คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่405: บ้านนึงทุกข์ บ้านนึงสุข



บทที่405: บ้านนึงทุกข์ บ้านนึงสุข

เควิน “

ไม่ เรื่องนี้เขาต้องปฎิเสธแน่นอน

เรื่องอะไรก็คุยกันได้ แต่“สวัสดิการยาม ค่ำคืน ” เรื่องนี้ เขาไม่อยากปรึกษาหารือกับเธอเลยด้วย ช้า!

พอสุรพลมาถึง ก็หนึ่งทุ่มกว่าๆแล้ว

พอเขาเดินเข้ามาในบ้าน หทัยรัตน์ที่อุ้มน้อง แอ๊ปเปิ้ลจนไม่อยากจะวางมือก็ได้เดินไปต้อนรับ แวว ตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายและความ คาดหวัง

เห็นเธอที่เป็นแบบนี้ สุรพลที่เดินมาด้วยสีหน้า เยือกเย็นและเคร่งขรึมก็ได้หวั่นไหวเล็กน้อย

หลายเดือนมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่สุรพลเป็นฝ่ายพูด คุยกับหทัยรัตน์ก่อน เขาถามว่า “หลานงอแงมั้ย?”

“ไม่งอแงเลยค่ะ เป็นเด็กเชื่อฟังมาก!” หทัยรัตน์

รีบส่ายหัว

เธออดไม่ได้ที่จะหยอกน้องแอ๊ปเปิ้ล น้องแอ๊ปเปิ้ลก็ให้หน้าคุณย่ามาก คอยปรบมือและหัวเราะจนน้ำลาย ยื่นออกมา

หทัยรัตน์มองไปที่สุรพลด้วยรอยยิ้ม “หลานเพิ่ง เปลี่ยนผ้าอ้อมมา คุณจะลองอุ้มดูมั้ยคะ?”

…..ได้” สุรพลคิดไปครู่นึงแล้วพยักหน้า

เขาไม่ได้อุ้มเด็กมานานมาก ยิ่งไม่เคยอุ้มเด็กที่ตัว เล็กขนาดนี้มาก่อน แต่น้องแอ๊ปเปิ้ลเป็นหลานคนแรก ของเขา เขาก็อยากใกล้ชิดกับหลานมากๆ

รับน้องแอ๊ปเปิ้ลมาที่อ้อมอกอย่างระมัดระวัง ท่าทางของสุรพลมีความรู้สึกเหมือนรับกระบี่อาญาสิ ทธิ์ชัดๆ

อุ้มน้องแอ๊ปเปิ้ลไว้ ร่างกายของเขาเกรงไปหมดทั้ง

ตัว

เห็นท่าทางที่ไม่ถนัดของเขา หทัยรัตน์อดหัวเราะ เยาะไม่ได้ จากนั้นก็ช่วยเขาปรับท่าทางที่อุ้มน้อง แอ๊ปเปิ้ลให้ถูกต้อง สอนให้เขารู้ว่าจะต้องอุ้มยังไงถึงจะ ทำให้น้องแอ๊ปเปิ้ลรู้สึกสบายตัว

ไปๆมาๆ ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ได้ดีขึ้นมา หน่อยนึง ไม่ได้เย็นชาขนาดนั้นแล้ว บรรยากาศก็ไม่ได้ เลวร้ายเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว
ตอนแรกหทัยรัตน์ยังไม่รู้สึก

แต่พอเธอสอนสุรพลเสร็จ ตอนที่สุรพลอุ้มน้อง แอ๊ปเปิ้ลไปนั่งที่โซฟาด้วยความสุข นี่ถึงได้ดึงสติกลับ มา เมื่อกี้เธอพูดคุยกับสุรพลไปนานมาก สุรพลก็ไม่ได้ รู้สึกเธอเลยแม้แต่น้อย และไม่ได้ใส่สีหน้าให้ เธอดูด้วย………

ในชั่วขณะ ในใจเธอรู้สึกซับซ้อนมาก ยิ่งรู้สึกเธอ ในอดีตช่างโง่เขลาสิ้นดี

ถึงไม่มีสาเหตุของสุรพลมาเกี่ยวข้อง ยิ่งได้ใกล้ ชิดน้องแอ๊ปเปิ้ล เธอก็ยิ่งรู้สึกชอบเด็กคนนี้มาก ทุกครั้ง ตอนที่คิดถึงตัวเองเกือบจะฆ่าน้องแอ๊ปเปิ้ลด้วยน้ำมือ ของตัวเองแล้ว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองสมควรตาย

ดีที่พิงกี้เป็นคนนิสัยดี ไม่ถือสาเธอ ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้ จริงๆว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี?

คำว่าขอโทษพูดเยอะไปก็ไร้ประโยชน์ ต่อไปเธอ ใช้การกระทำของตัวเองมาชดใช้ดีกว่า

พอสุรพลมาถึง พิงกี้ที่ช่วยเหลืออยู่ในห้องครัวก็ ออกมาแล้ว เควินก็ได้ลงมาจากห้องอ่านหนังสือเช่นกัน ทันใดนั้นห้องรับแขกที่ว่างเปล่าก็มีเสียงพูดคุยหัวเราะ ดังขึ้นมาทันที ผสมผสานกับเสียงร้องของน้องแอ๊ปเปิ้ล ทันใดนั้นก็คึกคักขึ้นมาทันที
อาหารเย็นเลิศหรูเต็มโต๊ะ

ป้ามะลิได้ทํารสชาติที่ทุกคนชอบ อาหารเลิศ หรูและสีสันน่าทาน ดูแล้วเรียกน้ำย่อยมาก แสงไฟที่ อบอุ่นสาดส่องอยู่บนอาหารที่มีสีสันน่ารับประทาน มี ความรู้สึกของบ้านที่อบอุ่นมาก

อาหารเย็นมื้อนี้ ทานกันอย่างมีความสุขมาก

ตอนที่พิงกี้ส่งหทัยรัตน์กับสุรพลกลับ ความแค้น ทั้งหมดเหมือนได้จางหายไปลับตาแล้ว

พิงกี้ไม่ถือสา ไม่ได้แปลว่าหทัยรัตน์ไม่ได้เอามา

ใส่ใจ

หทัยรัตน์เป็นคนที่ตรงไปตรงมาและเย่อหยิ่ง ตอน ที่เธอไม่ชอบใครสักคนก็คือไม่ชอบจริงๆ ตอนที่ชอบ ใครสักคนก็ยอมควักหัวใจทั้งดวงให้เลย

เธอในอดีตเกลียดขี้หน้าพิงกี้มาก ก็ย่อมหาเรื่อง ทำให้พิงกี้ลำบากใจทุกอย่างอยู่แล้ว ตอนนี้รู้สึกพิงกี้ไม่ เลว เธอก็อยากเข้าใกล้เธอและอยากทำดีกับเธอมาก

ก่อนขึ้นรถ หทัยรัตน์ถอดกำไลหยกที่อยู่ในมือลง มา และยัดไปที่มือของพิงกี้ “พิงกี้ วันนี้แม่มาอย่างเร่ง รีบ เลยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมาให้ลูก กำไลหยก ชิ้นนี้เป็นของที่คุณยายให้แม่มา มันมีความหมายมากตอนนี้แม่มอบให้ลูก หวังว่าลูกจะชอบนะ”

พิงกี้ค่อนข้างลำบากใจ “หนูรับไว้ไม่ได้จริงๆค่ะ หนูจะเอาของรักของคุณแม่ได้ยังไงคะ?”

“ไม่ ถ้าลูกไม่เอาสิถึงเรียกว่าดูถูกแม่!” หทัยรัตน์ หน้าบึ้ง “ของที่แม่มอบให้ ลูกก็รับไว้ซะ ถ้าชอบก็เอา ออกมาใส่เล่นๆ ถ้าไม่ชอบก็เอาไปขายแล้วซื้อของที่ตัว เองชอบก็ไม่เป็นไร เพราะแม่ให้หนูแล้ว มันก็คือของๆ หนูแล้ว! เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะให้คนส่งเสื้อผ้าคอลเลคชั่น ใหม่มาให้นะ”

((

‘พิงกี้พูดด้วยความยากลำบาก “คุณแม่คะ

หนู…..

“เอาล่ะ ตอนนี้ลูกไม่รังเกียจที่จะเรียกแม่ว่าแม่ แม่ ก็ดีใจมากแล้ว ลูกเข้าบ้านเถอะ แม่จะกลับแล้ว อย่ามา ทำให้แม่เสียเวลา” พูดเคลียร์กันเข้าใจแล้ว รู้สึกตัวเอง ได้หลอมรวมเข้ามาในครอบครัวใหม่อีกครั้งแล้ว ความ แข็งกร้าวที่อยู่ลึกๆก็ได้ผุดขึ้นมาอีก

แต่ว่า ความแข็งกร้าวของเธอครั้งนี้ไม่ได้ทำให้คน เกลียด กลับกันทำให้พิงกี้มีความรู้สึกจะร้องไห้ก็ไม่ได้ จะหัวเราะก็ไม่ได้

เธอมองดูหทัยรัตน์ขึ้นรถอย่างน่าขำ โบกมือให้กับ รถที่ขับออกไปจากบ้าน พอหันหลังก็เห็นเควินที่ยืนอย่ด้านหลัง ทันใดนั้นอดแขวะไม่ได้ “คุณเควิน ตอนนี้ฉัน ได้รับการต้อนรับจากแม่สามีแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย?”

” เควินก็อดขำไม่ได้ “น่าจะใช่”

“พรุ่งนี้แม่คุณคงไม่ส่งเสื้อผ้ามาให้ฉันเป็นคันรถ มั้งคะ?” มองดูท่าทางที่หทัยรัตน์รีบร้อนจะทำดีกับเธอ และชดใช้ให้เธอ พิงกี้รู้สึกกังวลจริงๆ

“น่าจะไม่นะ” เควินคิดๆแล้วส่ายหัว

พิงกี้โล่งอกไปที “ ….งั้นค่อยยังชั่วหน่อย”

เพิ่งพูดจบ ปรากฎว่าเธอก็ได้ยินเควินพูดเสริมมา อีกคำ “เท่าที่ดูจากความสามารถในการช็อปปิ้งของแม่ ผม คาดว่ารถหนึ่งคันคงจะส่งมาไม่หมด คงต้องใช้รถ หลายคันเลยล่ะ

พิงกี้ “

“ผมแน่ใจ”

พิงกี้ “

เพราะฉะนั้น จัดการความสัมพันธ์ของลูกสะใภ้ และแม่สามีเสร็จ ต่อไปก็คือจังหวะที่ตลอดสี่ฤดูกาลก็ จะมีเสื้อใหม่ๆใส่อย่างไม่ขาดสายแล้วใช่มั้ย?
กลับมาที่ห้อง ตอนที่พิงกี้พิงอยู่ที่หัวเตียงเตรียมตัว เล่นมือถือ นี่ถึงพบว่าทำไมตัวเองลืมถามหทัยรัตน์เลย ว่าเจอมาลาตีได้ยังไง

หทัยรัตน์พักที่คฤหาสน์ภิรมย์ภักดี ห่างจากโรง พยาบาลที่มาลาตีพักก็ถือว่าไม่ใกล้ ถ้าบอกว่าเจอกัน โดยบังเอิญ งั้นมันก็บังเอิญเกินไปแล้วมั้ง

นี่มันยังไงกันแน่?

ถ้าพูดถึงหทัยรัตน์ ยังสามารถบอกได้ว่าเธอมา ขอคืนดี แถมยังมาด้วยกิริยาท่าทางที่จริงใจมาก แต่ มาลาตี…….อย่าว่าเธอใจแคบเลย เธอรู้สึกมาลาตีมา ครั้งนี้ไม่ได้แค่จะมาเที่ยวหาเธอแน่นอน รู้สึกเหมือนมี เรื่องอะไรจะขอร้อง

ยังไงซะก็อยู่ใต้ชายคาเดียวกับมาลาตีมาประมาณ สิบปีแล้ว พิงกี้รู้สันดานของมาลาตีดีมาก คนอย่าง มาลาตีถ้าไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์นี่ไม่มีทางมาหาเธอ หรอก เรื่องที่ไม่มีผลประโยชน์กับตัวเอง เธอไม่มีทาง ทําแน่นอน

แต่ว่า ขอแค่มาลาตีไม่มาหาเรื่องเธอ เธอก็ขี้เกียจ ไปสนใจว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่

ถ้ามาลาตีไม่มีข้อเรียกร้องกับเธอ งั้นก็ดีที่สุด
ถ้ามาลาตีมีข้อเรียกร้องกับเธอ งั้นเธอก็ยิ่งไม่มี ทางเป็นฝ่ายไปถามก่อนว่ามาลาตีจะมาขอร้องเธอ อะไร…….เอาผลประโยชน์ไปให้ถึงที่ เธอไม่ได้โง่สัก หน่อย

สำหรับเธอแล้ว มาลาตีเป็นแค่ความรับผิดชอบ อย่างนึงเฉยๆ

ถ้าเธอกับเควินไม่ดูแลมาลาตี เรื่องนี้อาจจะถูกคน ที่ไม่หวังดีใช้เป็นเครื่องมือจู่โจมพวกเขา ถึงขั้นกระทบ กับวิถีทางที่ก้าวหน้าของเควิน แต่ความรับผิดชอบ ไม่ จําเป็นต้องใช้ความจริงใจ

ค่อยๆดูไปทีละสเต็ปเถอะ

โรงพยาบาล

เวลาห้าทุ่ม มาลาตีเฝ้าดูเวลาแล้ววิดีคอลผ่านวี

แชท

โทรหลายครั้งก็ไม่มีคนรับสาย

เธอไม่มีสีหน้าหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย พยายาม โทรไปอีก ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ถึงมีคนรับสาย มาลาตีแกว่งมือถือไปมาครู่นึง สุดท้ายมีชายหนุ่มสีหน้าขาวซีดโผล่ขึ้นมา

ถ้าพิงกี้อยู่ตรงนี้ เธอต้องดูออกแน่นอนว่าคนที่มา ลาตีวิดีโอคอลด้วยคือภูผา

“ทำไมสีหน้าของลูกแย่กว่าครึ่งเดือนที่แล้วเสีย อีก ช่วงนี้ไม่ได้กินดีๆหรือยังไง?” มาลาตีมองภูผาที่อยู่ ในวิดีโอคอลด้วยความสงสารและเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว แทบอยากจะบินไปหาเขาที่อังกฤษและทำกับข้าวให้ เขาทานดีๆสักหลายมื้อถึงจะดี

“แม่ก็รู้นี่ครับ ว่าตอนนี้ผมทานอะไรไม่ได้” ภูผา ยิ้มอย่างจนปัญญาพร้อมเกาศีรษะ

มาลาตีนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วถอนหายใจไปทีนึง แววตาเปลี่ยนแปลงไปมาหลายที ไม่นานอารมณ์ก็เลว ร้ายขึ้นมาทันที เธอก็เป็นคนที่ไม่ถนัดเก็บซ่อนอารมณ์ เหมือนกันในใจคิดอะไรอยู่ สีหน้าก็เผยออกมาหมดแล้ว

ภูผามองดูเธอและถามว่า “แม่ยังไม่ได้คุยเรื่องนั้น กับพี่พิงกี้ใช่มั้ยครับ?”

“ไม่ได้คุย!” มาลาตีพูดด้วยความโกรธ “ลูกก็ใช่ ว่าจะไม่รู้นิสัยของพี่สาวลูกสักหน่อย เธออกตัญญูซะ ขนาดนั้น ไม่เห็นแม่เป็นแม่แท้ๆเลยด้วยซ้ำ!

ภูผาไม่เห็นด้วย “ผมรู้สึกพี่พิงกี้เป็นคนดีอยู่นะครับ”

“ดีอะไรกันล่ะ?” มาลาตีกลอกตาขาวทีนึง “เธอรู้ ทั้งรู้ว่าแม่ตั้งใจไปหาเธอโดยเฉพาะ ก็ต้องมีเรื่องสำคัญ แน่นอนอยู่แล้ว แต่เธอกลับไม่ถามแม่เลยสักค่า ยังต้อง บีบให้แม่เป็นคนเปิดปากพูดก่อน!นี่ก็คือพี่สาวแสนดี ของลูกหรอ?”

“ถ้าแม่ไม่สะดวกคุยกับพี่พิงกี้ หรือไม่งั้นให้ผมโทร หาเธอโดยตรงมั้ยครับ? ความสัมพันธ์ของผมกับพี่สาว ถือว่าโอเคอยู่ ถ้าเธอรู้สถานการณ์ตอนนี้ของผม จะ ไม่ปฎิเสธในการช่วยเหลือผมแน่นอนครับ” ท่าทีของ มาลาตีทำให้ภูผารู้สึกค่อนข้างปวดหัว เขายกมือนวด ระหว่างคิ้วด้วยความเหนื่อยล้า

ที่จริง ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่เห็นด้วยแล้วที่ให้มาลาตี เป็นคนออกหน้าไปคุยกับพิงกี้ เขาไม่เพียงแต่กลัวว่า มาลา จะทําเรื่องพัง แต่ยังกลัวมาลาตีจะทำให้ความ สัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่สาวแตกหักกันด้วย

เขารู้นิสัยของมาลาตี และรู้ท่าทีที่เธอมีต่อพิงกี้มัน เลวร้ายขนาดไหน

ตอนเด็กๆความสัมพันธ์ของเขากับลิสาก็ถือว่าไม่ เลวเช่นกัน แต่พอโตขึ้น และค่อยๆรู้เรื่องขึ้น เขาถึงขั้น กลัวลิสาที่ตีสองหน้า หลังๆจึงค่อยๆห่างเหินกับเธอไป แล้ว
หลังจากพิงกี้กลับมาบ้านดำรงกุล ตั้งแต่รู้ว่าพิงกั คือพี่สาวแท้ๆของตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะสนิท สนมกับพิงกี้ พิงกี้อยู่บ้านดำรงกูลเจอแต่อุปสรรค เขา ก็ไม่เคยอยากทําให้เธอลำบากใจ………ไปแล้ว ที่จริง ความสัมพันธ์ของเขากับพี่สาวถือว่าดีมาโดยตลอด

ตอนนี้เขาเจอปัญหา เขาเชื่อว่าพิงก็ต้องยอมช่วย เหลือเขาอย่างแน่นอน แต่ว่า ถ้าเกิดให้มาลาตีออกหน้า งั้นก็ไม่แน่แล้ว

ภูผาไม่พูดจา แต่ฟังมาลาตีบ่นฉอดๆๆอย่างไม่ หยุด “วันนี้เพื่อเรื่องของลูกแล้ว แม่ตั้งใจไปหาพิงกี้ ที่L.K.Crystal วิลล่า คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปเจอหทัย รัตน์เข้าพอดี หทัยรัตน์เป็นแม่แท้ๆของเควิน แม่จะเอา เรื่องของตัวเองมาไว้ที่ข้างหน้าของหทัยรัตน์ก็คงจะไม่ ได้ ตระกูลภิรมย์ภักดีมีอำนาจใหญ่โตซะขนาดนั้น แม่ ไม่กล้าทําอะไรเกินเลยด้วยหรอก แต่ทีนี้คำพูดที่แม่ เตรียมเอาไว้ทุกอย่างก็ไม่ได้ใช้การ เรื่องก็ทำไม่สำเร็จ นี่ลูกดูซิเนี่ย ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้?

“งั้น….หรือว่าให้คุณพอไปคุยกับพี่พิงกี้ดีมั้ย ครับ?” ภูผาพูดค่าแนะนำออกมา

เขาอยู่อังกฤษ เพราะมาลาตีปิดบังเอาไว้อย่างดี เขาถึงไม่รู้เลยว่าชาตรีเกิดเรื่อง ไม่รู้ว่าบ้านดำรงกูลถูก ไฟไหม้ ยิ่งไม่รู้ว่าตอนนี้มาลาตีพักอยู่ที่โรงพยาบาล


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ