คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่250: หนาวเข้ากระดูกดำ!



บทที่250: หนาวเข้ากระดูกดำ!

“ใช่ค่ะ เธอก็คือคนที่ไม่เอาไหนที่สุดในบ้าน สู้ลิสา ไม่ได้เลยสักนิด คุณหญิงไม่ต้องไปสนใจเธอหรอกค่ะ ถ้า เธอรกหูรกตาคุณหญิง เดี๋ยวกลับไปฉันจะรีบไปสั่งสอน เธอเลยค่ะ!”

คิดไม่ถึงว่าหทัยรัตน์จะพูดถึงพิงกี้ มาลาตีไม่พอใจ เป็นอย่างมาก เธอได้จ้องพิงกี้ด้วยสายตารังเกียจ

ตอนที่พิงกี้กลับมาถึงที่ตระกูลดำรงกูล ตอนแรกเธอ ยังมีใจที่อยากจะชดเชยให้พิงกี้ แต่พิงกี้กลับทำตัวเหลว ไหลเกินไปจนเธอรับไม่ได้

เธออยู่ในแวดวงไฮโซต่างก็ถูกคนอื่นประจบประแจง คนอื่นอิจฉาเธอมีสามีที่ดี มีลูกสาวที่งดงามและเฉลียว ฉลาด ที่ผ่านมาเธอก็รู้สึกภูมิใจมาก

แต่ว่า จู่ๆมีอยู่มาวันนึง มีคนบอกว่าลูกสาวที่เชื่อฟัง ของเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของเธอ ลูกสาวแท้ๆของเธอคือ คนที่ถูกเลี้ยงอยู่ในถิ่นทุรกันดารตั้งแต่เด็ก แถมยังเป็นเด็ก น่าสงสารที่เกือบถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนด้วย ทันใดนั้นเธอรู้สึก เหมือนท้องฟ้าหมุนแผ่นดินพลิกไปเลย

เธอรู้สึกทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอ

พิงกี้ที่อายุสิบกว่าปีทั้งผอมทั้งเตี้ย ดูเหมือนเด็กขาดสารอาหาร ผมก็แห้งฟูเหมือนฟางข้าว ดูแล้วเหมือนผู้ลี้ภัย ในแอฟริกาเลย

แต่พิงกี้ที่แย่ขนาดนี้ยังไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว วันๆ เอาแต่ตามราวีเควิน ทําตัวผีบ้าผีบอจนกลายเป็นตัวตลก ของเมืองหลวง ทำให้เธอรู้สึกขายหน้ามาก

รังเกียจที่จะพาพิงกี้ที่เป็นเด็กบ้านนอกและขี้ขลาด ออกจากบ้านเพราะกลัวขายหน้า เธอจึงแทบจะไม่พาพิง ก็ออกงานใดๆเลย แม้แต่ตอนนี้ได้ยินหทัยรัตน์พูดถึงพิงกี้ เธอก็ยังรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

เธอแทบอยากจะเอาพิงกี้ที่ทำให้ขายหน้าไปซ่อนให้ ลับหลับตาคน ก็ไม่รู้ทำไมลิสาต้องเชิญเธอมาในงานด้วย

แต่ว่า ถึงไม่เข้าใจความคิดของลิสา แต่วันนี้เป็นงาน หมั้นของลิสา เธอไม่อยากให้อคติที่หทัยรัตน์มีต่อพิงกี้ ทำให้งานหมั้นพังทลายลง เธอกลัวลิสาจะเสียใจ

ความคิดเปลี่ยนไวเหมือนกระแสไฟ ไม่อยากเอา ประเด็นมาอยู่ที่บนตัวของพิงกี้ มาลาคีรีบเปลี่ยนประเด็น ไม่รอให้หทัยรัตน์ได้เปิดปากพูดเธอก็ยิ้มและพูดว่า “ครั้ง ก่อนลิสบอกกับดิฉันว่าคุณหญิงมีหยกชั้นเลิศเส้นนึง วัน นี้พอดิฉันได้เห็น ก็ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาเลยจริงๆค่ะ
หทัยรัตน์ยักคิ้วเล็กน้อย นิ้วมือไปสัมผัสไปที่สร้อยคอ แววตาเต็มไปด้วยความได้ใจ

“สร้อยเส้นนี้คงจะหลายสิบล้านเลยใช่มั้ยคะ?” ลิสา เปิดปากพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “สร้อยหยกที่สวยขนาดนี้ ก็มีแต่คุณป้าเท่านั้นค่ะที่คู่ควร ถ้าเป็นคนอื่นคงจะถูกสร้อย ทำให้ดรอปลงไปแล้วค่ะ”

“นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่เควินซื้อให้ฉันค่ะ ฉันบอก เขาว่าไม่ต้องสิ้นเปลืองแล้ว แต่ลูกคนนี้ก็เป็นเด็กกตัญญู แบบนี้แหละ ฉันก็จนปัญญากับเขาจริงๆ ” หทัยรัตน์ดูแล้ว เหมือนจนปัญญา ที่จริงใครๆก็ดูออกว่าเธอได้ใจมาก

มาลาตีกับลิสายกยอหทัยรัตน์กันยกใหญ่ แต่พิงกี้ไม่ เอาด้วยหรอก

พอมาลา กับลิสาประจบประแจงเสร็จ หทัยรัตน์ก็ได้ หันมามองพิงกี้อีกครั้งแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านั้นเคยเห็น คุณครั้งนึง แต่ตอนนั้นไม่มีอารมณ์มาสังเกตุอย่างละเอียด แค่อยากรีบส่งคุณไป ยังนึกว่าคุณจะหน้าตาสะสวยขนาด ไหนเชียว ตอนนี้พอมาดูที่สว่างก็งั้นๆแหละ

พิงกี้ ” .…..…….”

มองดูมาลาตีและลิสา พบว่าสองคนนี้ต่างก็อึ้ง สีหน้าแววตามีความสับสนและยุ่งเหยิง ชัดเจนว่าไม่กล้าออกมา แก้ไขสถานการณ์

ทันใดนั้นเธอก็รู้เลยว่าพึ่งสองคนนี้ไม่ได้ เธอได้แต่

พึ่งตัวเอง

“ฉันก็เป็นคนธรรมดาตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ” พิงกี้พูด อย่างไม่ต่ำต้อยและไม่สูงส่ง

หทัยรัตน์คิ้วคว่ำลงมาทันที และพูดอย่างไม่ใย ดี “คุณธรรมดา? ถ้าคุณไม่มีความสามารถพอล่ะก็ จะ สามารถทำให้ลูกชายฉันหลงหัวปักหัวป่าจนไม่กลับบ้าน วันๆคอยตัวติดกับมารจิ้งจอกอย่างคุณเหรอ?”

คำพูดนี้พูดออกมาปุ๊บ สถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นมา

แล้ว

นี่เป็นงานหมั้นของลิสากับเควิน ถึงจะเป็นแค่งาน หมั้นเสริมที่จัดขึ้นระหว่างสองครอบครัว แต่ก็ถือว่าเป็น งานหมั้นไม่ใช่หรอ? ประเด็นนี้เป็นประเด็นต้องห้ามชัดๆ

พิงกี้หลุบตาลง

สถานการณ์แบบนี้ เธอไม่พูด ก็ต้องมีคนออกหน้าขัด ขวางอยู่แล้ว
เธอไม่ใช่ว่าตอบโต้ไม่เป็น แต่เธอไม่อยากให้ตัวเอง ดูแย่ไปกว่านี้

จริงๆซะด้วย……

“เอาล่ะ!” เสียงที่เคร่งขรึมของสุรพลได้ดังขึ้น “ดู คุณพูดซิ เป็นคำพูดที่อาวุโสควรพูดหรอ?”

“ฉันไม่เหมือนอาวุโสตรงไหน?”

“ลิสาว่าคุณป้าไม่เหมือนอาวุโสจริงๆค่ะ……” ลิสา พูดต่อด้วยรอยยิ้ม “คุณป้าดูแลตัวเองดีขนาดนี้ เดินออก ไปข้างนอกคนอื่นต่างก็บอกว่าเราเป็นพี่น้องกัน ดูแล้วจะ เป็นอาวุโสได้ยังไงคะ?

หทัยรัตน์ “

พยายามจะรักษาสีหน้าโกรธไว้ แต่สุดท้ายก็อดขำไม่

ได้

“หนูลิสานนำ!” เธอยิ้มและแตะที่หน้าผากของลิสา “หนูนี่ฉลาดเป็นกรดเลยนะ ป้าว่าหนูก็ไม่ใช่เด็กชื่ออะไร หรอก แต่ว่า หนูเอาใจใส่กว่าคนอื่นเยอะเลย ดีกว่าคนอื่น ไม่รู้ตั้งกี่เท่า!”
พูดจบ หางตาก็มองมาที่พิงกี้ เหมือนกลัวว่าคนอื่นจะ ไม่รู้ว่าเธอกำลังหมายถึงพิงกี้

“งั้น ต่อไปคุณป้าต้องเอ็นดูลิสาเยอะๆนะคะ” ลิสา รีบออดอ้อน

“อืม” หทัยรัตน์ยกน้ำชาขึ้นแล้วจิบเบาๆคำนึง

หทัยรัตน์ที่ถูกกล่อมเสร็จไม่ได้หาเรื่องพิงกี้ต่อ พูด คุยกับมาลาและลิสาด้วยความสง่า เย่อหยิ่ง และความ สูงส่ง พูดคุยกันอย่างมีความสุข มีท่าทีเหมือนเกลียดที่ได้ เจอกันช้าไป

พิงกี้นั่งกินอาหารอย่างเงียบๆต่อ เธอไม่รู้ว่าพริบตา ที่เธอหลุบตาลงเควินมองมาที่เธอ ในแววตาเต็มไปด้วย ความเป็นห่วง

“อ๊าย!”

ระหว่างทานข้าวอยู่ดีๆ ตอนที่ยายยายสมศรีหมุนโต๊ะ โดยไม่ระวัง ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ทำน้ำชาที่วางอยู่ตรง หน้าของพิงกี้หก

“นี่จะทำยังไงดี?! ต้องโทษยายที่ไม่ระวังเอง ถึงได้ ทำน้ำหกใส่หนู!” ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของยายสมศรีเต็มไปมาเช็ดให้เธอ

น้ำชาทั้งแก้วไหลลงมาจากบนโต๊ะ แทบจะหกใส่ บนตัวของพิงกี้หมด เช็ดยังไงก็ไม่สะอาด เช็ดไปก็เปล่า ประโยชน์

ดีที่น้ำชาไม่ร้อนแล้ว แต่แค่เสื้อผ้าทั้งชุดนี้เปื้อนน้ำชา

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไปทำความสะอาดหน่อยก็โอเค แล้วค่ะ” พิงกี้ไม่โกรธเพราะเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งใจแข็ง ทนเห็นสีหน้าที่รู้สึกผิดจนต้อยต่ำของยายสมศรีไม่ได้

ปลอบยายไปสองคำ เธอลุกขึ้นท่ามกลางสายตาที่ จ้องมองเธอด้วยความแปลกประหลาด ผลักประตูแล้วไป หาห้องน้ำ

ทำความสะอาดเสร็จพอสมควรแล้ว พิงกี้กำลังอยาก เข้าห้องน้ำพอดี เลยเดินไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่ปิดประตู ห้องน้ำ เธอก็ได้รับสายจากเตชิต

“ตอนนี้คุณอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เกิดเรื่อง อะไรใช่ไหม? ” ถามคำถามมารัวๆ นิสัยของเตชิตไม่ใช่แค่ใจร้อนธรรมดา แต่ใจร้อนมาก “ใช่แล้ว ตอนนี้น้ำหวาน ไม่เป็นไรแล้วนะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเธอรู้มั้ย? เป็นห่วงตัว เองให้มากๆหน่อย อย่าให้ผมต้องคอยกังวล

“ฉันไม่ได้เกิดเรื่องอะไรค่ะ” พิงกี้รู้สึกอบอุ่นใจและ รู้สึกตลกด้วย เธอถามว่าใช่แล้ว ตอนนี้คุณมาหาฉันได้ มั้ยคะ?”

“ได้อยู่แล้ว! ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าประตูของภัตตาคาร มังกรหยกแล้ว คุณแจ้งห้องให้ผมเลยว่าอยู่ห้องไหน

“ฉันอยู่ชั้นบนสุดค่ะ คุณขึ้นมาก็เจอเลยค่ะ”

“โอเค ผมจะรีบมาตอนนี้เลย”

“อืม….ฉันอยู่ที่ห้องน้ำ เดี๋ยวไปรวมตัวกับคุณที่หน้า ห้องนะคะ”

“จากนั้นคุณก็ไปกับผม?” คำพูดของเตชิตเต็มไป ด้วยความเซอร์ไพรส์ “ไม่ได้เจอคุณนานมากแล้ว วันนี้ไป เดินเล่นเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ?”

“……” พิงกี้คิดๆแล้ว “ก็ได้ค่ะ”

เธอแทบจะจินตนาการได้ว่าเตชิตดีใจและได้ใจขนาดไหน

ต้องประกาศให้รู้กันไปทั่วแน่นอน ในขณะเดียวกันก็ ร่าเริงจนทําให้คนละสายตาไม่ได้

มันก็ใช่ เธอจะหลอกใช้คนอื่นข้ามแม่น้ำเสร็จแล้วรื้อ สะพานไม่ได้ กลางคืนมีเวลาว่างอยู่ เธออยากดูหนังเรื่อง นึงพอดีเลย พาคุณชายเตชิตท่านนี้ไปดูด้วยกันดีกว่า

ออกมาจากห้องน้ำ พิงกี้กำลังล้างมืออยู่ จู่ๆรู้สึกข้าง หลังมีคนกำลังเข้าใกล้เธออย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง

เธอสังเกตุเห็นแล้วหันหลังมา กลับเห็นยายสมศรี ยืนอยู่ข้างหลังเธอ มือทั้งสองยังรักษาท่าทางที่ยื่นมาตรง หน้า ค่อนข้างแปลกประหลาดมาก

เธอมองท่านด้วยความแปลกใจ “ยายสมศรี

“ยาย…….ยายอยากมาดูเสื้อผ้าของหนูว่าเปื้อน เยอะมั้ย?” สีหน้าของยายสมศรีลุกลี้ลุกลน

“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ” พิงกี้มองดูเสื้อผ้า เธอก็ไม่ได้ให้ ความสำคัญกับมันมาก “เดี๋ยวกลับไปซักสักหน่อยก็โอเค แล้วค่ะ”
“เสื้อผ้าชุดนี้น่าจะแพงมากเลยใช่มั้ย?

“ไม่แพงค่ะ หนูไม่ได้ความสำคัญกับแบ รนด์เนม…..” พิงกี้ยิ้มมุมปาก ในใจคิดแต่อยากไปรวมตัว กับเตชิต พอพูดเป็นพิธีเสร็จก็เดินออกไปด้านนอก “ให้ หนูรอมั้ยคะ? ถ้าไม่ต้องล่ะก็ งั้นหนูขอ……..

พิงกี้ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆด้านหลังก็มีแรงใหญ่ผลักเธอ

ไปตรงหน้า

“อ๊า!”

พิงกี้ร้องออกมาเสียงนึง และล้มลงไปข้างหน้าด้วย สีหน้าซีดเซียว

ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือว่าบังเอิญ ข้างขาเธอมีคราบน้ำเป็น พื้นที่กว้าง เธอใส่รองเท้าที่กันลื่น แต่ขาก็ได้ลื่นล้มลงไป ที่คราบน้ำอยู่ดี

คนทั้งคนล้มลงไปที่พื้นอย่างแรง เธอใช้มือทั้งสอง ยันพื้นไว้ ล้มจนขาพลิกและปวดกระดูกขึ้นมา

ที่เอาชีวิตที่สุดคือ ท้องของเธอเริ่มปวดขึ้นมา รู้สึก เหมือน……..
ลูก!

เธอจะเสียลูกไปไม่ได้เด็ดขาด!

พิงกี้ตื่นตระหนกอย่างแรง พริบตาเดียวก็ตะลึงพรึง เพริดไปหมด

เธอกุมท้องไว้แล้วมองไปด้านหลัง ยายสมศรีหน้า ซีดยืนอยู่ที่เดิม แววตาที่มองเธอเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ และความหวาดกลัว พูดจาสะเปะสะปะ “ไม่ใช่ยาย ยาย

ไม่ได้ทํา…..ยายไม่ได้ตั้งใจ พิงกี้ ยายไม่ได้ตั้งใจ จริงๆ……”

หน้าผากของพิงกี้มีเหงื่อซึมออกมาอย่างไม่หยุด เธอ เจ็บจนพูดไม่ออกแล้ว

“กระเป๋า…..” ตอนนี้เธอไม่อยากค้นหาความจริง ไม่ความจริงอะไร ในเวลานี้ความจริงไม่ได้สำคัญเท่าลูก ในท้องหรอก เธอแค่อยากให้ยายสมศรีหยิบกระเป๋าที่ตก อยู่หน้าประตูกลับมาให้เธอ หรือว่าช่วยเธอโทรหาเบอร์ ฉุกเฉินโดยตรง

แค่นี้ก็โอเคแล้ว!
แต่ว่า ไม่มี…….

ความหวังนี้ก็ได้พังทลายลง

“ยายไม่ได้ทำจริงๆ ไม่ใช่ยาย! ยายสมศรียืนอยู่กับ ที่ด้วยความตื่นตระหนกไปหลายวิจู่ๆก็ได้ก้าวเท้าออกไป อย่างไว และทิ้งพิงกี้ที่เจ็บจนพูดไม่ออกไว้ในห้องน้ำคน เดียว เหมือนกับว่าเธอเป็นน้ำป่าหรือสัตว์ดุร้ายอย่างไร อย่างนั้น

“กลับ กลับมา…..

“มีคนมั้ย? มา…..มาช่วยฉันหน่อย……

ความเจ็บปวดมาเยือน เสียงของพิงกี้เบามากจนยาก ที่จะมีคนได้ยิน

เธอกัดริมฝีปากไว้แน่น แม้แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อยากให้มันแล้วไปแบบนี้ ดื้อด้านบังคับให้ตัวเอง อดทนไว้ อย่าทิ้งความหวังแม้แต่เสี้ยวเดียว

เธอจะยอมแพ้ไม่ได้!

เตชิตถึงที่นี่แล้ว เธอแค่โทรหาเขาก็โอเคแล้ว
อดทนไว้และคืบคลานอยู่บนพื้น เธอยื่นมือไปหยิบ กระเป๋าที่ตกอยู่ข้างประตูทีละนิดๆ ขอแค่เอามือถือได้ เธอก็วามารถโทรศัพท์ได้แล้ว เธอทำได้ เธอต้องทำได้ แน่นอน…..

แต่แล้ว ระยะห่างแค่ไม่กี่เมตร ตอนนี้กลับรู้สึกไกล และยากลำบากมาก

ในขณะนี้ ที่เอาชีวิตยิ่งกว่าคือ เธอรู้สึกมีของอุ่นๆไหล ออกมาจากร่างกายเธออย่างควบคุมไม่ได้ ร่างกายของพิง กี้แข็งทื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความหวาด กลัว น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที..……….

ไม่ทันแล้วหรอ?

หรือว่า เธอจะต้องเสียลูกคนนี้ไปจริงๆใช่มั้ย?

ถึงแม้ตัวเองเคยคิดที่จะไม่เอาเด็กคนนี้ แต่ว่ามันก็ เป็นแค่ความคิดชั่ววูบเฉยๆ หนึ่งเดือนกว่ามานี้ เธอชินที่ จะพูดกับลูกก่อนนอนทุกคืน และชินกับตอนที่ไปตรวจ ครรภ์ที่โรงพยาบาลแล้วเห็นลูกในท้องผ่านการอัลตร้า ซาวด์……

แต่ว่า เธอจะปกป้องลูกไว้ได้มั้ย?
น้ำตาไหลพรากลงมาไม่หยุด ร่างกายของพิงกี้ อ่อนยวบยาบอยู่บนพื้น พื้นที่เย็นเฉียบราวกับว่าสามารถ ดูดความอบอุ่นของร่างกายเธอไป ทำให้เธอรู้สึกหนาว เหมือนแช่อยู่ในน้ำเย็น

หนาวเข้ากระดูกดำ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ