คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่496: นายกำลังเสนอตัวเองอยู่หรอ?



บทที่496: นายกำลังเสนอตัวเองอยู่หรอ?

เธอจะไม่มีทางตัดใจไม่ได้อีกแล้ว

จะไม่ทานข้าวไม่ลง นอนไม่หลับเพราะเขาอีกแล้ว

เธอจะไม่มีอารมณ์หวั่นไหวเพราะคนแปลกหน้าอีก ต่อไป ส่วนความสุขของเธอ ก็อยู่ในมือของเธอเอง

ตั้งแต่นี้ไป ดุสิตสำหรับเธอ เป็นแค่ชื่อของคนๆหนึ่ง เท่านั้น

ใช่ บนโลกใบนี้มีผู้ชายต่ำช้าที่ชินกับการใช้ความ รุนแรงมาปราบผู้หญิงเสมอ ส่วนหลังจากผู้หญิงถูก ทำร้าย ยังต้องมาทนรับสายตาที่แปลกประหลาดและ การนินทาที่ไม่หยุดหย่อนของสังคมอีก แม้กระทั่งญาติ พี่น้องก็อาจจะรับไม่ได้ อย่าพูดถึงคนรักและเพื่อนเลย แม้แต่ญาติยังอาจจะเป็นที่มาของการทำร้ายเลย

แต่ว่า ถึงแบบนี้แล้วจะทำไม?

ที่ผ่านมาเธอไม่ใช่คนอ่อนแอ และไม่ต้องการให้ คนอื่นมาให้ทานถึงจะสามารถได้ครอบครองความสุข

เธอจะอยู่อย่างมีความสุข ให้เขารู้ว่าเขาไม่ใช่ ผู้ชายที่แน่มาจากไหน!
เดินออกมาจากห้องเยี่ยมนักโทษ น้ำหวาน เห็นพายุที่พิงอยู่ที่ผนังของฝั่งตรงข้ามอย่างแปลก ประหลาด ดวงตาจ้องมองห้องเยี่ยมที่เธอเจอหน้ากับ ดุสิตไว้ ไม่รู้ว่าในสมองกำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าแววตา ค่อนข้างลังเลและสับสน

เห็นเธอเดินออกมา ดวงตาเขาเป็นประกาย “พูด คุยกันเป็นยังไงบ้างครับ? เหมือนผมได้ยินพวกคุณ ทะเลาะกันเลย พูดคุยกันไม่ถูกคอหรอครับ? ผมว่าแล้ว เขียว ดุสิตไอ้หมอนั่นต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน”

น้ำหวานส่ายหัว “อืม……เราไปกันเถอะ

“จัดไป คุณรอผมที่ด้านหน้าแป๊บหนึ่งนะ ผมไปขับ รถมา”

พายุไปก่อน น้ำหวานกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่เสร็จ ก็เดินออกไปที่ด้านหน้าของสถานกักกัน

ระหว่างทางกลับL.K.Crystalวิลล่า เห็นได้ชัดว่า บรรยากาศผ่อนคลายลงเยอะมาก

การแสดงออกที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ น้ำหวานได้ กลับมานั่งที่เบาะนั่งข้างคนขับอีกเหมือนเดิม

พายุเหลือบมองเธอเป็นพักๆ อยากดูแต่ก็ไม่กล้าดู เยอะ สีหน้าเหมือนอยากพูดแต่ก็หยุดเอาไว้
“นายมีอะไรจะพูดใช่หรือเปล่า?” น้ำหวานชายตา มองเขา “นายมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเลย อย่าทำ หน้าเหมือนตุ๊ดๆแต๋วๆได้มั้ย?”

(( ” พายุกลอกตาขาวทีหนึ่ง “ผมก็แค่อยาก ถามว่าอารมณ์คุณเป็นยังไงบ้าง ได้ยินเสียงที่คุณ ทะเลาะกับดุสิตดังมาก เป็นห่วงคุณไม่ได้หรือไง?”

น้ำหวานยิ้มพร้อมส่ายหัว “ยังถือว่าโอเคอยู่ ปล่อย วางเรื่องในใจได้แล้ว”

อาจจะเพราะถูกกระตุ้นจนถึงจุดต่ำสุด เธอกลับมี การเด้งกลับ

“คุณเลิกกับดุสิตแล้วจริงๆเหรอ?”

“ถ้าไม่เลิก จะเก็บเอาไว้ทำพ่อพันธ์หรือยังไง?”

“อ๋อ…..แล้ว แล้วคุณเคยคิดมั้ยว่าต่อไปจะหา แฟนใหม่?” พายุถามไปด้วย และยืดตัวตรงอย่างไม่รู้ ตัวไปด้วย “ผมคิดว่าต่อไปถ้าคุณหาแฟนต้องหาผู้ชาย ที่นิสัยดีหน่อย อย่าหาผู้ชายไอ้หน้าตัวเมียอย่างนั้น ดี ที่สุดหาลูกผู้ชายเลือดเหล็กตัวจริงอย่างพวกเราถึงจะดี ครับ”

น้ำหวานแปลกใจ “นี่นายกำลังเสนอตัวเองอยู่เหรอ?”
“แหะๆ” พายุเกาหัว “เห็นชัดมากเลยเหรอครับ?”

” น้ำหวานหัวเราะออกมาอย่าง กระทันหัน “ขอบใจนายมากนะ”

เธอเลื่อนกระจกรถลงมา ลมที่ร้อนผ่าวพัดพาเข้า มาจนผมเธอพริ้วไหวขึ้นมา ไม่นานก็เลื่อนกระจกรถขึ้น “เดิมทียังอยากพัดลมสักหน่อย แต่ก็รู้สึกร้อนเกินไป ควันดำของรถก็เยอะด้วย

เธออารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย แต่ไม่ได้คิดว่าพายุพูด จริง เธอนึกว่าเขากำลังล้อเล่นกับเธอ

พายุมองดูเธอครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

กลับมาถึงL.K.Crystalวิลล่า พิงกี้ได้รออยู่ที่ห้อง รับแขกของชั้นล่างแล้ว

“วันนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

“ทะเลาะเบาะแว้งกับดุสิตยกใหญ่เลย จากนั้น อารมณ์ก็ยังถือว่าโอเคอยู่ ไม่มีปมในใจแล้ว” น้ำ หวานอยากหัวเราะ และอยากถอนหายใจ ไม่รู้ว่ายังจะ สามารถพูดอะไรได้อีก เธอก็เลยพูดเรื่องของต้นข้าวซะ เลย “พิงกี้ ฉันอยากย้ายออกไปพักที่ข้างนอกแล้ว”
“ทําไมเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” พิงกี้ตกใจ

“เธอยังจำเด็กผู้หญิงที่เธอเคยเจอในหมู่บ้านBได้

มั้ย?”

“อืม ฉันจำได้ เธอหมายถึงต้นข้าวใช่มั้ย?

“ใช่” สีหน้าของน้ำหวานดูแย่ขึ้นมาทันที เธอได้ เล่ารายละเอียดให้พิงกี้ฟัง “ตอนนั้นฉันก็รู้แล้วว่าต้น ข้าวน่าสงสาร ตอนนี้เธอก็ได้มาเจอเรื่องน่าขยะแขยง แบบนั้นอีก ฉันอยาก….ฉันอยากรับเธอมา จากนั้นก็ส่ง เสียเธอเล่าเรียน

ถ้าเธอจะรับเลี้ยงต้นข้าว เธอก็อยู่ที่บ้านของพิงกี้

ไม่ได้แล้ว

ถึงแม้เธอรู้ว่าต้นข้าวดีทุกอย่าง แต่บนตัวของต้น ข้าวยังมีปัญญาอยู่อีกมาก

เติบโตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนั้น เป็น ขอทานตั้งแต่เด็กจนโต บนตัวของต้นข้าวที่หนามที่ แหลมคม มีการโจมตีอย่างมาก และยากที่จะเชื่อใจคน อื่น เธอกลัวต้นข้าวอยู่ที่นี่จะเกิดปัญหา

ถ้าหากทำร้ายโดนแอ๊ปเปิ้ลเจ้าซาลาเปาน้อย งั้นก็แย่แล้ว
ทางที่ดีที่สุดก็คือเธอไปจากที่นี่

“ฉันรู้แล้ว” พิงกี้พยักหน้า แต่กลับไม่เห็นด้วย “รับต้นข้าวมาแล้วดูสถานการณ์ก่อน ถ้าไม่โอเค แล้ว เราค่อยคิดหาวิธีใหม่ โอเคมั้ย?”

“อืมๆ ได้” น้ำหวานพยักหน้า

คลี่คลายปมในใจได้ เธอก็กลับมาเป็นน้ำหวานที่ ร่าเริงแจ่มใสคนเดิมอีกแล้ว

ตอนที่จะไปรับต้นข้าวมา พิงกี้ได้บอกกับเควินแล้ว

“ที่รักคะ ฉันรู้สึกเด็กคนนั้นน่าสงสารมากเลย ถึง เวลารับเธอมา ให้ป้ามะลิทำอาหารที่บำรุงร่างกายให้ เธอ ทานเยอะๆหน่อย รอให้เธอคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อม ของที่นี่ แล้วค่อยส่งเธอไปเรียน คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้าง คะ?”

“ได้” เควินพยักหน้า “คุณเป็นคุณผู้หญิงของที่ บ้าน เรื่องที่บ้านคุณจัดการเองก็พอแล้ว”

พูดตามตรง เควินเป็นคนที่ชอบความสงบ ไม่ชอบ ความคึกคัก เขาไม่ค่อยชอบที่ในบ้านมีคนนอก แต่เขา จะไม่คัดค้านการตัดสินใจของพิงกี้เพราะเหตุนี้
เหมือนที่ขาพูด พิงกี้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลัง นี้ เขายอมใจกว้างอย่างไร้เงื่อนไขกับการตัดสินใจของ เธอ

“ที่รัก คุณดีที่สุดเลยค่ะ”

พิงกี้ยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบาน โน้มตัวจูบเควินที่นั่ง ทำงานอยู่ฟอดหนึ่ง

พอถูกจูบปุ๊บ เควินก็ย่อมไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆอยู่

ทั้งคู่นัวเนียร่วมรักอยู่ในห้องอ่านหนังสือไปรอบ

แล้ว

หนึ่ง

ท่านประธานที่ได้กินอิ่มก็อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย ประสิทธิภาพในการทำงานก็รวดเร็วทันใจมาก

หลังจากเควินสั่งการลงไป วันที่สองต้นข้าวก็ถูก ส่งมาที่วิลล่าNo.1 แต่ว่าหลังจากต้นข้าวมาอยู่ได้ไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง ก็ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลด้วยความเร่งรีบ

เด็กน้อยคนนี้ช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว

พิงกี้กับต้นข้าวไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เดิมทีไม่มี ความรู้สึกอะไรกับต้นข้าว แต่ตอนที่เห็นหน้าตาที่น่า สงสารและซูบผอมของต้นข้าว เธอก็ยังถูกกระตุ้นจนเบ้าตาแดงก่ำอยู่ดี

ยังไม่พูดถึงแผลในจิตใจ แผลที่ฉีกขาดบนตัวเธอก็ ยังไม่หายดีเลย!

แค่เด็กอายุห้าหกขวบ ไอ้สัตว์เดียรัจฉานนั่นก็ ทําได้ลงคอ!

พิงกี้เป็นคนส่งต้นข้าวไปที่โรงพยาบาลเอง มอง ดูเด็กน้อยพึ่งพาอาศัยแค่น้ำหวานคนเดียว แต่มีการ ป้องกันตัวกับคนอื่น พิงกี้รู้สึกทรมานใจมาก

น้ำหวานจะเฝ้าต้นข้าวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนที่ส่ง พิงกี้ออกจากโรงพยาบาล เธอเปิดปากพูดแล้ว “พิงกี้ ฉันคิดๆแล้ว หลังจากต้นข้าวออกจากโรงพยาบาล ฉัน ย้ายออกไปพักที่ข้างนอกดีกว่า ฉันอยู่กับต้นข้าวสอง คน ความรู้สึกปลอดภัยที่อยู่ในใจของเธออาจจะมาก ขึ้นก็ได้ เธอช่วยฉันหาห้องหน่อยนะ จะหนึ่งห้องนอน หรือสองห้องนอนก็ได้ ถ้าเธอมีคอนโดให้ฉันพักยิ่งดี เลย แต่ว่าฉันก็จะจ่ายค่าเช่าเธออยู่นะ ฉันจะพึ่งพาเธอ ตลอดชีวิตก็คงจะไม่ได้”

จากนั้น เธอยังจะพาต้นข้าวไปพบจิตแพทย์ด้วย

เรื่องที่ต้องทำมีเยอะมาก

พิงกี้ไม่ได้คัดค้าน ที่จริง ตอนที่เห็นต้นข้าวเธอก็คาดเดาการตัดสินใจของน้ำหวานได้แล้ว

น้ำหวานย้ายออกไปจากวิลล่า พิงกี้รู้สึกไม่ค่อย

ชิน

ก่อนหน้านี้เธอจะพูดคุยเป็นเพื่อนน้ำหวานทุกวัน แต่ตอนนี้พอน้ำหวานจากไปปุ๊บ เธอก็รู้สึกเหงาขึ้นมา เลย ถึงเจ้าซาลาเปาน้อยกำลังอยู่ในช่วงที่หัดพูด แต่ เธอฟังภาษาต่างดาวของเขาไม่ออกจริงๆ เป็นเพื่อนพูด คุยกับเธอไม่ได้

แน่นอน ที่ประหลาดใจเหมือนกับพิงกี้คือคนข้าง

บ้าน

เตชิตที่ชอบมาทานข้าวฟรี ได้กวาดสายตามองดู รอบๆ พอไม่เห็นร่างเงาที่คุ้นเคย เขาจิ้มแขนของพิงกี้ ด้วยความแปลกใจ “ฮัสกี้บ้านคุณล่ะ?”

พิงกี้เบิกตาโต “ฮัสกี้? บ้านฉันเลี้ยงหมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ