คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่ 450: คุณคดว่าฉันป่วยหรือคะ?



บทที่ 450: คุณคดว่าฉันป่วยหรือคะ?

“พรุ่งนี้พาคุณไปที่ๆหนึ่ง โอเคมั้ย?”

เควินกอดพิงกี้ที่ซูบผอมไว้ในอ้อมอก อยากกอด เธอไว้แน่นๆ แต่ก็กลัวกอดแน่นเกินจะทำให้เธอเจ็บ เขา พยายามปรับเปลี่ยนท่าทางเพื่อให้เธอรู้สึกสบาย

“ไปไหนคะ?” พิงกี้ถาม

เควินเงียบไปครู่นึง “เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณก็รู้เอง”

“ค่ะ” พิงกี้ไม่ได้ถามต่อ

ซบอยู่ในอ้อมอกของผู้ชายอย่างเงียบๆ รู้สึก เหมือนเธอไม่มีความสนใจกับอะไรทั้งสิ้น คนทั้งคนดู ซึมๆ ไม่มีชีวิตชีวา เธอเหมือนควันที่สามารถถูกสายลม พัดพาไปได้ทุกเมื่อ

ก้มหน้าดมกลิ่นหอมของเส้นผมเธอ เควินอดไม่

ได้ที่จะกอดเธอแน่นขึ้น

ทั้งคู่รักษาท่าทางกอดแบบนี้ไปครึ่งชั่วโมง เควิน ก้มหน้ามองพิงกี้ทีหนึ่ง และเรียกชื่อเธอเบาๆ แต่ไม่มีคน ตอบรับ

เขาอุ้มเธอขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างระมัดระวัง ก้มหน้า จูบใบหน้าด้านข้างที่ขาวใสแต่ซูบผอมไปเยอะทีหนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความสงสาร
เรื่องของพรุ่งนี้………….

เธอจะยอมรับได้ไหม?

วันถัดมา

พิงกี้ลืมตาขึ้นมา ปฏิกิริยาแรกก็คือลูบจับหน้า ท้อง……….รู้สึกหน้าท้องแบนราบ เธออึ้งไปครู่หนึ่งแล้ว หลับตาลงอีก

ในใจว่างเปล่า เหมือนมีลมรั่ว ยังไงก็เติมไม่เต็ม

เควินเดินออกมาจากห้องน้ำ จากการหายใจที่ เปลี่ยนแปลงของเธอก็รู้ว่าเธอตื่นแล้ว เขาถามด้วยเสียง ทุ้มต่ำ “คุณตื่นแล้วหรอ จะลุกขึ้นไหม?”

“อืม……” พิงกี้ตอบแบบขี้เกียจทีหนึ่ง จากนั้นก็ (( รู้สึกแผ่นหลังของตัวเองถูกประคองขึ้นมาแล้ว

“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ เราออกไปข้างนอกกันนะ”

“ที่ๆเมื่อวานคุณบอกว่าจะพาฉันไปหรอคะ?

“ใช่”
‘ พิงกี้คิดๆแล้วก็ถามขึ้นว่า “คงไม่ใช่พา ฉันไปชกต่อยมั้งคะ?”

.” เดิมทีเควินอารมณ์ซับซ้อนมาก แถม กระวนกระวายใจด้วย แต่พอได้ยินพิงกี้ถามแบบนี้ อารมณ์ทั้งหมดได้เปลี่ยนมาเป็นตะลึงงัน “ทำไมคุณถึง คิดแบบนี้ล่ะ?”

“ก็ฉันเห็นหน้าคุณเหมือนมีแค้นใหญ่หลวงกับใคร แววตาดุร้ายเหมือนจะไปฆ่าคน แถมยังกัดกรามไว้แน่น ฉันก็นึกว่าคุณจะพาฉันไปชกต่อยเสียอีก…………”

ทั้งคู่สบตากันทีหนึ่ง เควินกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขา ส่งเสียงหัวเราะออกมาและลูบศีรษะเธอ “คุณยอมล้อ เล่นกับผมแล้วหรอ เป็นเพราะว่าวันนี้อามณ์ดีขึ้นใช่หรือ เปล่า?”

“ฉันก็อารมณ์ดีมาโดยตลอดนี่คะ” พิงกี้ตอบอย่างไว

พิงกี้ลุกขึ้นมาจากเตียงและไปอาบน้ำ เควินจ้อง ทิศทางของห้องน้ำไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หยิบมือถือเดิน ออกไปจากห้องนอน
เดินเข้ามาที่ห้องอ่านหนังสือ เขาโทรออกไปหนึ่ง

สาย

ไม่นานก็มีคนรับสาย เขาถามตรงๆ “วันนี้ภรรยา ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย แถมยังพูดเล่นกับฉันด้วย ฉัน รู้สึก……เธอยังไม่ต้องรีบไปพบหมอจิตแพทย์ใช่มั้ย?”

“โอเค ได้ ฉันเคารพการวิเคราะห์ของผู้ เชี่ยวชาญ”

“ได้ งั้นเอาตามนี้ ”

“เดี๋ยวเจอกัน”

พอพิงกี้อาบน้ำแต่งเนื้อแต่งตัวเสร็จและขึ้นรถ ตอนที่สายตาหันมามองเควินอีกที เขาเปิดปากพูดอย่าง เป็นธรรมชาติมาก “ถนนDCมีร้านอาหารฝรั่งเศสเปิด ใหม่ร้านหนึ่ง ผมเห็นก่อนหน้านั้นคุณชอบห มหอยทากอบ เนย ผมพาคุณไปชิมดูเป็นไงบ้าง?”

ระหว่างพูด มือที่เควินจับพวงมาลัยก็กำไว้แน่นขึ้น

“ได้ค่ะ………..” พิงกี้พยักหน้า

ได้คำตอบแล้ว เธอก็ไม่มีอารมณ์อย่างอื่นแล้ว
จะกินอะไรก็ดี เธอก็ไม่มีความแปลกใจอะไร

เควินเปิดปากพูดอีก “ก่อนเราจะออกจากบ้าย มี เพื่อนคนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศได้โทรหาผมพอดี อาหารกลางวันเพิ่มเขาด้วยอีกคน คุณจะถือสาหรือ เปล่า?”

พิงกี้ส่ายหัว สายตามองไปที่นอกกระจกรถ รู้สึก เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับทุกอย่าง จมปลักอยู่แต่ใน โลกของตัวเอง

ลูกที่ตั้งครรภ์มาเจ็ดเดือนไม่มีแล้ว แต่หลังจาก ผ่าตัดเธอก็ไม่เคยร้องไห้อีกเลย

บางที่อาจจะมีน้ำตาคลอเบ้าบ้าง แต่ร้องไห้ฟูมฟาย กลับไม่มี

เพียงแต่ กลับทำให้เธอกลัวที่จะเจอน้องแอ๊ปเปิ้ลแล้ว

ทุกครั้งตอนที่อยากเข้าใกล้น้องแอ๊ปเปิ้ล เห็นหน้า ขาวๆกลมดึกเหมือนซาลาเปาของเขา เธอก็จะคิดถึง ตอนนั้นก็คลอดก่อนกำหนดเหมือนกัน ยังสามารถ คลอดน้องแอ๊ปเปิ้ลออกมาอย่างปลอดภัยได้เลย แต่ ทําไมลูกคนนี้ถึงรักษาไว้ไม่ได้นะ?

เด็กที่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว ได้ยินว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยจิ้มลิ้มมาก พิงกี้ใช้เล็บจิกที่ฝ่ามืออย่าง แรง เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดเรื่องนี้อีก

มาถึงร้านอาหาร

พิงกี้กับเควินเลือกโต๊ะที่ใกล้ริมหน้าต่าง

วิวของห้องโถงสวยกว่าในห้องรับรองV.I.P ใน ห้องV.I.Pค่อนข้างอุดอู้ แต่อยู่ห้องโถงริมหน้าต่าง สามารถเห็นผู้คนและรถยนต์ที่อยู่ด้านนอก ทำให้พิงกี้ รู้สึกสบายกว่าเยอะ

เดิมทีเควินอยากเลือกห้องV.I.P ที่เงียบสงบ แบบ นี้เดี๋ยวจะได้พูดคุยเรื่องได้สะดวกกว่า แต่เห็นสายตา ของพิงกี้มองไปยังโต๊ะที่ติดริมหน้าต่าง เขาก็ยิ้มมุมปาก อย่างอ่อนโยนและไม่ได้พูดอะไรต่อ

นั่งมาสิบกว่านาที ผู้ชายที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีเทาเงิน เดินมา มาพร้อมใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนละมุนและไม่ ทําให้คนเกลียด

“คุณเควินครับ” เขาทักทายกับเควิน แล้วมองมา ทางพิงกี้ “ท่านนี้ก็คือภรรยาของคุณสินะครับ?”

เควินมองเขาอย่างราบเรียบ “นายเพิ่งไปต่างประเทศไม่นาน กลับมาก็ห่างเหินอย่างนี้แล้วเหรอ?”

รอยยิ้มของผู้ชายได้รีบเปลี่ยนมาเป็นใกล้ชิดสนิท สนมอย่างไว “ทุกครั้งที่เห็นพลานุภาพบนตัวนาย ฉันก็ จะมีความรู้สึกตกตะลึงมาก เรียกนายว่าคุณเควินแล้ว จะทำไม ฉันยังอยากเรียกนายคุณปู่เลย” เขาเกือบ ลืมไปว่าวันนี้เขาแสดงเป็นเพื่อนสนิทของคุณเควิน จะ ทําตัวเคารพและเกรงใจเกินไปไม่ได้

“งั้นนายลองเรียกค่าหนึ่งซิ?” เควินหยอกล้อ

“คุณปู่ครับ” ผู้ชายเรียกอย่างจริงใจและนับถือ

เควิน “….…….………….”

ผู้ชายได้มองมาทางพิงกี้อีก “สวัสดีครับ คุณย่า ผมชื่อจงเจตครับ”

พิงกี้เม้มปาก ดวงตากลมโตเผยรอยยิ้มที่รื่นรมย์ ออกมา “สวัสดีค่ะ” แต่เธอไม่อยากรับผู้ชายที่ตัวโต ขนาดนี้เป็นหลานชายเลย

คนก็มากันครบแล้ว งั้นก็สั่งกับข้าวเลย

หลังจากอาหารมาเสิร์ฟ ทั้งสามคนก็ทานข้าวไป และพูดคุยไป ไม่นานประเด็นการพูดคุยก็ได้พุ่งมาที่บน ตัวของพิงกี้
จงเจตมองพิงกี้ด้วยความสงสัย “พี่สะใภ้คงไม่ใช่ ไม่ต้อนรับผมมั้งครับ ทำไมผมถึงรู้สึกพี่สะใภ้ไม่เป็น มิตรไมตรีกับผมเลย แถมยังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ด้วย?”

” พิงกี้ส่ายหัว “ไม่ใช่ค่ะ”

“แล้วทําไมถึงอารมณ์ไม่ดีครับ?”

พิงกี้มองไปทางเควิน

เควินเม้มปากเป็นเส้นตรง “ก่อนหน้านั้นเกิดเรื่อง นิดหน่อย ภรรยาของฉันแท้งลูก จากนั้นก็อารมณ์ไม่ดี มาตลอดเลย”

สายตาที่พิงกี้มองเควินมีความประหลาด

ใจ

ข้าวมื้อนี้ทานไปสองชั่วโมง

พอลุกขึ้นมาจากโต๊ะอาหารก็บ่ายสองกว่าๆแล้ว

พิงกี้รู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย พอขึ้นรถก็พิงไปที่เบาะ

นั่งและหลับตาลงเบาๆ

เควินลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน และถามด้วย เสียงทุ้มต่ำ “ง่วงนอนใช่มั้ย? ผมจะพาคุณกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย คุณนอนงีบอยู่บนรถไปก่อนนะ”

“ค่ะ” สำหรับเควิน พิงกี้ทำไม่ลงคอที่จะไม่ตอบ

เควินโน้มตัวจูบที่หน้าผากเธอทีหนึ่ง

พอรถขับมาได้สักพัก พิงกี้ไม่ได้ลืมตา แต่จู่ๆกลับ ถามขึ้นมาว่า “เควิน ผู้ชายคนเมื่อกี้ไม่ใช่เพื่อนของคุณ แต่เป็นหมอจิตแพทย์ที่คุณเชิญมาใช่มั้ย? คุณรู้สึกว่า ฉันป่วยหรอคะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ