คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่404 ปิดบังเรื่องอะไรไว้?



บทที่404 ปิดบังเรื่องอะไรไว้?

คือเควิน

พิงกี้กับหทัยรัตน์หันไปมองต้นทางของเสียง พร้อมกันโดยที่ไม่ต้องนัดหมาย เห็นแต่เควินที่สวมใส่ ชุดลำลองยืนอยู่ไม่ไกล ชัดเจนมากว่าเขาได้ยินการ สนทนาก่อนหน้านั้นของพวกเธอ นาทีนี้สีหน้าเขาเยือก เย็น แถมยังแฝงด้วยความโกรธที่ถูกปิดบังอะไรเอาไว้

รูปร่างที่สูงใหญ่เหมือนหินสีดำที่หนักหน่วง ทำให้ คนรู้สึกมีแรงกดดันมาก

“เปล่านะ…..แม่เปล่านะ…..”

หทัยรัตน์รีบลุกขึ้นและมองไปที่เควิน จากนั้นก็ หันมามองพิงกี้ด้วยการอ้อนวอน สีหน้าตกตะลึงจนทำ อะไรไม่ถูก

นี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย

พิงกี้และหทัยรัตน์ต่างก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเรื่องนี้ จะถูกเควินได้ยินเข้า

ว่าไปแล้ว เรื่องเลวร้ายที่สุดที่หทัยรัตน์เคยทำก็ คือเกือบจะทำให้พิงกี้แท้ง อายุครรภ์เจ็ดแปดเดือนแล้ว ถ้าถูกพุ่งชนเข้าทีนึงถูกบีบจนต้องคลอดก่อนกำหนด ไม่เพียงแต่จะทำร้ายชีวิตน้อยๆชีวิตนึง แต่ยังทำให้ ร่างกายของพิงกี้ก็มีผลกระทบหนักมากด้วย
แม้แต่ตอนนี้ เพราะครั้งที่คลอดน้องแอ๊ปเปิ้ลทำให้ เสียสุขภาพ ถ้าเข้าสู่ฤดูหนาวเธอจะกลัวหนาวมากเป็น พิเศษ เครื่องทําความร้อนต้องปรับให้อุณภูมิสูงมาก ไม่ งั้นร่างกายเธอรับกับความหนาวเย็นที่หนาวเข้ากระดูก ไม่ได้

นอกจากเรื่องนี้ เรื่องที่หทัยรัตน์ไม่ชอบขี้หน้าพิงกี้ และประชดประชันเธอ เบากว่าเรื่องนี้เยอะเลย

ส่วนที่พิงกี้ให้อภัยไม่ได้ที่สุดก็คือเรื่องที่หทัยรัตน์ เกือบจะทำให้เธอต้องสูญเสียน้องแอ๊ปเปิ้ล

แต่ว่าเรื่องนี้ทุกคนต่างก็ปิดบังเควินไว้ หทัยรัตน์ กับสุรพลไม่กล้าให้เควินรู้ ส่วนพิงกี้คือไม่อยากให้เควิน ที่แทรกอยู่ตรงกลางทำตัวลำบาก.

เพียงแต่ คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ปิดบังมานานขนาดนี้

ครั้งนี้จะถูกเควินได้ยินเข้าโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

“มันเรื่องอะไรกันแน่ครับ พวกไมแม่กับคุณถึง เงียบไป?” เควินเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นอีก ครั้ง

เดิมทีคือเขามีเรื่องอยากจะมาบอก แต่ตอนนี้เรื่อง เล็กที่ไม่สำคัญพวกนั้นถูกเขาทิ้งไปข้างหลังหมดแล้ว เขาแค่อยากรู้ว่าพวกเธอปิดบังอะไรเขาไว้ แล้วทำไม ต้องปิดบัง?
“เควิน แม่ไม่ได้ตั้งใจ แม่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ…..ไม่ ฉันจงใจทํา แต่แม่สำนึกผิดแล้ว แม่…….

หทัยรัตน์ขอโทษอย่างสะเปะสะปะ ดูออกว่าได้รับ แรงกดดันหนักมาก

พิงกี้ลุกขึ้นและดึงแขนของเควินไว้ “เควิน เราขึ้น ไปคุยที่ชั้นบนเถอะ โอเคมั้ยคะ?”

ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแล้ว แต่เควินก็ยัง พยักหน้า

มองหทัยรัตน์ทีนึง เห็นเธอก้มหน้าเช็ดน้ำตา นี่คือ หน้าตาเสียใจที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เดิมทีเควินยัง อยากพูดอะไรหน่อย นาทีนี้คำพูดเหล่านั้นได้ถูกกลืน เข้าไปในลำคอหมดแล้ว และถูกพิงกี้ดึงขึ้นไปชั้นบน อย่างเชื่อฟัง

ทั้งคู่ขึ้นไปชั้นบน หทัยรัตน์นั่งไม่ติดอยู่ที่ห้อง รับแขก

จะทำยังไงดี?

เธอคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี?

มีใจอยากโทรหาสุรพลเพื่อขอความช่วยเหลือจาก เขา แต่ว่าเธอรู้ อาจจะตัวเองโทรไปปุ๊บ สุรพลมีแต่จะพูดกับเธอว่าบาปกรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้ ได้รับก็สมควร แล้ว แต่ถ้าไม่โทร หรือว่าเธอจะต้องฝากความหวัง ทั้งหมดไว้ที่พิงกี้คนเดียว คาดหวังให้เธอปกป้องแม่สามี ที่ชั่วร้ายคนนี้หน่อยงั้นหรอ?

หทัยรัตน์รู้สึกสิ้นหวัง

พิงกี้เองก็ลำบากใจมาก

ดึงผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ขึ้นมาชั้นบนเธอก็ใช้แรงไป เยอะมาก พอปิดประตูห้องนอน สบตากับดวงตาลุ่มลึก และสงบของผู้ชาย เธอยิ่งรู้สึกยากที่จะรับมือ………

ฟ้าดินเป็นพยานได้

ไม่ใช่ว่าเธอโอเวอร์นะ แต่คนธรรมดาทั่วไปพอ เผชิญหน้ากับเควินล้วนแต่จะมีความรู้สึกที่ไม่กล้าต่อ ต้านและไม่กล้าเล่นลูกไม้ต่อหน้าเขา ยิ่งไปกว่านั้น เธอ เป็นแค่สาวน้อยอ่อนแอคนนึงเอง!

“ตอนนี้คุณพูดได้แล้ว ก่อนหน้านั้นเกิดเรื่องอะไร ขึ้น คุณ….เจอเรื่องกล้ำกลืนฝืนทนอะไร?”

เผชิญหน้าเดี่ยวๆกับพิงกี้ ความเยือกเย็นในแววตา ของเควินได้จางหายไป
สายตาที่มองพิงกี้แฝงด้วยความรู้สึกผิดและ ทะนุถนอม “ก่อนหน้านั้นผมละเลยไป นิสัยอย่างแม่ ของผม….ผมน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วว่าท่านต้องทำให้ คุณลําบากใจแน่นอน ผมผิดเอง คุณอย่าโกรธได้มั้ย?”

พิงกี้ค่อนข้างอึ้ง

เธอนึกว่าเควินจะถามความเป็นมาของเรื่องราว ก่อน จากนั้นก็เริ่มตัดสินและจัดการปัญหา เพราะที่ผ่าน มาเขาเป็นคนที่“เอาหลักฐานเป็นหลัก” เป็นไปไม่ได้ที่ จะเปลี่ยนไปในชั่วขณะ

ส่วนเควินเองก็รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างต่ำช้า

นี่เขากำลังยอมถอยเพื่อชนะใจเธออยู่

เขารู้นิสัยของพิงกี้ มองแว๊บแรกอาจจะดูไม่อ่อน โยน แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นคนใจอ่อนที่สุด ชอบคิดเผื่อ คนอื่นมากที่สุด ถ้าเขาบอกว่าหทัยรตน์ผิดก่อนและ ขอโทษแทนหทัยรตน์ พิงกี้จะยิ่งใจอ่อนแน่นอน

แบบนี้เหมือนเป็นวางกลอุบายเล็กน้อย แต่ถ้าเขา ไม่ทำแบบนี้แล้วยังจะทำแบบไหนได้อีกล่ะ?

หทัยรัตน์เป็นแม่ของตัวเอง ส่วนพิงกี้ก็เป็นผู้หญิง ที่ตัวเองรักและทะนุถนอมที่สุด เขาตัดสินใจอย่างเด็ด ขาดไม่ได้ ถ้ามีความขัดแย้งกันจริง เขาแค่หวังว่าอยู่ระหว่างทั้งสองนี้สามารถหาจุดสมดุลได้ ให้เธอทั้งสอง ต่างก็สบายใจ

ความสัมพันธ์ของลูกสะใภ้และแม่สามี ล้วนแต่เป็น แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?

เควินตัดสินใจอยู่ลับๆ เดี๋ยวต้องให้รังสิตไปหา หนังสือที่เกี่ยวกับการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างลูก สะใภ้กับแม่สามีโดยเฉพาะมา เขารู้สึกว่าตัวเองต้อง เสริมความรู้พวกนี้สักหน่อยแล้ว

ทั้งคู่สบตากันเงียบๆไปสองที บรรยากาศเงียบขรึม ไปพักนึง ยังเป็นพิงกี้ที่เปิดปากพูดก่อน

เธอส่ายหัว “ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก่อนหน้า นั้นท่าทีที่ท่านมีต่อฉันไม่ค่อยดี รู้สึกว่าฉันไม่คู่ควรกับ คุณ เพราะฉะนั้นเจอหน้าฉันทีไรก็จะต้องต่อว่าฉันสัก สองสามคำ คุณก็รู้อยู่ว่าก่อนหน้านั้นชื่อเสียงของฉันไม่ ค่อยจะดี เพราะถูกยัยลิสาทำให้ชื่อเสียงเน่าป่นปี้ ที่จริง คิดๆแล้วในฐานะที่เป็นแม่คนนึง เลี่ยงไม่ได้ที่ท่านจะมี อคติกับฉันค่ะ”

“ทำไมคุณถึงไม่บอกผมล่ะ?”

เควินกอดเธอไว้ในอ้อมอก เธอที่พูดหลีกเลี่ยง ปัญหาสำคัญ พูดจนเขายิ่งรู้สึกละอายแก่ใจ
“เรื่องระหว่างผู้หญิง ให้ผู้ชายมาแทรกก็ยิ่งไม่ดี เข้าไปใหญ่มั้งคะ? ผู้ชายอย่างพวกคุณล้วนมีความคิดที่ ตรงที่อเหมือนเสาไฟฟ้า ไม่เข้าใจความคิดที่ซิกแซกวก ไปวนมาของผู้หญิงหรอกมั้งคะ? อีกอย่าง ฉันก็ไม่อยาก ให้คุณลำบากใจ เรื่องเล็กพวกนี้ฉันจัดการเองได้ค่ะ”

“แค่นี้เองหรือ?”

“ก็แค่นี้เองสิคะ ยังจะอะไรได้อีกล่ะ”

“แต่….ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ คนที่เย่อหยิ่งอย่างแม่ ผมคงจะไม่อ้อนวอนคุณขนาดนี้มั้ง? ถ้าผมฟังไม่ผิด ท่านยังบอกเองว่าตัวเองทำผิด…….

พริบตาเดียวพิงกี้ก็หัวโตแล้ว “เอ่อ….นั่นคงเป็น เพราะก่อนหน้านั้นฉันถูกคุณขังไว้ที่บ้าน จากนั้นท่านก็ พาฉันออกไป ทำให้ความสัมพันธ์ของเรายิ่งเลวร้ายลง เรื่องนั้นมั้งคะ 55……. …ที่จริงเราเพิ่งคุยกันได้ไม่นานเอง คุณก็แทรกแล้ว ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าแม่ของคุณพูดเรื่อง ไหนกันแน่”

เพื่อไม่ให้เควินเห็นความอึดอัดบนใบหน้าของตัว เอง พิงกี้มุดไปที่อ้อมอกของเขา

เธอยังเป็นฝ่ายเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจูบเขา

พยายามจะใช้กลหญิงงามเพื่อหลอกลวงให้มันผ่านๆไป
เควินยื่นมือปิดปากเธอเอาไว้ มองเธออย่างจน ปัญญา “คุณทำตัวซื่อสัตย์หน่อย นี่ผมกำลังพูดคุย เรื่องจริงจังกับคุณอยู่นะ!”

“อื้อออ……..” ถูกปิดปากไว้ พิงกี้พูดไม่ได้

“เรื่องมันเรียบง่ายขนาดนี้จริงๆเหรอ?”

“อื้อออ……..

เควินคลายมือออก

“จริงค่ะ!” พิงกี้พยักหน้า

“แล้ว.

เควินที่ยังสงสัยอยู่อยากถามอะไรต่อ แต่เพิ่งจะ พูดออกมาคำเดียว ก็ถูกพิงกี้อุดปากไว้แล้ว

เพื่อหลอกหลวงให้ผ่านด่านนี้ไป พิงกี้ก็ถือได้ว่าทุ่ม

สุดตัวแล้ว

จูบเขาอย่างเดียวไม่พอ แถมมือยังเริ่มจับนุ่นล่วงนี้

อย่างทะลึ่งด้วย

เดิมทีเควินก็ควบคุมตัวเองไว้ตลอดอยู่แล้ว เวลา ที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวในยามดึกก็มีไม่เยอะ เวลาที่สนุกอย่างเต็มที่ๆสุดก็ยิ่งมีน้อย ตอนนี้พิงกี้เป็นฝ่ายรุกก่อน พริบตาเดียวสติของเขาก็ละลายเป็นเถ้าถ่านปลิวไป หมดแล้ว

“คุณอยากเอาแล้วหรอ?” เขาถามด้วยเสียงแหบ

พิงกี้ “ >>

น้ำตาคลอเบ้า เธอพยักหน้าอย่างปากไม่ตรงกับใจ

วินาทีต่อมา พิงกี้ถูกเควินอุ้มขึ้นมา ผู้ชายก้าวเท้า ยาวหลายก้าวโยนเธอลงบนเตียง ในชั่วขณะก็แปลง ร่างเป็นหมาป่าที่หิวโหย

พิงกี้ “ ……….

น้ำตาแทบไหล เธอรู้สึกเธอช่างจิตใจดีงามซะ

จริงๆ!

หทัยรัตน์รออยู่ที่ชั้นล่าง รอจนอกสั่นขวัญแขวน

แต่ว่า เธอก็ไม่อยากจากไป

กว่าจะมาถึงก้าวนี้ไม่ใช่ง่ายๆ เธอกลัวตัวเองถอย ปุ๊บ ต่อไปก็ยากที่จะทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว ถึงเธอไม่อยากยอมรับ แต่เธอเองก็รู้ว่าตัวเองมีนิสัยยังไง ยากที่จะก้ม หัวให้ใครง่ายๆ

ดีที่หลังจากรอมาอย่างทรมานสองชั่วโมง เธอก็รอ จนเห็นแสงสว่างแล้ว…………

เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้เพิ่งการอาบน้ำมา พิงกี้กับเค วินที่เปลี่ยนชุดใหม่ได้เดินลงมาพร้อมกัน หทัยรัตน์มอง ไปที่ใบหน้าของเควินไม่เจอพิรุธอะไร แต่ใบหน้าที่แดง ก๋ของพิงกี้ทำให้หทัยรัตน์อยากละเลยยังไงก็ละเลย ไม่ได้

สองคนนี้..

ในฐานะที่เป็นคนอาบน้ำร้อนมาก่อน ในใจของ หทัยรัตน์มีความสงสัย

เธอลุกขึ้นมาจากโซฟาอย่างเร่งรีบ

เควินเดินมา สายตาที่มองหทัยรัตน์ไม่ได้โกรธ เหมือนที่เธอจินตนาการเอาไว้ และไม่มีความเยือกเย็น เลยด้วยซ้ำ แต่กลับแฝงด้วยความรื่นรมย์ “นานๆที่คุณ แม่จะได้มา เดี๋ยวอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะครับ?”

“แต่คุณพ่อยังรออยู่ที่บ้าน แม่อยู่ที่นี่คงจะไม่ดี พิง กี้ หนูพิงกี้จะเห็นด้วยหรอ? อ๊า แม่ไม่ได้หมายความว่า หนูพิงกี้ไม่ต้อนรับแม่นะ คือ คือ…… ” หทัยรัตน์ไม่รู้แล้วว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่

“เมื่อกี้ผมโทรหาคุณพ่อแล้ว คุณพ่อบอกจะมา คั่วๆครับ”

“อ๋อ….โอเค….โอเค….”

นอกจากพยักหน้าแล้ว หทัยรัตน์ไม่รู้ว่าตัวเองยัง จะแสดงปฎิกิริยาอะไรออกมาได้อีก

นาทีนี้เธอก็เดาออกแล้วว่าพิงกี้คงจะไปพูดอะไร กับเควิน หรือไม่เธออาจจะไม่ได้พูดอะไรเลย ปิดบัง เรื่องนั้นไว้เป็นอย่างดี เควินถึงได้เผชิญหน้ากับแม่คนนี้ อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้ อีกอย่างกิริยาท่าทางยังดี ขนาดนี้ด้วย

ด้วยความที่ห้ามใจไม่ได้ หทัยรัตน์มองไปที่พิงกี้ อย่างซาบซึ้ง

พิงกี้รู้สึกถึงสายตาของเธอ ในใจค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็ยังพยักหน้าให้เธอด้วยรอยยิ้ม

ช่างมันเถอะ

เฮ้อ~ใครใช้ให้เธอเป็นเยาวชนที่ดีเด่นคนนึงล่ะ?

ได้รอยยิ้มที่เป็นการส่งสัญญาณของพิงกี้แล้วหทัยรัตน์ที่สติตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา นาทีนี้ได้ผ่อน คลายลง เพียงแต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยอยู่

เธอไม่เคยลองเข้าหากับพิงกี้อย่างปรองดองแบบนี้ มาก่อน

เห็นหทัยรัตน์ที่เป็นแบบนี้ ไหนๆก็ทำดีแล้ว งั้นก็ ทำดีจนถึงที่สุดเลยแล้วกัน หลังจากได้ยินน้องแอ๊ปเปิ้ล ที่อยู่ชั้นบนร้องไห้ พิงกี้ก็ได้ขึ้นไปชั้นบนและล้วงน้อง แอ๊ปเปิ้ลที่เพิ่งนอนตื่นออกมาจากผ้าห่ม หลังจาก เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขาเสร็จ ก็อุ้มเขาลงมาชั้นล่าง และ เอาเจ้าก้อนแป้งขาวนี้ให้หทัยรัตน์อุ้มโดยตรง

มีของมงคลสิ่งนี้อยู่ในมือ ร่างกายที่แข็งทื่อของ หทัยรัตน์ก็ได้ผ่อนคลายลง เธอหอมแก้มของน้อง แอ๊เปิ้ลไปสองที ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกตอนนั้นตัวเองโดนของ แปลกประหลาดอะไรสิงร่างหรือเปล่า ไม่งั้นทำไมถึงได้ ทำเรื่องที่น่ากลัวขนาดนั้นออกมาได้?

ใบหน้าเธอค่อยๆมีรอยยิ้มที่จริงใจออกมา แววตา เต็มไปด้วยความสุข

เควินหามุมที่ไม่มีคนและกุมมือของพิงกี้ไว้ “ที่รัก ขอบคุณๆมากครับ”

พิงกี้ชายตามองเขาทีนึง “ถ้าคุณอยากขอบคุณ ฉันจริงๆ งั้นก็ไปนอนที่ห้องอ่านหนังสือสักเดือนนึงทรมานฉันให้น้อยๆหน่อย ดีมั้ยคะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ