คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่276: แขกที่ไม่ได้ต้อนรับ



บทที่276: แขกที่ไม่ได้ต้อนรับ

ตอนแรกคือแบกรับไม่ไหวจนร่างกายล้มไปที่พื้น เป็น ตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ จากนั้นก็คืออยู่ในเหตุการณ์ระเบิด เควิน………

นั่นคือตายอย่างไม่เหลือศพเลย!

พอนึกถึงผู้ชายที่หล่อเหลาเงียบขรึมคนนั้นไม่มีทาง ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอและยิ้มให้กับเธออีก หรือแม้แต่ ตำหนิก็เป็นไปไม่ได้แล้ว หัวใจเธอเจ็บเหมือนถูกบีบ คั้น……เขาเคยบอกว่าจะผูกมัดเธอไว้ตลอดชีวิต…..

เขาบอกว่าตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอ?!

พิงกี้ที่จมอยู่ในความโศกเศร้า ริมฝีปากสั่นไหว คน ทั้งคนเหมือนใบไม้ในสายลมที่อาจจะปลิวไปที่โคลนได้ ทุกเมื่อ ทำให้คนหัวใจสั่นไหว

จู่ๆ อาการปวดท้องได้คืบคลานเข้ามาหา

พิงกี้ขมวดคิ้ว กระวนหระวายใจขึ้นมาทันที ด้วย จิตใต้สำนึกเธอจับเตชิตไว้แน่น “คุณเตชิต ฉัน…..” ยัง พูดไม่ทันจบ เธอก็เจ็บจนสลบไป แต่ดีที่ถูกเตชิตอุ้มไว้ อย่างแน่น

“พิงกี้ คุณอดทนไว้นะ!” สีหน้าที่ซีดเซียวของพิงกี้ทําเอาเตชิตตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาอุ้มเธอไว้ แน่นไม่รู้จะทำอย่างไรดี สีหน้าดูแย่กว่าของเธอเสียอีก ได้ แต่ตะโกนไปข้างนอก “หมอล่ะ รีบไสหัวเข้ามาเดี๋ยวนี้ ที่นี้ มีคนสลบ รีบเข้ามาเดี๋ยวนี้!

คุณหญิงเพียงดาวก็รีบตะโกนไปด้านนอก “หมอ พยาบาล….หมอ

ไม่นาน พยาบาลกับหมอก็ได้วิ่งเข้ามา

เตชิตได้อุ้มพิงกี้ไปที่ห้องผู้ป่วยอีกห้องหนึ่งอย่าง ทะนุถนอม วางเธอลงเบาๆ พยาบาลกับหมอได้เริ่มตรวจ อย่างละเอียด เตชิตกับคุณหญิงเพียงดาวต่างก็ยืนรออยู่ ข้างๆด้วยความกังวล

ในเวลานี้ ทั้งสองต่างก็ได้ลืมเรื่องที่ไกรสรยังนอน ป่วยอยู่อีกห้องหนึ่งอย่างสนิทเลย

ไกรสรนั่งอยู่บนเตียง เงยหน้ามองถุงน้ำเกลือ พบว่า น้ำเกลือใกล้จะหมดแล้ว ทันใดนั้นเขาได้ลงมือกระชาก เข็มฉีดยาทิ้งด้วยความรุนแรง

มองเข็มที่มีน้ำเกลือไหลออกมาอย่างไม่หยุด เขาหรี่ ตามองไปหลายวิ จู่ๆได้ถอนหายใจลึกๆ แต่ไม่นานมุมปาก ก็มีรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้นมา
เวลาประมาณเที่ยง พิงกี้ถึงได้ค่อยๆตื่นขึ้นมา

พอเห็นเธอตื่นขึ้นมาปั๊บ เตชิตก็ดีใจจนกระโดดโลด เต้นขึ้นมาและตะโกนไปที่นอกห้องว่า “พยาบาลล่ะ หมอ ล่ะ รีบมาเดี๋ยวนี้ !

พยาบาลกับหมอได้พุ่งเข้ามาในห้องด้วยความเร่งรีบ

เป็นการตรวจดูอาการและซักถามอีกรอบหนึ่ง หมอ ได้มั่นใจแล้วว่าพิงกี้ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่อารมณ์ทุเลา ลงหน่อย อย่าดีใจเกินและเสียใจเกินก็จะไม่กระทบ กระเทือนกับเด็กในท้อง ที่นี้ถึงถูกเตชิตปล่อยตัวไป

พอหมอกับพยาบาลไป เตชิตยังบ่นพึมพำาอีก “หมอ บ้าอะไรก็ไม่รู้ อารมณ์เป็นสิ่งคนเราจะควบคุมได้หรอ? ไม่ใช่พระหรือแม่ สักหน่อย เราไม่ได้ถือศีลแปดสัก หน่อย!”

ยังมาบอกว่าไม่ต้องดีใจเกินเหตุอีก………

สิ่งที่เขาอยากทำในตอนนี้ก็คือทำให้พิงกี้ดีใจ ไม่ อยากเห็นเธอที่จะล้มมิล้มแหล่ ราวกับว่าจะกลายเป็นเถ้า ถ่านที่จางหายไปได้ทุกเมื่อ

มือของพิงกี้วางไว้ที่หน้าท้อง สีหนัทเต็มไปด้วยแม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้วแต่ในใจยังคงหวาดผวาอยู่

ได้ยินคําบ่นของเตชิต เธอเงยหน้าและยิ้มอย่าง ขมขื่น “คุณหมอแค่พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่านั้น หมอก็ไม่สามารถทำให้เราดีใจขึ้นมาได้สักหน่อย คุณอย่า ว่าหมอเลยค่ะ”

“งั้นผมไปหามุขตลกมาเล่าให้คุณฟัง

“ไม่ต้องค่ะ” พิงกี้ส่ายหัว เธอจะมีอารมณ์มาฟังมุข ตลกเสียที่ไหน?

เตชิตจะเปิดปากพูดอีก พิงกี้กลับพูดอย่างเหนื่อยล้า “คุณเตชิต ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก ได้มั้ยคะ?

………โอเค แต่ว่าเขากลับไม่คิดจะไปจากห้อง “ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณอยู่ที่นี่ คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่ส่ง เสียงแน่นอน!

ระหว่างพูด เขาก็ก้าวเท้าใหญ่เดินไปนั่งที่โซฟา ทำ หน้าหลับตาและไม่สนใจทุกสิ่งอย่าง

พิงกี้รู้สึกจนปัญญากับเขา และไม่มีเรี่ยวแรงสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนีจึงปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ

หลับตาลง เธอก็นอนไม่หลับอีกต่อไป

ในใจหวนคิดถึงแต่คำพูดของไกรสรทีละรอบๆ จินตนาการภาพที่เควินล้มลงพื้น จู่ๆเธอนึกถึงฝันร้ายของ เมื่อคืนอีก…….

เหมือนทารุณตัวเองชัดๆ!

ถึงนึกถึงทุกครั้งจะทำให้เจ็บปวดใจ แต่เธอก็อดที่จะ คิดไม่ได้ อดที่จะทารุณตัวเองไม่ได้

พักผ่อนเสร็จ พิงกี้เตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่เตชิตไม่ อนุญาติ “สายฟ้ากับพายุต่างก็ไม่อยู่ คุณไปๆมาๆก็ไม่มี คนปกป้อง ผมจะไว้ให้คุณอยู่บ้านคนเดียวได้ยังไง?”

ใช่แล้ว!

จู่ๆพิงกี้นึกถึงสองพี่น้องนี้ จึงรีบดึงแขนเสื้อของเตชิต ไว้ “พวกเขาล่ะ? ก่อนหน้านั้นพวกเขาอยู่ข้างกายคุณเค วินตลอดใช่มั้ย พวกเขา……..

ก็เป็นเหมือนเควินหรอ?
คนที่พิงกี้เป็นห่วงที่สุดคือเควิน ถึงขั้นในใจไม่มีร่าง เงาของคนอื่นเลย แต่พอนึกถึงสองพี่น้องนี้ขึ้นมา เธอก็ ร้อนรนใจอย่างไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งโทษตัวเองด้วย รู้สึกว่าตัวเองเลือดเย็นเกินไป แม้แต่ความปลอดภัยของ พวกเขาก็ไม่ถามสักคำเลย

ตอนนี้…..ถึงถามก็คงสายไปแล้ว เตชิตพูดตรงๆ “ผมลองไปถามพ่อผมดูนะ”

ห้องผู้ป่วยของทั้งสองห่างกันแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น เต ชิตไปไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาแล้ว เขาเพิ่งถึงหน้าห้องก็ ส่ายหัวให้พิงกี้ที่มองเขาอยู่

“ส่ายหัวนี่คือหมายความว่ายังไงคะ?”

“สายฟ้ารับกระสุนแทนเควินไปหนึ่งนัดแล้วตายใน เหตุการณ์เลย พายุไม่ได้อยู่ข้างกายพวกเขา เลยไม่รู้ว่า เป็นยังไงบ้าง……

มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มของพิงกี้กำไว้แน่น เล็บมือแทบจะ แทงเข้าไปในฝ่ามือ สีหน้าดูแย่ขึ้นมาอีก

สายฟ้า……..
ไม่นึกเลยว่าเขาก็ตายแล้ว ตายแล้วเหมือนกัน!

น้ำตาไหลพรากลงมาอีก พิงกี้หน้าซีดพิงอยู่ที่หมอน และหายใจลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเพื่อไม่ ให้กระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง

เธอเป็นแบบนี้ เตชิตย่อมไม่ยอมให้เธอกลับบ้านอยู่

แล้ว

พอน้ำหวานรู้ข่าวก็มาด้วยความเร่งรีบ เธอก็ไม่ยอม ให้พิงกี้กลับบ้านเหมือนกัน คอยเกลี้ยกล่อมให้เธอพักอยู่ ที่โรงพยาบาล เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาอีก

แต่พิงกี้กลับไม่ยอม

ในโรงพยาบาลมีแต่ความเย็นเฉียบ ไม่มีกลิ่นไอของ เควินเลยสักที เธอยอมกลับบ้านไปนอนที่เตียงของตัวเอง ดีกว่า ที่เตียงยังมีกลิ่นไอของเขาหลงเหลืออยู่ ถ้าคิดถึง เขามากจริงๆ เธอยังสามารถกอดเสื้อผ้าของเขาเข้านอน ได้

แต่ว่า ในโรงพยาบาลไม่มีอะไรสักอย่าง

พิงกี้ดื้อด้านขึ้นมาไม่ใช่ธรรมดา แม้แต่น้ำหวาน กับเตชิตยังจนปัญญากับเธอ สุดท้ายเตชิตก็ได้แต่ประนีประนอม และสั่งให้หมอสูติตามไปที่L.K.Crsytal วิลล่า และไปพักที่วิลล่าNo.3ของเขา

แบบนี้ก็จะไม่รบกวนความสงบของพิงกี้ ถ้าหากมีเหตุ ฉุกเฉินอะไร ก็สามารถรักษาเบื้องต้นได้ทันท่วงที

ยามดึก

เวลาสามทุ่ม พิงกี้กอดเสื้อของเควินไว้ตัวหนึ่ง ดม กลิ่นของน้ำยาซักผ้าที่หอมกลิ่นมะนาวและกลิ่นไอเฉพาะ ของผู้ชาย มุดเข้าไปในผ้าห่มเตรียมตัวเข้านอน ใต้ตึก กลับมีเสียงอาละวาทก้องมา

เธอขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าด้านล่างมีเหตุอะไร

คิดไม่ถึง ไม่นานเสียงเท้าเดินก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับว่าจะมุ่งมาที่ห้องนอนใหญ่ของเธอ และมีเสียงร้อน ใจของป้าเฉิน “คุณหญิงคะ คุณพิงกี้เข้านอนแล้วค่ะ ดิฉัน ไม่ได้หลอกคุณจริงๆนะคะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ