คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่359: เราสามารถรวมหัวกันทำความชั่ว



บทที่359: เราสามารถรวมหัวกันทำความชั่ว

“อ้อหรอ? งั้นตอนนี้คุณกลายเป็นอัมพาตแล้ว ฉัน ก็ควรจะตัดขามามอบให้คุณ เพื่อแสดงว่าฉันเป็นลูก กตัญญูสินะ? คุณมีหน้ามากล่าวโทษฉัน คุณเคยคิดมั้ย ว่าคุณเองก็เป็นแม่คนนึง ไม่ควรรักแค่ลูกบุญธรรมคน เดียว ต้องดีกับฉันด้วย? ตอนที่คุณเรียกร้องให้ฉันไป ทำแท้ง สมองคุณเคยคิดมั้ยว่าคุณเป็นแม่ของฉัน?”

เรื่องที่ตัวเองยังทำไมได้ ยังมีหน้ามาเรียกร้องให้ เธอทําได้ คงจะคิดว่าตัวเองมีหน้ามากเลยใช่มั้ย?

พิงกี้หัวเราะเยาะอยู่ในใจ

เธอก็รู้เลยว่าหลังจากมาลาตีตื่นต้องมีอาละวาท ชุดใหญ่แน่นอน แต่เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่ามาลาตีกล้าพูด อย่างไม่อายปากขนาดนี้ ถึงกับเอาความผิดทุกอย่าง โยนมาให้เธอ

นี่มันสมองพิการถึงขีดสุดเลยชัดๆ?

เธอไม่ตามใจมาลาตีหรอก ไม่สนว่าเธอจะเป็นแม่

แท้ๆหรือว่าแม่บุญธรรม

มาลาตีถูกการย้อนถามของพิงกี้ทำเอาจนพูดไม่ ออกเหมือนคนใบ้ ความโมโหถูกกดขี่ลงไปอย่างสิ้นเชิง เธอถามอย่างล้ำๆอึ้งๆ “ฉัน….ฉันก็เป็นแบบนี้แล้ว แก อ่อนข้อให้ฉันหน่อยไม่ได้รึไง?”นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรก ที่เธอพูดจาอ่อนข้อต่อ หน้าพิงกี้

แน่นอนว่าที่ก้มหัวให้ลิสาพวกนั้นไม่นับ

“ไม่ได้!” พิงกี้พูดอย่างตัดรากถอนโคน “นี่เป็น เรื่องของหลักการ ไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันไม่ใจดีไป แบกกรับความผิดหรอก! ยังมีอีก ต้องบอกกับคุณด้วย ความเสียใจนะ เมื่อคืนที่บ้านดำรงกูลเกิดเพลิงไหม้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีคนจงใจวางเพลิง คุณลองทายดู ซิว่าคนๆนั้นคือใคร?”

“ใคร?” มาลาตีไม่มีเวลาแม้แต่จะมาต่อว่า เธอ ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธกริ้ว “นัง ลําดวนใช่มั้ย นายเต่าใช่มั้ย? เป็นพวกมัน ต้องเป็นพวก มันแน่ๆเลย ฉันรู้ว่าพวกมันอยากให้ฉันตาย!”

ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความแค้น หรือแม้ กระทั่งเสียใจภายหลัง

“ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าพวกมันใจดำขนาดนี้ ฉันเอา พวกมันตายก่อนก็ดีแล้ว!” มาลาตีกัดฟันพูดคำออก มานี้ อยากจะคว้าของอะไรสักหน่อย เอาไว้เขวี้ยงเพื่อ ระบายไฟแค้นของในใจ แต่ข้างกายไม่มีของอะไรให้ คว้าเลยด้วยซ้ำ

เพราะก่อนหน้านั้นของที่อยู่ข้างกายทุกอย่างถูกเธอเขวี้ยงจนเกลี้ยงแล้ว

“คุณแน่ใจหรอว่าเป็นพวกเขา?” พิงกี้ยิ้มมุมปาก แววตาเยาะเย้ย

มาลา เงยหน้ามองไปที่เธอทันที “แน่ใจสิ ฉัน แน่ใจอยู่แล้วว่าต้องเป็นพวกมัน! พวกมันสองคนต้องไม่ ได้ตายดีแน่!”

เพียงแต่ ถึงปากพูดแบบนี้ แต่ในใจของมาลาตีมีคำ ตอบที่น่ากลัว ขอแค่นึกถึงก็สามารถทำลายเธอได้ คนๆนั้น….….……….

จะเป็นคนที่สี่หรือเปล่า ลิสา ?

ไม่นาน พิงกี้ก็พิสูจน์การคาดเดาของเธอ

“ไม่ใช่ป้าลำดวน และไม่ใช่ลุงเต๋าด้วย แต่ว่าพวก เขาก็ไม่ได้ตายดีจริงๆนะ แย่กว่าคุณเสียอีก ถูกเผาตาย อยู่ในห้องใต้ดินจนไหม้เกรียม” เสียงที่เยือกเย็นของ พิงกี้ เหมือนค้อนหนักอันนึงที่ทุบลงมากลางสมองของ มาลาตีอย่างโหด “คนที่วางเพลิงเผาบ้านดำรงกูลคือ จอย คนรับใช้ที่อยู่ข้างกายคุณ! ทั้งหมดสี่คน ตายไป สอง คุณกลายเป็นแบบนี้ มีแต่เธอที่หายสาบสูญไป ดัง นั้นเธอจึงเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด
“ไม่ เป็นไปไม่ได้. ……..” มาลาตีสายหัวสุดฤทธิ์

“คุณยังไม่เชื่ออีกหรอ? งั้นฉันจะบอกคุณให้ ตู้ เซฟในห้องของคุณก็ถูกเปิดออกมาแล้ว เครื่องประดับ และของมีค่าของคุณถูกกวาดไปหมดจนเรียบ คุณยัง จะตื้นด้านยืนกรานความเห็นของตัวเองอีกมั้ย?”

“ห้า อะไรนะ?”

“ก็เหมือนที่คุณได้ยินนั่นแหละ ก่อนคนที่ชื่อจอย จะวางเพลิง เธอได้กวาดทรัพย์สินของบ้านดำรงกูลไป หมดถึงได้จากไปอย่างสบายใจเฉิบ ส่วนคุณ……คุณรู้ มั้ยว่าเมื่อคืนทำไมคุณหลับสนิทเหมือนคนตายขนาดนี้ แม้แต่ไฟไหม้คุณก็ยังไม่รู้?

“เพราะ เพราะอะไร?

“ก็เพราะคุณถูกวางยาน่ะสิ! คุณหมอตรวจ ร่างกายของคุณพบว่ามียานอนหลับค้างอยู่ในร่างกาย คุณลองคิดดูซิว่าเมื่อคืนคุณดื่มอะไรไปบ้าง ทานอะไร ไปบ้าง ก็จะสามารถได้ข้อสรุปเอง! ไมงั้น คุณคิดว่าไฟ เผาอยู่คุณเจ็บไม่เป็นรึไง?”

มาลาตีตะลึง ปากอ้าค้างไว้โดยไม่รู้ตัว แววตาเต็ม ไปด้วยความช็อค

ด้วยจิตใต้สำนึก เธอจับไปที่แขนของตัวเอง ที่แขนมีแผลๆนึง สาหัสมาก……..และถ้าไม่ใช่นักดับเพลิง สามารถช่วยเธอออกมาจากเพลิงไฟได้ทันท่วงที ไม่แน่ เธออาจจะตายไปตั้งนานแล้ว

เมื่อคืนเธอดื่มอะไรไป?

เธอดื่มนมที่จอย ไม่….ดื่มนมที่ลิสายกมาให้เธอ จากนั้นเธอก็ง่วงนอนและเดินขึ้นไปพักผ่อนที่ห้อง

ตอนนี้คิดๆแล้ว ปกติเธอเป็นคนง่วงนอนตรงเวลา ทำไมเมื่อคืนถึงบังเอิญง่วงนอนเช้ากว่าปกติขนาดนี้? ที่แท้ เป็นเพราะว่าลิสาวางยานอนหลับให้เธอนี่เอง

นี่ นี่ก็เป็นแผนการที่ลิสาเตรียมไว้เช่นกันหรอ?

มาลาตียังคิดเรื่องนี้ไม่ตก ก็ได้ยินพิงกี้ถามขึ้นมา อีกว่า “คุณมาลาตี ตอนนี้คุณจะบอกได้หรือยังว่าจอย เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาจากไหน?คุณถึงได้เชื่อใจเธอขนาด นี้ เชื่อใจจนถึงขั้นกล้าบอกรหัสตู้เซฟกับคนที่เพิ่งรู้จัก กันไม่ถึงสองเดือน นี่เหมือนจะแปลกไปหน่อยนะ?”

มาลาตีสีหน้าและแววตาอึ้งค้างไว้

จนกว่าพิงกี้ถามขึ้นมาอีกครั้ง เธอถึงตอบอย่างอึ้ง

ว่า “เธอ….เธอคือลิสา”

“ลิสา?” พิงกี้ค่อนข้างแปลกใจ เธอมองไปยังเควินที่นั่งอยู่บนโซฟา เผชิญกับแววตาที่ดำสนิทของเขา แล้ว เธอพยักหน้า

สายตามองมาที่มาลาตีใหม่ เธอถามต่อ “คุณรู้ว่า จอยคือลิสาตั้งแต่เมื่อไหร่? รู้ตั้งแต่แรกหรือพบเห็นโดย ไม่ได้ตั้งใจ?”

“พบเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่จริงฉันก็เพิ่งจะรู้เมื่อวาน

นี้เอง”

“พูดอย่างละเอียดหน่อยได้มั้ย? ถ้าคุณสามารถ ให้ข้อมูลที่ละเอียด ไม่แน่เราอาจจะสามารถจับลิสามา รับโทษโดยตรงก็ได้ แต่ว่า…….คุณคงไม่ใช่ถึงเวลา นี้แล้วยังจะอยากปกป้องลูกบุญธรรมของคุณมั้งคะ?” พูดถึงสุดท้าย น้ำเสียงของพิงกี้แฝงด้วยการเหน็บแนม

สำหรับคนอย่างมาลาตี พูดดีๆด้วยไม่เกิด ประโยชน์ ต้องกระตุ้นเธอหน่อย เธอกลับจะไปตาม จังหวะของพวกเขา และพูดความจริงออกมา

เป็นอย่างที่คิดจริงๆซะด้วย

“ฉันไม่ปกป้องนังแพศยานั่นอยู่แล้ว! ฉันจะบอก แกนะ คนที่จิตใจโฉดชั่วเหมือนหมาป่าอย่างมัน ฉันไม่ ไปแจ้งความจับมันก็บุญแค่ไหนแล้ว ฉันไม่โง่ที่ยังไป ปกป้องมันอีกหรอก!”
มาลาตีชูคอพูด เธอไม่ยอมรับว่าเมื่อกี้ตัวเองมี ความสงสัยนิดหน่อยอยู่

ที่จริง ตอนนี้ก็ยังมีความสงสัยอยู่เหมือนกัน

“แกคงไม่ใช่จงใจพูดแบบนี้เพื่อมาหลอกฉันมั้ง? มันเอาทรัพย์สินหนีไป แถมยังเป็นคนวางเพลิงจริงๆ หรอ?” มาลาตีไม่เชื่อ

“เหอะๆ”

พิงกี้ยังจะพูดอะไรได้อีก

เอาโน๊ตบุ๊คมาจากมือของเควินโดยตรง ค้นหาไฟล์ งานที่อยู่บนหน้าจอออกมา และกดเข้าไปเปิดรูปให้ มาลาตีดู “นี่ คุณดูเองเถอะ ตู้เซฟของคุณไม่มีร่องรอย การงัดแงะเลยสักนิด เพราะคุณภาพดี อยู่ในเพลิงไหม้ ยังสามารถรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นไงล่ะคง ซึ้งมากเลยใช่มั้ย?! ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ รอให้คุณ ตำรวจมาหาคุณ คุณสามารถสอบถามพวกเขาโดยตรง เลย พวกเขาล้วนแต่เชื่อถือได้ทั้งนั้น”

มาลาตีไม่เชื่อไม่ได้แล้ว

“ก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้ฐานะของมันมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่คืนนั้นมันถูกเฆี่ยนที่คฤหาสน์ภิรมย์ภักดีจน ร่างกายมีแผลเต็มตัว แล้วฉันให้นังลำดวนเช็ดตัวเปลี่ยนผ้าให้มัน แล้วนังลำดวนสังเกตุเห็น ไม่แน่ฉันยัง ต้องถูกปิดไว้ตลอดแน่ๆ หลังจากนังลำดวนบอกให้ฉัน เสร็จ ก็บอกว่าจะแจ้งจับมัน แต่ฉันไม่ยอม…..ไม่ ฉัน บอกว่าอย่าบุ่มบ่าม กลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น จากนั้น ฉันก็รับมือกับเธอก่อน กลัวเธอสังเกตุเห็น…….อืม ก็ เพื่อปิดบังความจริงเธอ ฉันถึงได้ขังนังลำดวนกับนาย เต๋าไว้ที่ห้องใต้ดิน เดิมทีอยากแจ้งจับลิสานังแพศยานั่น ช้าหน่อย คิดไม่ถึงว่ามันจะทำเรื่องแบบนี้เสียก่อน แล้ว มันก็หนีไป!นี่มันจะฆ่าฉันนะเนี่ย!”

พูดถึงสุดท้าย นึกถึงช่วงล่างของตัวเองกลายเป็น แบบนี้ นึกถึงโศกนาฏกรรมของที่บ้าน มาลาตีได้ร้องไห้ ขึ้นมาอีก และด่าลิสาฉอดๆๆ

เมื่อก่อนเคยรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน ตอนนี้ก็ เกลียดมันมากแค่นั้น

ความรู้สึกที่ถูกทรยศ ขอแค่เป็นคนไม่มีใคร สามารถยอมรับอย่างใจเย็นและสงบได้หรอก

สิ่งที่มาลาตีสามารถพูดได้ก็พูดออกมาพอสมควร แล้ว อย่างอื่น ก็ใช่ว่าพิงกี้ถามแล้วจะยอมพูดออกมา พิงกี้เห็นพอสมควรแล้วก็ได้หยุดไว้ก่อน ภารกิจของ เธอก็คือเป็นตะปูอันนึง ที่สามารถทำให้มาลาตีอารมณ์ รุนแรงขึ้น และเป็นจุดแตกหักจุดนึงเฉยๆ

ส่วนที่เหลือ ก็มอบหน้าที่ให้คนที่เฉพาะทางกว่าเถอะ

“เอาล่ะ คุณพักผ่อนเถอะ”พิงกี้เปิดปากพูด เธอมีท่าทีจะไป เควินก็ลุกขึ้นมาแล้วเช่นกัน

“แล้วแกล่ะ?” มาลาตีรีบถาม

“ฉันทำไม?”

“แกไม่อยู่เป็นเพื่อนฉันหรอ?”

“ที่นี่มีพยาบาลอยู่ คุณไม่ต้องห่วงหรอก”

“แต่ฉันอยากให้แกอยู่เป็นเพื่อนฉันนี่!” มาลาตีดู สถานการณ์ไม่เป็นอีกแล้ว

“อ้อหรอ?” พิงกี้หัวเราะเหอะๆ “ตอนนี้ฉันสนใจ คุณ ไม่ใช่เพราะมีความรักต่อคุณ และไม่ใช่เพราะ อย่างอื่น แต่เป็นเพราะฉันมีเงินไม่แคร์ที่จะเสียงตังค์กับ เรื่องแค่นี้ และยอมทำเพราะภาระผูกผันไม่อยากตก เป็นจุดอ่อนของคนอื่น แต่ถ้าคุณอยากให้ฉันปรนนิบัติ อยู่ข้างเตียงคุณเพื่อเป็นลูกกตัญญู แถมยังอยากอาศัย เรื่องนี้มาบีบบังคับฉัน สะอิดสะเอียนฉัน งั้นก็ต้องเสียใจ ด้วย…….ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับคุณด้วยหรอก!”

“เอ่อ~ใช่แล้ว ก่อนหน้านั้นที่พดเรื่องของป้าลำดวนกับลุงเต๋า ยังมีเรื่องนึงที่ไม่ได้บอกคุณ คุณรู้ มั้ยว่าทำไมมีแต่คุณที่ถูกช่วยเหลือออกมา แต่พวกเขา ตายอยู่ที่ห้องใต้ดิน? เพราะลูกสาวสุดที่รักของคุณเอา ไวน์ที่สามีคุณเก็บสะสมมาราดใส่พื้นหมด ไฟเลยลุก ท่วมหนักมาก ทำให้นักดับเพลิงเข้าไปช่วยไม่ได้ด้วย ดูจากจุดนี้แล้ว ลูกบุญธรรมสุดที่รักของคุณ ออมมือให้คุณจริงๆเลยนะ”

พอพูดจบ I ภายใต้สายตาที่โกรธกริ้วของมาลาตี พิงกี้ได้ควงเควินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างใจเย็น

ออกมาจากห้องผู้ป่วย พิงกี้อดถอนหายใจไม่ได้ พร้อมกับส่ายหัว

“เป็นอะไรไป?” เสียงทุ้มต่ำเสนาะหูของเควินดัง

ขึ้น

พิงกี้เงยหน้ามองไปที่เขา “คุณเชื่อคำพูดของ มาลาตีมั้ยคะ?”

“เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“อืม”

“คุณก็ไม่เชื่อ?”
“ก็แหงสิคะ…… ” พิงกี้หัวเราะเย็นชาทีนึง “นิสัย ของคนอย่างมาลาตีนี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ยัง มาพูดอะไรว่ากลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ยังแสร้งมาทำ เป็นเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผายอีก! ตอนนี้ฉันถือว่า ได้รู้เสียที ที่ป่าลำดวนกับลุงเต๋าอยู่ห้องใต้ดิน ต้องเป็น เพราะลิสากลัวฐานะของตัวเองถูกเปิดเผย และกลัวว่า ป้าลำดวนกับลุงเต่าจะไปแจ้งตำรวจเพื่อเอาเงินรางวัล แน่ๆ”

ก่อนหน้านั้นเธอก็เคยสงสัยแล้ว ว่าทำไมสองคน นั้นดึกดื่นป่านนี้ไม่หลับไม่นอน ลงไปห้องใต้ดินทำไม ตอนนี้ถือว่าความจริงกระจ่างสักที

เควินก็เห็นด้วยกับการคาดเดาของเธอ

เพียงแต่ เขาเห็นใต้ตาที่ดำคล้ำเพราะพักผ่อนไม่ เพียงพอของสาวน้อยแล้ว พริบตาเดียวความสงสาร ก็ได้ชนะสติ เขาถามด้วยความกังวล “ตอนนี้อารมณ์ดี ขึ้นหรือยัง?”

เมื่อคืน ตอนที่เพิ่งรู้ข่าว สีหน้าของพิงกี้ดูแย่แค่ ไหนเขายังจำได้อย่างชัดเจนมาก

เควินเป็นห่วงมาก แต่แล้ว พิงกี้กลับอดขำไม่ได้

“คุณนึกว่าฉันจะเป็นยังไง เสียใจโศกเศร้า หรือ เจ็บปวดใจมากงั้นหรอ? ไม่หรอกค่ะ……..” มือของพิงขยับไปข้างล่าง มือที่เรียวเล็กเสียบเข้าไปในซอกมือ ของเขา มือของทั้งสองกุมไว้ด้วยกัน และพูดด้วยเสียง เบาบาง “ที่จริงฉันไม่ได้เป็นคนจิตใจดีงามเหมือนที่คุณ คิดหรอกค่ะ ถ้ามาลาตีเสียชีวิต ฉันอาจจะเสียใจอยู่ นานมาก และจะคิดมากด้วย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอยังสามารถมีเรี่ยวแรงด่าฉันฉอดๆๆ ฉันเห็นใจเธอไม่ ลงจริงๆค่ะ”

“จริงเหรอ?”

“อืม……ถ้าพูดแบบน่าเกลียดหน่อย ตอนนี้เธอ กลายเป็นแบบนี้ ฉันยังรู้สึกสะใจเล็กน้อย แม้กระทั่งใน ใจก็ยังมีความคิดแบบนี้ด้วย ‘คุณดูเองเถอะ คุณดีกับลิ สาขนาดนั้น ดูซิว่าเธอทำกับคุณยังไง’ ”

เงยหน้ามองผู้ชายที่สง่าผ่าเผย พิงกี้ถามอย่าง ออดอ้อน “ที่รักคะ คุณจะคิดว่าฉันเป็นคนไม่น่ารัก จิตใจไม่ดีงามมั้ยคะ?”

“ผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว เราสองคน สามารถรวมหัวกันทำความชั่วได้” เควินยิ้มมุมปาก

แววตาที่ดำสนิทของเขาราวกับว่ามีดวงตาเปล่ง ประกายนับไม่ถ้วน สายตาที่มองเธอทั้งอ่อนโยนและ รักใคร่เอ็นดู แฝงด้วยความใจกว้างในการยอมรับความ เห็นของเธอ ราวกับว่าไม่ว่าเธอจะทำอะไร เขาก็เห็น ด้วย ไม่ว่าเธอเป็นยังไง เขาก็จะใส่ใจทกอย่าง
พิงกี้ “

ความรู้สึกแบบนี้ช่างดีจริงๆเลย

ถ้าว่าก่อนหน้านี้อารมณ์ยังหนักหน่วงอยู่ แต่ตอนนี้ เห็นรอยยิ้มที่หล่อเหลาจนไม่มีอะไรมาเทียบได้ของเขา แล้ว เหมือนได้ปัดเมฆทิ้งเห็นพระจันทร์อย่างไรอย่าง นั้น อารมณ์ของเธอก็สว่างโร่ขึ้นมาทันทีเลย

แบบนี้ก็ดีมากแล้ว

“เรากลับบ้านกันเถอะ เมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอ ตอนนี้กลับบ้านไปนอนพักเอาแรงหน่อยเถอะ” พิงกี้พูด

เควินเห็นด้วยอย่างยิ่ง พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

“โอเค มีอะไรขึ้นไปคุยบนเตียง

พิงกี้ “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ