คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่ 485: ไม่ใช่เรื่องตลกเลย



บทที่ 485: ไม่ใช่เรื่องตลกเลย

“นังผู้หญิงบ้า” เตชิตที่สง่าผ่าเผยเหลือบมองน้ำ หวานที่วิ่งออกไป เชอะเสียงเบาเสร็จก็เดินเข้าไปใน บ้าน

เดินมาที่ตรงหน้าของโซฟา เขาที่คุ้นกับบ้านหลังนี้ มาตั้งนานแล้วนั่งลงมาบนโซฟาอย่างชิวๆ และเทน้ำชา ให้ตัวเองแก้วหนึ่ง จากนั้นก็หยิบคุกกี้ชาเขียวที่ป้ามะลิ ทำขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

รสชาติไม่เลว

กินคุกกี้ไปสองชิ้น เขาเหลียวไปมองทางประตู น้ำ หวานยังไม่กลับมาอีก

แต่ว่า เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทิศทางอื่น

มองไปทางบันได พบว่าพิงกี้อุ้มน้องแอ๊ปเปิ้ลลงมา

ตอนนี้น้องแอ๊ปเปิ้ลหนึ่งขวบแล้ว แขนขามีเรี่ยวแรง มาก ตอนที่ถูกพิงกี้อุ้มอยู่บนตัวก็ไม่ซื่อสัตย์ พยายาม ดิ้นซ้ายขยับขวา เขาจำเตชิตที่มาเที่ยวที่บ้านบ่อยๆได้ หลังจากเห็นเขาก็ตบมือกระโจนไปที่ทิศทางของเขา หน้าตาประจบสอพออย่าง “เบบี้จะให้อุ้ม”

“มาๆๆ รีบมาช่วยฉันอุ้มเจ้าตัวแสบนี้หน่อย ยิ่งอยู่ ยิ่งหนักแล้ว ฉันใกล้จะอุ้มไม่ไหวอยู่แล้ว” พิงกี้ปวดหัว จะแย่อยู่ แทบอยากจะเอาเจ้าซาลาเปาที่ใจดำคนนี้ทิ้งไปให้เตชิตถึงจะดี

เตชิตลุกขึ้น อุ้มน้องแอ๊ปเปิ้ลด้วยรอยยิ้ม “ใครใช้ ให้คุณไม่กำลังกายล่ะ ตอนนี้แม้แต่ลูกชายคุณก็อุ้มไม่ ไหวแล้วใช่มั้ยล่ะ?”

พิงกี้จ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าฉันเอาเรื่อง ที่สามารถอุ้มลูกฉันเป็นเป้าหมายในการออกกำลังกาย ตอนนี้ยังพอฝืนบรรลุได้ รอให้เขาโตจนอายุสิบแปด จะทำยังไง? ฉันจะได้ขึ้นสววรค์ หรือว่าจะได้เป็นเซียน คะ?”

“ชิ……เถียงคุณไม่ไหวจริงๆเลย”

เตชิตมีสีหน้าลูกผู้ชายไม่เถียงกับลูกผู้หญิง เขา อุ้มน้องแอ๊ปเปิ้ลในท่าเสือนอนบนต้นไม้ แล้วอุ้มเขาเหิน ฟ้าลอยอยู่กลางอากาศ เห็นเขาลืมตากลมโตแบ๊วๆไว้ ก็ไม่รู้จักกลัว จึงได้โยนเขาขึ้นฟ้าแล้วรับเอาไว้ โยนขึ้น ฟ้าแล้วรับเอาไว้ ทำเอาน้องแอ๊ปเปิ้ลมีความสุข หัวเราะ จนน้ำลายยื่นออกมาเลย

“คุณอย่าทำเอาลูกฉันหล่นนะ” พิงกี้กังวลเล็ก

น้อย

“คุณรู้จักกังวลก็ถูกแล้ว” เตชิตได้หยอกน้อง แอ๊ปเปิ้ลไปหลายที ทีนี้ถึงได้อุ้มเขานั่งลงมา และป่าว ประกาศอย่างหยิ่งยโสว่า “ผมจะบอกคุณนะ ผมไม่ให้หน้ากับคนที่ไม่เคารพผม อย่างคุณหรอก ต่อไปถ้า คุณกล้าอาศัยความซื่อสัตย์และความเชื่อฟังของผม มา รังแกผมอีกล่ะก็ ผมก็จะรังแกลูกชายคุณเนี่ยแหละ”

ระหว่างพูด เขายื่นมือไปจิ้มลักยิ้มของน้อง แอ๊ปเปิ้ลทีหนึ่ง ทำให้เจ้าเด็กทึ่มคนนี้มีความสุขจนยก แขนยกขาขึ้นมาใหญ่เลย

พิงกี้ “ .….……………

เธอกังวลแทนไอคิวของลูกชายตัวเองจริงๆ ไม่นึก เลยว่าจะแยกแยะความต่างแตกต่างระหว่างหมาใหญ่ กับหมาป่าไม่ได้ นี่ต่อไปจะไปท่องยุทธภพที่อันตรายได้ ยังไง? ดูท่าแล้วต้องให้เธอที่เป็นแม่คอยปลูกฝังตั้งแต่ เด็กแล้ว

แต่ว่า การปลูกฝังของเด็กสามารถเริ่มช้าหน่อย ก็ได้ ตอนนี้ สิ่งที่พิงกี้เป็นห่วงมากที่สุดก็คือน้ำหวานไป ไหน

“อ้อ~ใช่แล้ว น้ำหวานล่ะคะ? ตอนคุณเข้ามาได้ เห็นเธอไหม?” เธอถามเตชิต

“เหอะ…..” เตชิตสีหน้าเหมือนเจอเรื่องเฮงซวย มา “คุณอย่าพูดถึงเลย ผู้หญิงคนนั้นเนี่ยผมแค่ล้อเล่น กับเธอด้วยความรื่นรมย์หน่อย เธอกลับด่าผมว่าหมา!
“ว่าคุณเป็นหมา จะเป็นคำด่าได้ยังไงคะ?”

“หรือไม่ใช่คำด่ารึยังไง?” เตชิตรู้สึกว่าพิงกี้ไม่พูด คำสวยหรูอะไรแน่นอน เขาใช้สายตาพราวเสน่ห์จ้อง เธอไว้ ใช้แววตาข่มขู่เธอห้ามพูดอะไรที่ไม่เข้าหู

พิงกี้อยากหัวเราะ

ตั้งแต่ไกรสรเกิดเรื่อง เธอก็น้อยมากที่จะได้เห็น เตชิตมีชีวิตชีวาขนาดนี้ เรื่องที่คุณหญิงเพียงดาวฆ่าตัว ตาย เธอกังวลจังเลยว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจเขา หนักมากจนทําลายเขา แต่ที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ เขา หดหู่ไปพักหนึ่งก็ยืนขึ้นมาอย่างเข้มแข็งแล้ว

เธอไม่รู้ว่าในใจเขายังมีบาดแผลอยู่หรือเปล่า แต่ เขาซ่อนเร้นได้ดีมาก ทำให้เธอก็ไม่ค่อยกังวลเขาแล้ว และอดไม่ได้ที่จะล้อเล่นกับเขา

“น้ำหวานว่าคุณเป็นหมา หรือว่าไม่ใช่กำลังด่า หมาเหรอคะ?” พิงกี้ถามพลางหัวเราะ

คำพูดนี้แลกมาซึ่งเสียงตะคอกด้วยความโกรธของ เตชิต “พิงกี้! ”

เขายกน้องแอ๊ปเปิ้ลขึ้นสูง “คุณเชื่อไหมถ้าคุณยัง ว่าผมอีกคำ ผมก็จะกัดลูกชายคุณคำหนึ่ง!
“เหอะๆ”

“ถ้าผมไม่โจมตีและแก้แค้นคุณคืนสักรอบ หมายัง ไม่ยอมเลย!” เตชิตหรี่ตา จากนั้นก็ได้งับกรงเล็บน้อยๆ ของน้องแอ๊ปเปิ้ลจริงๆ

น้องแอ๊ปเปิ้ลนึกว่าเตชิตเล่นกับเขา ทันใดนั้นเขาก็ ยิ่งหัวเราะ คิๆๆ อย่างมีความสุข

“เอาล่ะๆ คุณรีบพูดซิว่าคุณหาเรื่องน้ำหวานยังไง ทำไมเธอถึงได้ด่าคุณ?” ถามขึ้นมาอีกครั้ง ที่จริงพิงกี้ก็ ไม่ได้เป็นห่วงน้ำหวานมาก เพราะเธอเชื่อว่าเตชิตไม่ใช่ คนที่ชอบพูดทำร้ายจิตใจคนอื่น

เขาดูแล้วยโสโอหัง แท้จริงแล้วเป็นคนมีการอบรม เลี้ยงดูมาดี

“ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมากหนึ่” ที่จริงเตชิตก็ไม่

เข้าใจ

ความจำเขาดี และแค่พูดกับน้ำหวานไปไม่กี่คำ จึง ได้ทวนการสนทนาของก่อนหน้านั้นอีกรอบหนึ่ง

ใครจะไปรู้ว่าพิงกี้ฟังจบก็สีหน้าเปลี่ยน และลุกขึ้น มาอย่างกระทันหัน

“ทำไมคุณถึงล้อเล่นแบบนี้กับน้ำหวานคะ? คุณรู้ไหมว่าเรื่องข่มขืนสำหรับผู้หญิงคนไหนๆก็ไม่ใช่คำพูด ที่ตลกเลย?” พิงกี้โมโหจนย่ำเท้า

เตชิตไม่เข้าใจ“ทำไมหรอ? เธอไม่ได้ถูกข่มขืน จริงๆสักหน่อย ผมก็แค่ล้อเล่นไปเรื่อยเปื่อย ต้องถึงขั้น ร้อนรนใจขนาดนี้เลยหรอ?”

พิงกี้เม้มปากไว้ จ้องมองเขา

เตชิต “ .…………………”

พิงกี้ “

“ไม่ใช่มั้ง?” เตชิตถามอย่างหยั่งความคิด ความเงียบของพิงกี้ ได้แสดงออกถึงการยอมรับ

ในใจสะดุดดังเสียงหนึ่ง เตชิตมองไปยังทิศทางที่ น้ำหวานจากไป

เขาถึงว่าล่ะ………ทำไมจู่ๆคนที่ใจกว้างตัวอ้วน คนนั้นถึงได้ผอมไปเยอะขนาดนั้น อารมณ์ก็เหงาหงอย เศร้าซึมกว่าปกติเยอะเลย ที่แท้ก็เจอเรื่องแบบนั้น นี่เอง…….

“ผมไปหาเธอเอง” เอาน้องแอ๊ปเปิ้ลให้พิงกี้อุ้ม แววตาของเตชิตเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยก่อนหน้านั้นผมไม่รู้ว่าเธอประสบพอเจอเรื่องแบบนั้น จริงๆ ผมจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้ อืม….ผมจะไปขอโทษเธอ ด้วยตัวของผมเอง

ทำผิดไม่ยอมรับผิดนี่ไม่ใช่นิสัยของเตชิตเลย

เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องที่ไม่ได้ทำผิดถึงตี เขาตายก็ไม่ยอมรับ แต่ถ้าทำผิดก็จะยอมรับผิดแต่โดย ดี นี่เป็นหลักการที่เขาจัดการเรื่อง และเป็นจุดที่พิงกี้ ชื่นชมเขาที่สุด

เตชิตวิ่งออกไปจากบ้านอย่างเร่งรีบ แม้แต่รองเท้า ก็ลืมเปลี่ยน เห็นได้ว่าเขาร้อนรนใจมากแค่ไหน

พิงกี้ก็ไม่ได้เรียกเขาไว้

ที่จริง หลังจากรู้ว่าน้ำหวานได้รับการกระตุ้น เธอ ร้อนรนใจมากกว่าเตชิตเสียอีก

หยิบมือถือมาโทรหาน้ำหวานหลายสาย แต่ก็ไม่มี คนรับสาย พิงกี้ก็นั่งไม่ติดแล้ว หลังจากเอาน้องแอ๊ปเปิ้ล ให้ป้ามะลิอุ้ม เธอก็ออกไปตามหาน้ำหวานเหมือนกัน

เธอแค่หวังว่าน้ำหวานจะเข้มแข็งหน่อย อย่าวู่วาม แล้วไปจากที่นี่ ยิ่งอย่าคิดไม่ตกแล้วฆ่าตัวตาย……..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ