คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่430: นี่มันอะไรกันเนี่ย?



บทที่430: นี่มันอะไรกันเนี่ย?

พิงก็รู้สึกเหลือเชื่อมาก

“ใช่ เธอเป็นคนเรียกร้องจะไปเอง” เควินพยักหน้า “เธอยอมที่จะขายร่างกายก็ไม่ยอมเป็นขอทาน ผล ที่ตามมาในตอนนี้ก็คือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แถมยังติดโรคเอดส์ด้วย ห่างจากความตายไม่ไกล แล้ว

พิงกี้อดไม่ได้ที่จะดูหน้าจออีกที ครั้งนี้เธอใช้ใจดู มาก และรู้สึกทำลายดวงตาเธอมาก

เชอะ….. .ลิสายอมขายตัวก็ไม่ยอมเป็นขอทาน ทนความลำบากไม่ได้ขนาดนี้เลยหรือ?

แต่ดูสภาพของเธอ ดูเหมือนว่าน่ากลัวกว่าตอนเป็น ขอทานเยอะเลยมั้ง?

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่า แถมยังติด เอดส์ด้วย………ถ้าพูดเชิงทางการแพทย์ของตอนนี้ โรคเอดส์แทบจะคือโรคที่รักษาไม่หายแล้ว ถึงว่าล่ะลิ สาที่อยู่ในรูปถ่ายซูบผอมจนไม่เหลือสภาพความเป็น คนเลย

พิงกี้”

เธอไม่เข้าใจการตัดสินใจของลิสาจริงๆ
เพิ่งไปส่งมาลาตีที่สุสานมา ตอนนี้พอเห็นลิสาที่ ถูกมาลาตีรักและโอ๋ขีดสุด ต่อมากลับแตกคอกลาย เป็นศัตรูต่อกันได้มาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ในใจรู้สึก ยุ่งเหยิงเล็กน้อย

เฮ้อ~น่าเศร้าใจจริงๆ……….

ในขณะที่พิงกี้ทอดถอนใจ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของ เควินก็ดังขึ้น

กลอกตาไปดูหน้าจอทีนึง จากนั้นก็หันมามองพิงกี้

พิงกี้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติอย่างหลักแหลม จึงรีบถามว่า “ทำไมคะ?”

“คือคนที่เฝ้าจับตาดูลิสาโทรมา”

“งั้นคุณรับสายเลยค่ะ” พิงกี้ทำท่ารูดซิปปาก และ รออยู่ที่ข้างๆอย่างเงียบๆ

เควินรับสาย

นี่ไม่มีอะไรต้องหลบหลีกอะไร เขาก็ย่อมไม่ทำ เรื่องที่เกินความจำเป็นอยู่แล้ว ที่อธิบายให้เธอฟังก็ เพราะเห็นเธอแปลกใจ

สายเรียกเข้านี้ไม่ได้คุยนาน หลังจากวางสาย เควินมีแววตาอั้งที่ยากจะได้เห็น

“ทำไมคะ?” พิงกี้ถาม

“ลิสาตายแล้ว

“ห้า?” พิงกี้อึ้งจนตาค้าง และรู้สึกประหลาดใจ “ลิสา….ตายแล้ว?

“ใช่ เธอฆ่าตัวตายแล้ว”

ทนความทรมานของโรคภัยไข้เจ็บไม่ได้ และไม่ เห็นความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป หลังจากที่รู้ว่าตัวเอง ติดเอดส์ก็ได้แต่ใช้ชีวิตอย่างทนทุกข์ทรมานไปวันๆ ลิ สาจึงคิดอยากจะฆ่าตัวตาย คนที่เฝ้าจับตาดูเธอในครั้ง นี้แค่ประมาทหน่อย เธอก็หาโอกาศฆ่าตัวตาย

เพราะแขนขาเธอขยับไม่ได้ เธอจึงได้เอาหัวไป โขกหัวเตียง มุมแหลมของหัวเตียงทิ่มเข้าที่ขมับ จึง

ทำให้เสียชีวิตโดยตรง

ได้รู้เรื่องพวกนี้จากปากของเควินแล้ว พิงกี้ยิ่งอึ้ง

จนพูดไม่ออก

ตายแล้ว………

แถมยังตายด้วยวิธีนี้
“เควิน……” จู่ๆพิงกี้เปิดปากพูด “ฉันจำได้ว่าเรา ซื้อสุสานคู่ให้มาลาตี เดิมอีกครึ่งนึงคือกะว่าจะเก็บไว้ให้ ชาตรี แต่ตอนนี้ชาตรียังไม่แน่ใจว่าจะถูกประหารเมื่อ ไหร่ หรือว่า………

“คุณจะเอาไว้ฝังศพของลิสา ?”

“ใช่ค่ะ” พิงกี้พยักหน้า

ตอนที่มีชีวิตอยู่ มาลาตีรักและเอ็นดูลูกบุญธรรม คนนี้จะแย่ ถึงแม้ต่อมากลับกลายเป็นศัตรูกัน ใครบอก ว่านั่นไม่ใช่เพราะรักถึงเกิดความแค้นล่ะ?

ในเมื่อมีวาสนาลึกซึ้งกันขนาดนั้น งั้นตอนตายก็ให้ พวกเธอได้สื่อสารกันเยอะๆเถอะ

พิงกี้ไม่ยอมรับหรอก ว่าตัวเองก็มีความชอบที่ไม่ดี

ศพของลิสาคือเผาเป็นเถ้ากระดูกแล้วค่อยส่งมาที่

เมืองหลวง

พิงกี้ไม่คิดจะไปดู เพียงแค่ให้คนรับผิดชอบที่ สุสานจัดเตรียมเรื่องต่างๆไว้ วันนี้ฝังเถ้ากระดูกได้ไปที่ สุสานรอบนึง ตอนที่พิงกี้ถึงสุสาน ป้ายสุสานของลิสาก็ ผนึกและตั้งขึ้นมาแล้ว
หน้าหลังห่างกันแค่สี่วัน มาถึงที่สุสานอีกครั้ง ที่ จริงพิงกี้เข้าใจทุกกระบวนการแล้ว แต่ว่าเธอไม่อยาก ทำเพื่อคนอย่างลิสาเฉยๆ

ดังนั้นเธอถึงมาในนาทีสุดท้าย

ยืนอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพของทั้งสอง พิงกี้สำรวจ อย่างละเอียด และพยักหน้าอยู่ในใจ

บนป้ายหลุมศพของมาลาตีแกะสลักชื่อของเธอไว้ และข้อมูลของญาติพี่น้อง อย่างเช่นข้อมูลของพ่อแม่ และลูก ด้านบนสุดยังมีรูปถ่ายสีของเธอแทรกอยู่ตรง กลาง

ส่วนป้ายสุสานข้างๆของมาลาตีเห็นได้ชัดว่าเรียบ ง่ายมาก บนป้ายมีแค่รูปถ่ายขาวดำรูปนึง ไม่เพียงแต่ ไม่ใช่รูปถ่ายสี แต่ยังเป็นรูปถ่ายที่พร่ามัวจนแทบจะมอง เห็นหน้าผู้ตายไม่ชัด

บนป้ายสุสานมีชื่ออยู่ก็จริง แต่ไม่มีข้อมูลของญาติ พี่น้องเลย ยิ่งทำให้ชื่อของเธอยิ่งดูว่างเปล่าอย่างเห็น ได้ชัด

ลิสา บุญถาวร

นี่คือความต้องการของพิงกี้
ตอนมีชีวิตอยู่ลิสาครองนามสกุล ดำรงกูล”มา โดยตลอด แต่เธอกลับรู้สึกว่านามสกุล “บุญถาวร” เหมาะสมกับลิสามากกว่า

ถึงแม้ตระกูลดำรงกูลก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่พิงกี้ไม่ อยากให้คนที่ชั่วช้าอย่างลิสามาเปรอะเปื้อนนามสกุล นี้ อย่างน้อยตระกูลดำรงกูลก็ยังมีเธออยู่และภูผาอยู่ ไม่ใช่หรือ?

มองรูปถ่ายขาวดำใบนั้นของลิสา พิงกี้ก็รู้สึก สะท้อนใจ

เมื่อก่อนลิสาใส่ร้ายป้ายสีเธอ บอกว่าเธอสำส่อน ทางเพศ เคยนอนกับผู้ชายในเมืองหลวงมาเยอะจน นับไม่ถ้วน เพราะเหตุนี้จึงทำให้เป็นโรคติดต่อทางเพศ สัมพันธ์.…………ตอนนี้ นี่กลับกลายเป็นสาเหตุนึงที่ ทําให้ลิสาเสียชีวิต

นี่เรียกว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง ใช่มั้ย?

ก้มลงไปเอาต้นกระบองเพชรวางไว้ที่หน้าสุสาน ของลิสา พิงกี้ปัดฝุ่นบนมือทิ้ง มุมปากมีรอยยิ้มที่เยาะ เย้ย

กระบองเพชรแค่ดูก็เข้มแข็งมากแล้ว น่าจะ สามารถปราบลิสาได้
เดินออกมาจากสุสานและมาขึ้นรถ พิงกี้ก็ยังไม่ เห็นภูผาอยู่ดี

พิงกี้ได้เล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลิสาให้เขาฟัง ให้ เขาตัดสินใจเองว่าจะมาส่งลิสาเป็นครั้งสุดท้ายหรือ เปล่า แต่ภูผาไม่มา นี่คือการตัดสินใจของเขาเอง พิงกี้ก็ ไม่ไปว่าอะไรเขาอยู่แล้ว

กลับมาจากสุสาน พิงกี้ก็พักผ่อนอย่างเต็มที่มา สองวัน แบบที่ไม่คิดเรื่องอะไรและไม่ทำอะไรเลย

ตอนแรกก็งานศพของมาลาตี ต่อมาก็ต้องจัดการ เรื่องของลิสา เรื่องที่กองอยู่กว่าจะจัดการให้หมดก็ ไม่ใช่ง่ายๆ ถึงแม้ไม่จำเป็นต้องให้พิงกี้ไปลงมือทำเอง ทุกเรื่อง แต่อย่างไรซะก็ตั้งครรภ์อยู่ พิงกี้ก็ยังรู้สึก เหนื่อยล้าอยู่ดี

นั่งอยู่บนโซฟา นึกถึงอีกสองวันภูผาก็จะผ่าตัด แล้ว พิงกี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อีก

ถึงแม้ความผูกพันถูกการตบหน้าของภูผาทำเอา จางหายไปไม่น้อย แต่พริบตาเดียวจะให้ไม่ไปมาหาสู่ กันเลยก็คงไม่ได้ พิงกี้เองก็เด็ดขาดขนาดนั้นไม่ลง

ยิ่งไปกว่านั้น วันที่เจอหน้ากันในสุสาน พิงกี้ก็เห็นความละอายใจและตกที่นั่งลำบากผ่านสายตาของภูผา

แค่ความละอายใจในแววตานั้น ก็ทำให้ความโกรธ ที่อยู่ในใจเธอจางหายไปมากแล้ว

วันที่เอาเถ้ากระดูกของลิสาฝังลงในหลุมศพ ภูผา ไม่ได้มา ตอนแรกเธอยังไม่รู้สึกอะไร แต่ต่อมาลองคิดๆ ดูแล้ว ที่จริงนี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงท่าทีที่ชัดเจนของ ภูผา แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ยอมรับลิสาเป็นพี่สาวเขา และแสดงให้เห็นว่าอยากจะดีกับเธอ

ในเมื่อแบบนี้ งั้นเธอก็จะใจแคบไม่ได้

คนที่ต้องเป็นห่วง ก็ยังต้องเป็นห่วงอยู่

พิงกี้นวดขมับและกำลังคิดถึงเรื่องหลังการผ่าตัด ของภูผาอยู่ ว่าจะแพลนยังไง จู่ๆรู้สึกโซฟาข้างๆก็หนัก

ลงมา

พอหันหน้าไปมอง ก็สบตากับดวงตาพราวเสน่ห์

ของเขา

เตชิต……..

“คุณ…..มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” พิงกี้เขยิบมา ชิดขอบโซฟา อยากรักษาระยะห่างๆกับเตชิตหน่อย
อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันมานาน แต่เตชิต อยู่ในขอบเขตมาโดยตลอด แม้กระทั่งยังระมัดระวัง ตัวมากกว่าก่อนที่จะเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ แทบ จะไม่เคยเป็นฝ่ายมาพูดคุยกับเธอก่อนเลย แต่ตอน

นี่มันอะไรกันเนี่ย?

พิงกี้รู้สึกไม่เข้าใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ