คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่497: เพื่อนรัก ก็ต้องเอามาหลอกล่ออยู่แล้ว



บทที่497: เพื่อนรัก ก็ต้องเอามาหลอกล่ออยู่แล้ว

“ก็นําหวานไง” เตชิตยิ้มเหมือนหมาเห็นฟัน ทำ หน้าเหมือนปวดหัว “ผมมาทุกครั้งเธอก็ต้องคอยดุผม คอยกัดผม ไม่ใช่หมาแล้วจะเป็นอะไร?”

“.…….…..” พิงกี้หน้าบึ้ง “ถ้าถูกน้ำหวานได้ยินเข้า คุณต้องถูกถลอกหนังแน่”

เมื่อก่อนก็ไม่รู้สึกว่าเตชิตปากหมาขนาดนี้ ตอนนี้นี่ บรรลุจุดสุดยอดแล้ว

“มาก็มาสิ กลัวซะที่ไหน?” เตชิตหน้าตาชิวๆ

พิงกี้ “ .……………”

“อ้อ~ใช่ ยัยบ๊องนั่นไปไหนแล้วล่ะ? วันไหนถ้า ไม่ได้ว่าเธอสักหน่อย รู้สึกขาดอะไรไปก็ไม่รู้” เตชิต ยอมรับว่าตัวเองอยู่บ้านก็เบื่อหน่ายเกินไปแล้ว ไม่งั้น ทำไมถึงได้รู้สึกต่อปากต่อคำกับน้ำหวานเป็นความสนุก อย่างหนึ่งล่ะ?

ดวงตาพราวเสน่ห์ของเขาจ้องมองไปที่พิงกี้ รู้สึก ว่าปัญหาต้องเกิดจากพิงกี้แน่นอน

ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความสุขกับการแสดงเป็นแม่ ศรีเรือนที่ดีคนนี้ ไม่เล่นเกมส์กับเขา เขาก็ไม่ต้องถึงขั้น น่าสงสารขนาดนี้ ถึงขั้นชอบเถียงกับคนที่ปัญญาอ่อน จนถึงขั้นโง่อย่างน้ำหวาน!
“น้าหวานเฝ้าเด็กที่โรงพยาบาล ตอนนี้ยังไม่มี เวลากลับมาค่ะ”

“เด็กอะไร?”

เตชิตแปลกใจ พิงกี้ก็รู้สึกไม่มีอะไรต้องปิดบังเขา เลยเล่าเรื่องให้เขาฟังอย่างละเอียด

หลังจากได้ฟังเรื่องของต้นข้าว รอยยิ้มบนใบหน้า ของเตชิตก็จางหายไป สีหน้าแววตาเย็นเฉียบขึ้นมา

“เรื่องขององค์กรSCมีความคืบหน้าไปถึงไหน

แล้ว?” เขาถาม

ตอนนี้คุณหญิงเพียงดาวกับไกรสรก็ไม่อยู่แล้ว เต ชิตก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับองค์กรSC เรื่องพวกนี้ก็ ไม่พูดให้เขาฟังโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงอะไร

เพียงแต่ พิงกี้ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร เลยเล่าได้แค่ เท่าที่ตัวเองรู้

ได้ยินไพโรจน์และดวงใจฆ่าตัวตายอยู่ในสถาน กักกัน ส่วนดุสิตก็ถูกจับเข้าคุก เตชิตขมวดคิ้วไว้แน่น ถอนหายใจเบาๆคำหนึ่ง “ผมว่าน้ำหวานนี่ก็ซวยจริงๆ เลย ทําไมชอบเจอแต่ผู้ชายเหี้ยๆอยู่นั่นแหละ?

“นอกจากดุสิต น้ำหวานยังจะมีใครอีกคะ?”ฟังก์ชักจะแปลกใจแล้ว “เมื่อก่อนน้ำหวานไม่เคยมี แฟนสักหน่อย คุณบอกว่าชอบเจออยู่นั่นแหละ หรือ ว่า………หนึ่งในนั้นจะคือคุณ?”

พริบตาเดียวเตชิตก็กระหืดกระหอบขึ้นมาเลย “ผมไม่ใช่ผู้ชายที่กินไม่เลือกสักหน่อย แม่ง ผมไม่ได้มี อะไรกับเธอนะ!”

ผู้ชายคนนี้ กลัวผู้หญิงที่ตัวเองชอบนึกว่าตัวเองไป ชอบผู้หญิงคนอื่นที่สุดเลย

เขาเป็นคนที่จิตใจแน่วแน่ขนาดนี้ จะเปลี่ยนใจไป รักคนอื่นได้ยังไง?

ตลกสิ้นดี!

“อ๋อ……” พิงกี้ตอบอย่างไม่มีความจริงใจ “ฉันรู้ แล้วค่ะ…..แต่ว่า ทำไมคุณถึงคำพูดว่า(เจอผู้ชายเหี้ยๆ อยู่นั่นแหละล่ะ)?”

“ผมพูดติดปาก โอเคหรือยัง?”

..โอเคๆ ฉันเชื่อคุณก็ได้ค่ะ

“อ้อ ใช่.…..…….” เตชิตพูดอย่างอึดอัดใจอีกแล้ว “เพราะต้นข้าวกลัวคนแปลกหน้า เธอก็เลยจะย้ายออก ไปอยู่ที่อื่นเหรอ? แต่ตอนนี้เธอเป็นคนที่องค์กรSCจ้องอยากจะกำจัด ผู้หญิงที่มีพลังน้อยนิดคนหนึ่งแถมยังมี เด็กอยู่ข้างกายด้วย แบบนี้มันไม่อันตรายเหรอ?”

“ฉันเกลี้ยกล่อมแล้ว แต่เกลี้ยกล่อมก็ไม่มี

ประโยชน์นี่คะ” พิงกี้ก็ปวดหัวเหมือนกัน “เวลาน้ำ หวานหัวดื้อขึ้นมา วัวแปดตัวก็ดึงไม่กลับ นอกจากหาบ้า นระแวกนี้ให้เธอ ฉันก็คิดหาวิธีอื่นไม่เจอแล้วค่ะ”

“หรือเอางี้มั้ย ให้เธอมาอยู่บ้านผม?” จู่ๆเตชิตมี ความคิดนี้ขึ้นมา จึงเปิดปากพูดด้วยจิตใต้สำนึก

พอพูดจบ เขาก็รู้สึกผิดปกติแล้ว

ทั้งๆที่เขารำคาญน้ำหวานจะแย่ แล้วจะเอาคน อย่างนี้มาอยู่ที่บ้านได้ยังไงล่ะ?

ถ้าอยู่ใต้ชายคาเดียวกันจริงๆ เขาคาดว่าคงไม่ได้มี ชีวิตอยู่อย่างสงบแน่

“ถือว่า…….”

เพียงแต่ที่เสียดายคือ เตชิตเพิ่งพูดคำว่า “ถือว่า “ออกมา พิงกี้ก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา มอง เขาด้วยความเซอร์ไพรส์ “คุณเตชิต คุณนี่เยี่ยมที่สุด เลยค่ะ แถมยังมีคุณธรรมมากเลยด้วย! ทำไมฉันถึงนึก ไอเดียดีๆแบบนี้ขึ้นมาไม่ได้นะ?! ความสัมพันธ์ของคุณ กับน้ำหวานดีขนาดนี้ บ้านคุณก็ใกล้บ้านฉันมาก คุณเองก็เก่งกาจขนาดนี้………ให้น้ำหวานไปอยู่ที่บ้าน คุณ ฉันก็รู้สึกวางใจแล้ว!

เตชิต “

แต่ว่าเขาไม่วางใจเลยสักนิด!

เวลาผ่านไปครึ่งเดือน

รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาครึ่งเดือน ต้นข้าวก็ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

รักษาร่างกายและคอยมีน้ำหวานดูแลเป็นอย่าง ดีมาครึ่งเดือน ถึงเป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายจะฟื้นฟูกลับ มาในทันที แต่เด็กฟื้นฟูได้เร็วมาก ใบหน้าซูบผอมของ ต้นข้าวเริ่มมีเนื้อขึ้นมาแล้ว ความเย็นชาของสีหน้าก็ น้อยลงจากตอนที่เพิ่งมาอยู่ที่เมืองหลวงใหม่ๆแล้ว แต่มี ความไร้เดียงสาของเด็กเพิ่มมากขึ้น

เธอพึ่งพาน้ำหวานมาก ดวงตาทั้งคู่แทบจะจ้อง มองอยู่ที่บนตัวของน้ำหวานอยู่ตลอดเวลา ยืนหยัด ความคิดที่จะน้ำหวานดูแลเธอ

ความรุนแรงที่ต้นข้าวประสบพบเจอ ภายใต้การ ปรึกษาหารือของน้ำหวานและพิงกี้ ไม่ได้ใช้เรื่องนี้มาเป็นสาเหตุในการตั้งข้อหาให้พี่ใหญ่

ไม่ใช่เพราะจะให้นักโทษลอยนวลอยู่นอก กฎหมาย แต่ว่าโทษฐานของพี่ใหญ่ในตอนนี้ก็เพียง พอที่จะให้เขาถูกตัดสินประหารชีวิตครั้งหนึ่งแล้ว ไม่ จําเป็นต้องพูดเรื่องของต้นข้าวออกไป

ไม่ว่ายังไง ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าโลกใบนี้สำหรับผู้ หญิงแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด ถึงจะได้ไม่มีข้อผิดพลาด

พวกเธอก็กลัวว่าถ้าพูดเรื่องของต้นข้าวออกไป จะ มีผลกระทบกับชีวิตวันข้างหน้าของเธอ ถ้าเป็นไปได้ ล่ะก็ พวกเธอหวังว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด อีกตลอดชีวิต พวกเธอก็จะพยายามเปลี่ยนแปลงท่าที ที่ประพฤติตัวกับต้นข้าวด้วยความระมัดระวัง ต่อจากนี้ ให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ

ใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติคนหนึ่ง

คำว่า “ปกติ” พูดออกมาฟังดูประชดไปหน่อย แต่ อยู่ภายใต้ข้อสันนิฐานที่เลวร้ายมาก ก็สามารถกลาย เป็นคำอวยพรที่สวยงามได้

สำหรับคำแนะนำที่พิงกี้เสนอมาว่า ให้น้ำหวาน กับต้นข้าวย้ายไปอยู่ที่วิลล่าของเตชิต น้ำหวานไม่ได้ แสดงออกถึงความต่อต้านที่รุนแรงมาก……………. ลังเลไปพักหนึ่ง เธอก็พยักหน้าด้วยความสงบแล้ว
“ฉันรู้สึกนี่ก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว งั้นก็เอาตามที่ เธอพูดเถอะ” น้ำหวานหันไปมองต้นข้าว แววตาแฝง ด้วยความกังวล “แต่ว่าเรื่องเรียนของต้นข้าวก็ต้อง พยายามรีบจัดการให้เรียบร้อย พิงกี้ เธอสามารถฝาก ต้นข้าวเข้าเรียนที่อนุบาลของแถวL.K.Crystalวิลล่า ไหม?”

L.K.Crystalวิลล่ามีอนุบาลนานาชาติอยู่ แต่ถ้า ฝากต้นข้าวเข้าเรียนไม่รู้จะยุ่งยากหรือเปล่า?

ตอนนี้น้ำหวานเห็นต้นข้าวเป็นเหมือนลูกของตัว เอง ย่อมอยากให้เธอได้รับสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

เรื่องนี้ให้เควินออกหน้า ที่จริงก็เป็นแค่เรื่องทักทาย กับทางโรงเรียนหน่อย เดิมทีพิงกี้อยากรับปากในทันที แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ แววตาเธอแฝงด้วยรอยยิ้ม เธอ พูดให้คำแนะนำด้วยความรื่นรมย์ “ในเมื่อต้นข้าวจะ ไปพักที่วิลล่าNo.3อยู่แล้ว งั้นสู้เธอให้เตชิตช่วยเหลือ ดีกว่า ให้เขาไปพูดกับผู้อำนวยการของโรงเรียนหน่อย เรื่องนี้ไม่ยุ่งยากหรอก

เพื่อนรัก ก็ต้องเอามาหลอกล่ออยู่แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ