คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่236 ถึงเขาไม่เอาฉัน ฉันก็ไม่ชอบคุณหรอก!



บทที่236 ถึงเขาไม่เอาฉัน ฉันก็ไม่ชอบคุณหรอก!

มองดูรอบๆ

พิงกี้พบว่าไม่เพียงแต่เควินไม่เห็นแล้ว ระหว่างเดิน มาคนทั้งฟลอร์เหมือนน้อยลงไปเยอะเลย!

เดิมทีคนในชั้นนี้คนก็น้อยอยู่แล้ว และเป็นเพราะว่ามี ข้อเรียกร้องว่าต้องสงบ ตอนที่ทุกคนเดินและพูดต่างก็เบา เสียงมาก แต่แล้วก่อนหน้านั้นเพราะเหตุนี้ถึงรู้สึกว่างเปล่า และสงบ แต่วันนี้กลับยิ่งรู้สึกสงบลงอีก

สงบเหมือนความตายอย่างไรอย่างนั้นเลย!

พิงกี้มองดูรอบๆ นึกไม่ถึงว่านอกจากเธอแล้วไม่เห็น

คนอื่นเลย

นี่มันอะไรกันแน่?

พิงกี้โทรหาสายฟ้าด้วยความตื่นตระหนก

แต่ไม่ว่าเธอโทรกี่ครั้ง ในสายกลับมีเสียงของผู้หญิง อ่อนโยนพูดคำซ้ำๆเดิมๆ “ขอโทษะค่ะ หมายเลขที่ท่าน เรียกในขณะไม่วามารถติดต่อ กรุณารออีกสักครู่ค่อยโทร นี่เป็นเพราะอะไร?

ยืนอยู่นอกห้องICU พิงกี้เพิ่งมานึกคิดได้ทีหลังว่าตั้งแต่เมื่อคืน เธอก็ไม่เห็นสายฟ้าอีกเลย

แล้วเขาอยู่ที่ไหน?

เควินอยู่ที่ไหน?

หมอและพยาบาลที่อยู่ที่นี่รวมถึงดนัยต่างหายไป ไหนหมด?

กระวนกระวายเหมือนน้ำทะเลซัดมาเป็นระลอกๆ คอยกัดเซาะหัวใจเธอ เธอยืนเอ๋ออยู่ริมทางเดิน แสงไฟสี ขาวเย็นสาดส่องจากศรีษะลงมาสู่ตัวเธอ ส่องจนใบหน้า ขาวซีดของเธอดูเศร้าโศกอย่างไม่รู้จะรับมือยังไง

เธอมีความรู้สึกเหมือนถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง

ยืนอยู่ชั้นบนสุดที่เงียบสงบ ราวกับว่ายืนอยู่ในป่า ร้างไร้ขอบเขต เสียงลมวดพัดผ่านหัวใจที่มีรูพรุนของเธอ ทำให้เธอมีความรู้สึกเหมือนหนาวเข้ากระดูกดำ เธอไม่ กล้า…..คิดเยอะไปกว่านี้

ไม่กล้า!

เธอยืนเซ่ออยู่อย่างนั้น จนกว่าเสียงเคลื่อนไหวของ รถเข็นดังขึ้น เสียงของเตชิตก้องมา “พิงกี้”
“คุณรู้ใช่มั้ย?” หันหลังกระทันหัน พิงกี้เผชิญกับ ดวงตาลุ่มลึกของเตชิต จ้องเขาด้วยความตื่นเต้นและเค้น ถามว่า “เตชิต คุณรู้ว่าเขาไปตั้งนานแล้วใช่มั้ย?!

นี่เป็นโรงพยาบาลของตระกูลมหาเจริญศิลป์ ทุก ความเคลื่อนไหวที่เควินอยู่ในนี้ เป็นไปได้ยังไงว่าเตชิตจะ ไม่รู้เรื่อง?!

ถึงเขาบอกว่าไม่รู้ เธอก็ไม่เชื่อ!

หรืออาจจะ……..

“เป็นฝีมือของคุณใช่ไหม?คุณเอาเขาไปไว้ ที่ไหน?” น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาไม่หยุด พิงกี้พุ่งมา เค้นถามเตชิตที่ตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ

สีหน้าเธอซีดเซียว น้ำตาอาบแก้ม เหมือนน้ำฝนที่ ค้างอยู่บนกลีบดอกบัวขาว ทั้งสวยทั้งเศร้า นุ่มนวลละมุน ละไมและแฝงด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง

พิงกี้ที่เป็นแบบนี้ เตชิตเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่สบายใจมาก!

ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เตชิตหัวใจซับซ้อนและหัน สายตาไปทางอื่น ไม่อยากสบตากับเธอที่เป็นแบบนี้ แต่ กลับพูดด้วยความเย็นชาและแข็งกระด้าง “ใช่ ผมรู้ แต่ ไม่ใช่ฝีมือผม เขาเป็นคนไปเอง”

“คุณพูดมั่ว เขายังไม่ฟื้นเลยด้วยซ้ำ เป็นไปได้ยังไง ที่เขาจะเรียกร้องจากไปเอง? ต้องเป็นคุณแน่ๆ ฝีมือคุณ แน่ๆ….……”

ตื่นตระหนกสับสน พิงกี้ส่ายหัวอย่างแรง

เธอไม่เชื่อ!

แต่ถึงจะไม่เชื่อ การคาดเดาที่เลือนรางอยู่ในใจกลับ ยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ชัดเจนถึงขั้นเธอละเลยมันไปไม่

ได้

เตชิตไม่ได้ตอบอะไรอีก

ดวงตามีเสน่ห์แพรวพราวของเขามืดมน มองพิงกี้ อย่างลึกซึ้งไปสักพัก เขาถึงยื่นมือไปจับข้อมือเธอไว้ “ไป กับผม”
“ฉันไม่ไป!” พิงกี้อยากดึงมือของตัวเองกลับ

“คุณตั้งครรภ์อยู่ ไม่เป็นห่วงร่างกายของตัวเองแล้ว หรือไง?! เมื่อวานหมอไม่ใช่บอกกับคุณว่าร่างกายของคุณ อ่อนแอเกิน ต้องรีบบำรุงร่างกาย และจะดีใจเกินเศร้าใจ เกินไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?” เตชิตมีความโกรธเคืองเล็กน้อย

ใบหน้าที่หล่อขั้นเทพของเขาไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แต่มือที่จับข้อมือของพิงกี้กลับใช้แรงมาก

“ไม่ ฉันไม่ไป!” สะบัดมือของเตชิตออก พิงกี้ถอย หลังไปก้าวนึงแล้วส่ายหัวอย่างไม่รู้จะรับมือยังไง “ฉันจะ รอเขาอยู่ที่นี่!”

“เขาไม่มีทางกลับมาหรอก”

“เขาต้องกลับมา! เขาอาจจะแค่ไปรักษาที่อื่น จาก นั้น…..…..” พูดถึงตรงนี้ พิงกี้พูดไม่ค่อยออกแล้ว

เธอไม่ใช่คนไม่มีสมอง หลอกตัวเองมันยากมาก

“พิงกี้ คุณรู้ ในใจคุณรู้อย่างชัดเจนมาก ในเมื่อเขา เลือกที่จะใช้วิธีนี้หนีหน้าคุณ งั้นก็ไม่มีทางกลับมาอีก แน่นอน!” เตชิตพูดแทงใจดำและย้อนถาม “คุณบอกว่า เป็นฝีมือของผม โอเค ถึงเป็นผมจริง! ผมประสงค์ร้ายกับเขาทำไม? นี่มีผลดีอะไรกับผม? ถ้าผมลงมือจริง แล้วนาย สายฟ้าเป็นคนตายรึไง? ทำไมพวกเขาต่างก็เงียบสงบ ขนาดนี้ แล้วจากไปอย่างไม่ให้ซุ่มไม่เสียงแบบนี้ คุณพูด

เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนนิสัยดีอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งอารมณ์ ปรี๊ดแตกเข้าไปอีก!

“ฉันจะรู้ได้ยังไง? ต้องเป็นเพราะคุณอยากจัดการ เขาแน่ๆ!”

“ทำไมผมต้องทำร้ายเขาด้วย เหตุผลล่ะ?”

“คุณชอบฉัน ไม่ใช่หรอ? ถ้าเขาจากไปไม่เอาฉัน แล้ว คุณก็จะมีโอกาศแล้วไม่ใช่หรอ?” พิงกี้ถูกบีบถึงขีด สุด จึงได้ตะโกนออกมาอย่างไม่คิด “แต่ดีที่สุดคุณรีบ ตายใจซะ ถึงเขาจะไม่เอาฉันแล้ว ฉันก็ไม่มีทางชอบคุณ หรอก!”

พริบตาเดียว ความเงียบงันคืบคลานเข้ามา

หนึ่งนาที

สองนาที…..……..
พิงกี้ค่อยๆอดทนไม่ไหวแล้ว

แววตาที่มีไฟแห่งความโกรธที่จ้องเตชิตได้ค่อยๆดับ ลง สุดท้ายหลุบตาลงอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ขนตา งอนยาวบังอารมณ์ที่อยู่ในแววตาของเธอไว้

แขนทั้งสองของเตชิตวางอยู่บนราวจับรถเข็น เขา เงยหน้าและชายตามองเธอ เสียงหัวเราะเบาๆคำนึงได้ ทำลายความเงียบนี้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความ รักใคร่สุดซึ้ง “ผมไม่ใช่ชอบคุณ

” พิงกี้กัดริมฝีปาก จ้องเขาด้วยความดื้อดึง

“รัก!” เตชิตก็จ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ไม่หลบหนี

สายตา

มือขวากำหมัดไว้และทุบมาที่ตรงหัวใจของตัวเอง ทีนึง แล้วพูดกำชับกำชาด้วยความจริงจังอีกครั้ง “ไม่ใช่ ชอบ แต่คือรัก! ผมมันตาบอดที่ดันมารักคุณเข้า และจะ ตาบอดแบบนี้ตลอดไป คุณเข้าใจมั้ย?!

พิงกี้ “

“ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปกับผม!
จับข้อมือของพิงกี้ไว้ด้วยความแข็งกร้าว แต่ครั้งนี้เต ชิตใช้แรงเต็มที่ ถึงจะพบว่าตัวเองใช้แรงจนทำให้ข้อมือ ของเธอมีรอยแดงแล้วก็เถอะ เขาก็ไม่คิดจะปล่อยมือ

ถูกดึงมือไว้เดินไปสองก้าว พิงกี้ดึงสติกลับมาได้และ อยากสะบัดมือของเตชิตออก

“คุณปล่อยมือฉัน

“เชื่อฟังหน่อย!”

ทั้งสองต่างไม่มีใครยอมใคร ระหว่างดิ้นรน ไฟในใจ ของเตชิตลุกท่วมขึ้นมาอีก เผาจนตาของเขาลุกเป็นไฟ เขาดึงสาวน้อยที่ดิ้นรนไม่หยุดอย่างโหด ดึงเธอมาไว้ใน อ้อมอกและล้มลงมาบนตักเขา

เขาเจ็บจนเหงื่อซึม ส่วนพิงกี้กลับแข็งทื่อไปทั้งตัว

สักพัก เธอถึงหาเสียงของตัวเองกลับมาได้ “เตชิต คุณโง่หรอ?”

เสียงของเธอค่อนข้างสั้น

ขาของเขา……
เธอจะทำยังไงดี?

“ถ้าไม่อยากให้ผมเป็นพิการ งั้นคุณก็อย่าขยับ” ทน ความเจ็บไว้ เตชิตเปิดปากพูดด้วยความอดทน แต่ในแวว ตากลับมีรอยยิ้มซ่อนอยู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ