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ
หลับสบายมาทั้งคืน พิงกี้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่ามาก

อยู่บ้านสบายที่สุดแล้ว

แต่แล้ว พอหันหน้าไปดู เธอกลับพบว่าท่านประธาน ยังอยู่บนเตียง

นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก เธอนึกว่าท่านประธาน จะไปทำงานที่ห้องสมุดแต่เช้า แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขายัง นั่งอยู่บนเตียง ตอนที่เธอมองไปที่เขา เขายังไม่รู้ว่าเธอ ตื่นแล้ว แววตาทั้งคู่จ้องไปที่ไกลๆ เหมือนกำลังครุ่นคิด อะไรอยู่

แต่ว่า พอคิดๆดูพิงกี้ก็เดาออกแล้

“กี่โมงแล้วคะ?” เธอถาม

เควินอึ้งและมองมาที่เธอ หยิบนาฬิกาบนหัวเตียงมา ดูเวลา เสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ได้ดังขึ้น “เก้าโมง

หลังจากวางนาฬิกาลง เขาโน้มตัวมาจูบที่หน้าผาก เธอ “เมื่อคืนหลับสบายมั้ย?”

“หลับสบายค่ะ” พิงกี้พยักหน้า และถามด้วยความแปลกใจ “คุณตื่นตั้งแต่กี่โมงคะ?”

“หกโมง”

“จากนั้นก็นั่งอยู่บนเตียงแบบนี้สามชั่วโมง? ฉันนึกว่า คุณเพิ่งตื่นไม่นานเสียอีก……” พิงกี้จ้องตาโต และรู้สึก แปลกใจ

เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตเป็นระบบระเบียบมากเชียว

ตื่นหกโมงเช้าทุกวัน ออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมง ทาน อาหารเช้าเสร็จ จากนั้นก็จะเริ่มไปทำงาน

แต่วันนี้เขากลับนั่งอยู่บนเตียงสามชั่วโมง

“คิดที่บนเตียงก็เหมือนกัน”

“คุณกำลังคิดเรื่องเมื่อคืน

“อืมๆ”

“คุณคิดพิจารณาไปถึงไหนแล้วคะ?” พิงกี้ยักคิ้ว และถามด้วยอารมณ์คึกคัก
เควินรู้สึกจนปัญญา ยื่นมือไปเตะที่จมูกเธอ และถามด้วยสายตาเอ็นดู “คุณเฝ้ารอใจจดใจจ่อขนาดนี้ เชียวเหรอ ไม่กลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นเลยรึยังไง?”

“มีคุณคอยให้คำชี้แนะกับฉัน ฉันไม่มีอันตรายหรอก

ค่ะ”

“โอเค”

“จริงหรือคะ?” พิงกี้รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก “คุณ รับปากฉันจริงๆ?” เดิมทียังเตรียมให้ป้าเฉินช่วยพูดหว่าน ล้อม คิดไม่ถึงยังไม่ต้องให้ป้าเฉินออกหน้า ท่านประธาน ใหญ่ก็รับปากแล้ว

“ใช่” เควินตัดสินใจได้แล้วก็รู้สึกผ่อนคลายลง ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกจนปัญญากับเธอจริงๆ แต่ว่า เขาก็มีข้อเรียกร้องนะ แถมยังเป็นข้อเรียกร้อง ที่เข้มงวดมากด้วย

ลุกขึ้นจากเตียง เควินหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเสร็จ และพูดอย่างจริงจังว่า “เพื่อรับประกันความปลอดภัยของ คุณ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะสอนความรู้เกี่ยวกับการ สอดแนมและการต่อต้านการสอดแนมให้คน และสอนคณเวลาเจอสถานการณ์คับขันจะแก้ไขปัญหายังไงถึงจะดี ที่สุด คุณต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้เป็น ผมถึงจะให้คุณปฏิบัติ ภารกิจ คุณเข้าใจผมใช่มั้ย?

“ฉันเข้าใจค่ะ”

“อืม ถ้าความรู้พวกนี้คุณก็เรียนรู้ไม่เป็น ไม่สามารถ ผ่านการทดสอบของผมได้ งั้นผมก็ไม่มีทางอนุญาติให้ คุณตัดสินใจโดยพลการไปสืบหาความจริงที่ตระกูลดำรง กูลอย่างแน่นอน ผมก็หวังว่าคุณอย่าทำอะไรบ่มบ่าม อย่า ประมาทคนของตระกูลดำรงกูล ต้องรู้ไว้นะ นายชาตรีนี่ เป็นจิ้งจอกเฒ่าตัวนึงเชียวนะ ตอนที่ผมเผชิญกับเขา ผม ยังต้องระวังตัวแล้วระวังตัวอีก

ไม่ว่าพิงกี้ก็ดี หรือสมาชิกคนอื่นๆของหน่วสืบลับก็ ช่าง เขาก็มีข้อเรียกร้องแบบนี้เช่นกัน นี่ก็เป็นวิธีที่รับผิด ชอบซึ่งกันและกัน

“ได้ค่ะ” พิงกี้รับปากอย่างไม่มีการลังเล

เควินลูบศรีษะเธอ

สาวน้อยที่เชื่อฟังอย่างนี้ เขาไม่ได้เห็นมานานมาก

แล้ว
เพื่อได้เข้าสู่โหมดทำงานโดยเร็วที่สุด หลังจากทาน อาหารเช้าเสร็จ พิงกี้ก็ดึงเควินเข้าสู่ในการเรียนรู้

ทุกวันทำการฝึกฝนวันละสองชั่วโมง หลังจากได้ เรียนพิงกี้ก็รู้สึกน่าทึ่งมาก

เพราะช่วงเช้าใช้พลังไปเยอะ การแสดงออกที่ ชัดเจนที่สุดคือ ตอนเที่ยงเธอดื่มน้ำซุปเพิ่มขึ้นอีกถ้วย ทำ จนป้าเฉินยิ้มแฉ่งไปด้วย บอกว่ากลางคืนจะตุ้นน้ำซุปให้ เธอดื่มอีก จะให้เธอดื่มให้หนำใจเลย……

ตอนบ่ายพิงกี้ยังอยากฝึกฝนต่อ แต่เควินกลับมีเรื่อง ต้องสะสางเยอะมากเลยไม่สามารถสอนเธอ ถ้าให้คนอื่น สอนเธอ ก็กลัวจะแหวกหญ้าให้งตื่น เดี๋ยวผลที่ได้จะตรง ข้ามกับสิ่งที่คาดหวังอี

พิงกี้ไปพักเที่ยงด้วยความรื่นรมย์

หลังพักเที่ยงเสร็จ เธอได้รับสายจากน้ำหวาน

นึกถึงเหตุการณ์ที่อึดอัดของเมื่อวาน พิงกี้ยังรู้สึกเก้อ เขินอยู่ ชัดเจนมากว่าน้ำหวานที่อยู่ในสายก็รู้สึกเก้อเขิน เหมือนกัน

“พิงกี้ ฉันคืนดีกับดุสิตแล้ว…..
พิงกี้เตรียมใจไว้ตั้งนานแล้ว เธอแค่ถามว่า “น้ำหวาน เธอคิดดีแล้วจริงๆเหรอ?”

“อืม…..” เสียงของน้ำหวานแฝงด้วยความเขินอาย “ดุสิตบอกกับฉันว่าต่อไปเขาจะไม่ลังเลอีก จะรักแค่ฉัน คนเดียว…..ถึงแม้ทางบ้านของเขากดขี่เขา แต่ตอนนี้เขา ได้ย้ายออกมาจากบ้านแล้ว บอกว่าจะมาอยู่กับฉัน”

“งั้น…..” จู่ๆพิงกี้รู้สึกไม่ดี

จากนั้น เธอก็ได้ยินยัยตัวแสบคนนี้พูดอย่างหน้าด้าน ไร้ยางอาย “เอ่อ…..เพื่อโลกส่วนตัวของฉันกับดุสิต หรือ ว่าเธอย้ายออกเถอะ

” พิงกี้จ้องตาโต “คุณพี่ นี่คุณพี่กะว่าข้าม แม่น้ำเสร็จก็จะรื้อสะพานเลยเหรอคะ เธอยังมีหัวจิตหัวใจ อยู่มั้ยเนี่ย?”

“ฮ่าๆๆ ฉันมันคนไม่มีหัวใจอยู่แล้วเพราะยังไงซะ เมื่อวานเธอก็ถูกท่านประธานอุ้มกลับบ้านแล้ว ต้องมีอะไร กับเขาไปแล้วแน่ๆ?” น้ำหวานหัวเราะอย่างต่ำช้า “มีก็ มีอะไรกันไปแล้ว อย่าทำตัวหยิ่งหน่อยเลยหน่ะ ตอนนี้ก็ หน้าหนาวแล้ว เธอก็ต้องการผู้ชายมาเติมเต็มความอบอุ่น แล้ว! ”
พิงกี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ