คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่477: คุณมีสิทธิ์อะไรไปช่วยฉันบอกคนอื่น?



บทที่477: คุณมีสิทธิ์อะไรไปช่วยฉันบอกคนอื่น?

ดุสิตใช้แรงเยอะมาก น้ำหวานสลัดมือของเขาไม่ ออก ทันใดนั้นทั้งคู่ได้ถกเถียงกันขึ้นมา

“ผม…..คุณบอกผมซิว่าผมทำอะไรผิด ถึงคุณ จะตัดสินโทษผม ถึงจะเลิกกับผม ก็ต้องให้เหตุผลผม หน่อย ถูกมั้ย?” ตะคอกคำนี้เสร็จ ดุสิตนึกอะไรขึ้นมา ได้ แววตามืดมน เสียงต่ำลงมาตั้งเยอะ “น้ำหวาน ผม รู้ว่าคุณอารมณ์ไม่ดี เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นคุณไม่ยอม เผชิญหน้ากับผม อันนี้ผมเข้าใจได้ แต่คุณจะหลบหน้า ผมตลอดชีวิตไม่ได้มั้ง?”

เกิดเรื่องอย่างนั้น…….

ไม่ยอมเผชิญหน้ากับเขา

ใครไม่ยอมเผชิญหน้ากับใครกันแน่?

คือเขาหรอ?

หรือว่าเป็นเธอเองที่ไม่กล้าเผชิญหน้า ดังนั้นจึงได้ เดาความคิดของดุสิตเอง? ที่จริงเขาไม่แคร์เรื่องที่เธอ เคยถูกข่มขืน แถมยังรักเธอเหมือนเดิมอีกเช่นเคย?

น้ำหวานรู้สึกกล้ำกลืนในชั่วขณะ และเต็มไปด้วย ความสงสัยในชั่วขณะ และความสุขความเซอร์ไพรส์ที่ ดุสิตปรากฏตัวอยู่ที่นี่……….ในใจถูกอามรณ์ต่างๆยัด จนเต็ม สมองเธอวุ่นวายจนคิดทบทวนไม่ได้
เธอส่ายหัว ขัดขืนเอามือตัวเองออกเบาๆ อยาก หลุดพ้นมือของดุสิต

“น้ำหวาน นี่คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?” ดุสิต ตามตื้อ

น้ำหวานหลุบตาไว้ พึมพำอยู่คนเดียว “ฉันไม่รู้ ฉัน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น……..คุณให้ฉันได้คิดดูก่อนเถอะ ให้ เวลาฉันหน่อย ไม่กี่นาทีก็พอค่ะ……

“เอาล่ะ” พิงกี้ดึงข้อมือของดุสิตไว้ “คุณดุสิตคะ ที่นี่ไม่เหมาะกับการพูดคุย หลายวันนี้น้ำหวานจะพัก ที่บ้านฉัน ถ้าคุณยอมที่จะไปเป็นแขกที่บ้าน ฉันยินดี อย่างยิ่งค่ะ”

“ไม่ต้อง” ดุสิตสีหน้าเยือกเย็น มองก็ไม่มองพิงกี้ ดวงตาทั่งคู่จ้องมองแต่น้ำหวาน “ผมกับน้ำหวานอยู่ใน เมืองหลวงใช่ว่าจะไม่มีบ้าน เราไม่ไปรบกวนโลกส่วน ตัวของคุณกับคุณเควินแล้ว น้ำหวานผมจะพาไปเอง ถ้าพวกคุณไม่ไว้ใจผมล่ะก็ สามารถส่งคนไปเฝ้าที่หน้า บ้านผมก็ได้”

พิงกี้ขมวดคิ้ว

ในที่สุดดุสิตก็มองมาที่เธออย่างเยือกเย็น “หรือว่า คุณคิดว่าน้ำหวานเพื่อจะทำเรื่องพวกนี้ได้ทุ่มเทไปเยอะ ขนาดนี้ แม้แต่ความบริสุทธิ์ของตัวเองก็ถูกเปรอะเปื้อนแล้ว ยังไม่คุ้มค่าแก่การเชื่อใจอีก แม้แต่ช่องว่างส่วนตัว แค่นี้ก็ยังไม่ยอมให้เธออีก?”

คำพูดเหล่านี้ ชัดเจนว่าเอาความหวังดีของพิงกี้มา เป็นเหตุผลของการกักตัว

ได้ยิน ความบริสุทธิ์ถูกเปรอะเปื้อน คำนี้ ร่างกาย ของน้ำหวานก็สั่นคลอนขึ้นมา

“ไม่ใช่! ” เธอเงยหน้าขึ้น “คุณอย่าเดาความ หมายของพิงกี้ไปมั่ว เธอเชื่อใจฉัน เธอแค่เป็นห่วงฉัน อารมณ์ไม่ดี เลยชวนฉันไปพักที่บ้านเธอเฉยๆ

“คุณอารมณ์ไม่ดีไม่อยู่กับผมที่เป็นแฟนของ ไปก่อกวนที่บ้านคนอื่นทำไม?” แววตาของดุสิตมี คุณ อารมณ์ที่มืดมนแว๊บเข้ามา เหมือนผิดหวัง “เพราะเรื่อง แค่นี้ คุณก็จะห่างเหินกับผม อยากไปจากผมหรอ?”

“ฉัน.……..” น้ำหวานพูดไม่ออก

ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้วจริงๆ

เงียบไปครู่หนึ่ง น้ำหวานหายใจออกมาเบาๆ ไปกับคุณค่ะ” “ฉัน

เรื่องบางเรื่องต้องเผชิญหน้าด้วยความกล้าหาญ

จริงๆ
หลบหนีก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา

เพียงแต่………

น้ำหวานมองมาที่พิงกี้อย่างรู้สึกผิด “พิงกี้……

พิงกี้เป็นห่วงเธอ หลายวันนี้มานี้เธอเห็นเธอเป็น ตุ๊กตาคริสตัลที่แตกง่ายชัดๆ คอยอยู่เป็นเพื่อนพูดคุย กับเธอไม่พอ แถมยังทิ้งเควินไว้ข้างๆไม่สนใจ และคอย นอนเป็นเพื่อนเธอ……..

เธอจะไปกับดุสิต รู้สึกผิดต่อพิงกี้ที่สุด เหมือนได้ ทําลายหวังดีของเธอ

“ฉันไม่เป็นไร” พิงกี้บีบมือของน้ำหวานด้วยความ เข้าใจ เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนมองมาที่เธอ “พูดคุยกับ คุณดุสิตก็ดีเหมือนกัน พอพูดคุยกันเข้าใจแล้ว ปมในใจ ก็อาจจะไม่มีแล้วก็ได้ นี่ถึงจะเป็นตอนจบที่ดีที่สุด”

พูดคำนี้จบ พิงกี้กระซิบไปที่ข้างหูของน้ำหวาน “ไม่ว่าจะยังไง ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอนะ

ไม่ว่ายังไง เพื่อนรักก็คือเพื่อนรัก

“เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” พิงกี้พูด อย่างจริงจัง
“……..อืมๆ” น้ำหวานกัดริมฝีปากไว้ กลั้นน้ำตา ที่กำลังจะไหลลงมา และกอดพิงกี้ไว้แน่น “ งั้นฉันไป ก่อนนะ แล้วเราค่อยติดต่อกันทางโทรศัพท์นะ”

“โอเค”

น้ำหวานยอมไปด้วย ดุสิตถือว่าอากัปกิริยาฟื้นฟู กลับมาดีขึ้นแล้ว

จําลากับเควินและพิงกี้อย่างมีมารยาท เขาพาน หวานเดินไปที่ลานจอดรถ

มองดูร่างเงาของทั้งคู่เดินไปไกล ในใจของพิงกี้

รู้สึกหงุดหงิดอย่างควบคุมไม่ได้ วันนี้อารมณ์ของดุสิตแฝงด้วยความหงุดหงิด ที่ จริงในใจเธอไม่รู้สึกว่าน้ำหวานกับดุสิตจะสามารถ

สื่อสารได้ผลลัพธ์อะไรออกมา

แต่ว่า ดุสิตก็ตามมาถึงนี่แล้ว แสดงว่าในใจก็ยังมี น้ำหวานอยู่แน่นอน แถมน้ำหนักยังไม่เบาด้วย ดูแล้ว น้ำหวานก็ปล่อยวางความรักนี้ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเธอ เข้าไปแทรกแซงในเวลานี้ มันไม่มีเหตุผลจริงๆ

ถ้าหากดุสิตสามารถดีกับน้ำหวานล่ะ?

ถ้าเธอดื้อด้านไปแยกคู่รักให้จากกัน มันไม่ดีเลยเธอกลัวตัวเองก้าวก่ายเกินไป กลับมีผลกระทบต่อ ความสุขของน้ำหวาน ถึงในใจจะมีความกังวล นาทีนี้ ก็ได้แต่สะกดมันลงไป

“เราไปกันเถอะ” เควินโอบไหล่เธอไว้ ก้มหน้าจูบ ที่ศีรษะเธอ “คุณอย่าคิดมากเลย โอเค๊? หลายวันมานี้ คุณเพิกเฉยใส่ผม ผมยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลย กลับ ไปก็ใส่ใจผมให้มากๆหน่อย?”

พิงกี้ “……

น้ำหวานเดินตามหลังดุสิต ระหว่างทั้งสองรักษา ระยะห่างไว้ก้าวหนึ่ง

เธอเหม่อลอยนึกถึงจุดเริ่มต้นของความรักนี้ ตอน นั้นก็เป็นเธอที่ตามจีบเขา ราวีเขาอย่างหน้าด้านและ เป็นเป็นมิตรไมตรีมาก แต่สายตาของเขากลับหล่นที่อยู่ บนตัวของซินดี้ตลอด เห็นเพียงแค่ซินดี้คนเดียว หัวใจ หวั่นไหวเพราะซินดี้คนเดียว

ถึงแม้จะเป็นแฟนเก่า แต่นั่นก็เป็นรักที่ไม่อาจลืม

เลือนเลย

ตอนนี้เธอคิดไม่ออกแล้วว่าทำไมตัวเองถึงได้มารัก

คนๆนี้
อาจจะเพราะว่ารักแรกพบ อาจจะเพราะถูก บุคลิกภาพที่ดูดีของเขาดึงดูด อาจจะ……เพราะ หลายๆอย่างมั้ง?

มาถึงที่รถ ดุสิตเปิดประตูข้างคนขับ ในที่สุดก็หัน หน้ามองมาที่เธอ “ทำไมตลอดทาง คุณถึงไม่พูดเลย? ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณไม่ใช่แบบนี้หนี่ เมื่อก่อนคุณเป็น คนชอบพูดมากเลยไม่ใช่เหรอ?”

“คงจะเพราะอารมณ์ไม่ค่อยดีค่ะ” น้ำหวานฉีก รอยยิ้มออกมาและขึ้นรถ

เมื่อก่อนเธอเป็นคนร่าเริงมากจริงๆ แถมยังพูดมาก ด้วย โดยเฉพาะอยู่ต้อหน้าดุสิต เขาเป็นคนไม่ชอบพูด แต่เธอสามารถคิดหาวิธีให้ตัวเองมีความสุข พูดเจ๊าะ แจ๊ะทีหนึ่งก็เป็นชั่วโมงเลย

ส่วนเขาแค่พยักหน้า หรือตอบ“อืมบ้างเป็นบาง ครั้ง เธอก็มีความสุขมากแล้ว

แต่ว่า เธอไม่ได้เป็นแบบนี้มานานมากแล้ว

ตั้งแต่เห็นภาพที่เด็กผู้ชายถูกกรีดท้องเป็นๆที่ ตระกูลภักดีวัฒนากุล ทำเธอกลัวจนฝันร้ายติดต่อกัน หลายคืนเลย ต่อมากว่าจะหาหมอจิตแพทย์รักษาให้ หายไม่ใช่ง่ายๆ ตั้งแต่นั้นมา เธอก็กลายเป็นคนที่ไม่ ค่อยชอบพูดจาแล้ว
เวลานี้ เขาถึงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเธอเห รอ?

น้ำหวานหลุบตาลง มือที่วางอยู่บนหัวเข่าจับ กระเป๋าของตัวเองไว้แน่น ราวกับว่าแบบนี้สามารถดูด เอาพลังมาได้บ้าง

ดุสิตอยู่เมืองหลวงพักอยู่ที่บ้านของตระกูลภักดี วัฒนากุลตลอด ไม่ได้อยู่แยกกับพ่อแม่

มองดูรถกำลังเลี้ยวเข้าเส้นทางที่คุ้นเคย น้ำหวาน หัวใจบีบคั้น สีหน้าซีดเซียว เธอเปิดปากพูด “ดุสิต นี่เรา จะกลับบ้านภักดีวัฒนากุลหรอคะ? คุณลุงคุณป้าก็น่า จะอยู่ที่บ้านใช่มั้ยคะ?

“ใช่ พวกท่านอยู่ที่บ้าน” ดุสิตพยักหน้า

ตระกูลภักดีวัฒนากุลยังไม่ได้หมดอำนาจ และ แน่ใจด้วยว่า ณ ตอนนี้หลักฐานที่กุมอยู่ในมือของเควิน ยังไม่ครบ จึงทำอะไรพวกเขาไม่ได้ เพราะเหตุนี้ตอนนี้ก็ ยังกล้าอยู่ในประเทศ

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลภักดีวัฒนากุลก็ต้องการคนที่ รับหน้าคนสองคนคอยอยู่ในประเทศ จะได้หลอกตาคน ของเควิน พ่อแม่ของดุสิตก็คือหมากที่เลือกออกมา

ไม่ว่าพวกเขายินยอมหรือไม่ยินยอม ถึงแม้จะมีอันตราย ก็ต้องอยู่ในประเทศ

นี่คือการตัดสินใจของคุณท่านของตระกูลภักดี วัฒนากุล

สีหน้าของน้ำหวานยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ เธอได้ถาม ตรงๆ งั้น…..เราไม่กลับไปได้มั้ยคะ? ฉันจำได้ว่าคุณ มีบ้านอยู่แถวถนนHอยู่ไม่ใช่เหรอคะ เราไปที่นั่นดีกว่า มั้ย?”

2 ดุสิตหยุดไปครู่หนึ่ง “บ้านหลังนั้นผมให้ ซินดี้ไปแล้ว”

กลัวน้ำหวานจะไม่สบายใจ เขารีบอธิบายอีก “ไม่ใช่เพิ่งให้ช่วงนี้ ช่วงนี้ผมไม่ได้ติดต่อซินดี้เลย คุณ อย่าคิดมากเลยนะ เมื่อก่อนซินดี้เคยพักอยู่ที่บ้านหลัง นั้น เธออยากได้ ผมคิดว่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ก็ เลยให้เธอไป”

ซินดี้ก็เคยพักที่นั่นด้วย?

ถึงว่าล่ะ เขาถึงไม่เคยพาเธอไปที่บ้านหลังนั้นเลย

ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง

น้ำหวานสีหน้าแววตาอึ้ง จู่ๆรู้สึกในใจค่อนข้างโศกเศร้า
“งั้นในเมื่อทางนู้นไม่ได้ ก็ไปห้องเช่าของฉัน เถอะ” เสียงของน้ำหวานค่อนข้างเลื่อนลอย “ตอนนี้ ฉันยังไม่ได้เตรียมใจพร้อมที่จะไปเผชิญหน้ากับคุณลุง คุณป้าค่ะ ขอเวลาฉันหน่อย”

“เพราะอะไร?” ดุสิตขมวดคิ้ว และหันหน้ามามอง เธอ “เรื่องที่คุณถูกข่มขืนพ่อแม่ผมรู้หมดแล้ว พวกเขา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่แคร์เรื่องนี้ คุณไม่จำเป็นต้อง เอามาใส่ใจเลย น้ำหวาน ถ้าไม่อยากถูกคนใช้สายตาที่ แปลกประหลาดมองคุณ ก่อนอื่นตัวคุณเองต้องทำได้ ว่าไม่แคร์เรื่องนี้ รู้มั้ย?

คำพูดนี้มีเหตุผลมาก น้ำหวานหมดคำพูดที่จะ

โต้ตอบกลับ

แต่ว่า จู่ๆในใจเธอมีไฟแห่งความโกรธที่เผาอย่าง บ้าคลั่งปะทุขึ้นมา

“ดุสิต นี่เป็นเรื่องของฉัน คุณมีสิทธิ์อะไรไปช่วย ฉันบอกคนอื่น?!”

“พ่อแม่ผมจะเป็นคนอื่นคนไกลได้ยังไง?

“งั้นพี่น้องของคุณก็เป็นญาติกันหมด คุณก็จะเอา เรื่องของฉันไปพูดให้พวกเขาฟังหมดใช่มั้ย?”

ดุสิตสีหน้าอึ้ง “พูดไม่ได้หรอ?”
น้ำหวานเบิกตาโต “คุณพูดไปหมดแล้วงั้นหรอ?”

ดุสิตค่อนข้างลังเล

ภายใต้สายตาที่ประกลาดใจและโกรธกริ้วของน้ำ หวาน เขาขมวดคิ้วคิดไตร่ตรองแล้วพูด “ไม่ได้พูดทุก คน มีแค่พี่ชายผมที่เป็นญาติฝั่งพ่อเท่านั้นที่รู้ ตอนที่ได้ รับรูปที่ส่งมาจากมือถือคุณ ลูกพี่ลูกน้องผมอยู่ที่บ้าน ผมพอดี ตอนนั้นผมไม่คิดว่ารูปถ่ายพวกนั้นเป็นของจริง เพราะผมนึกว่าคุณไม่ใช่คนที่ไม่ระวังขนาดนั้น น่าจะ ไม่ถูกคนข่มขืนง่ายๆ จากนั้น ผมก็เลยให้พี่ชายผมช่วย ตรวจดูว่ารูปถ่ายพวกนั้นตัดต่อหรือเปล่า เขาดูไปไม่กี่ที ก็รู้แล้ว…….”

น้ำหวาน “ ..

รูปถ่ายพวกนั้น………….

ไม่นึกเลยว่าจะถูกเอาไปให้คนดู แถมยังไม่ได้ดูแค่ คนเดียวด้วย!

พริบตาเดียวรู้สึกเลือดทั้งหมดสูบฉีดขึ้นมาที่ สมองหมด น้ำหวานหลับตาลง ราวกับว่าสามารถได้ยิน เส้นเลือดเต้นตุบๆๆ อยู่ในสมอง

เธอหน้ามืดเวียนหัว คนทั้งคนเหมือนขึ้นๆลงๆอยู่ ในคลื่นที่โหมกระหน่ำ เธอหลับตาไว้แน่น แต่ก็อยากจะอ้วกอย่างควบคุมไม่ได้

“จอดรถ” เธอเคาะประตูรถ “ฉันจะลงไป

“คุณเป็นอะไร?”

“ฉันไม่สบาย ฉันจะลงจากรถ”

“น้ำหวาน นี่คุณอย่าใช้อารมณ์เลยได้มั้ย คุณ กำลังโกรธอะไร คุณบอกผม บอกมาตรงๆหน่อยจะได้ ไหม?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ