คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่361:ร้องไห้ฟูมฟาย



บทที่361:ร้องไห้ฟูมฟาย

มีเควินออกหน้าเอง ตั้งแต่เข้ามาในโรงพักจนถึง จากไป ใช้เวลาทั้งหมดแค่สี่สิบนาที

ปัญหาที่สร้างความลำบากให้กับคนอื่นมาหลาย ชั่วโมงก็ยังแก้ไขไม่ได้ แต่มาถึงมือเควินราวกับว่าง่าย เหมือนมือหยิบไปเรื่อยเปื่อยตามใจชอบ ไม่เปลืองแรง เลยสักนิดก็แก้ไขปัญหาได้แล้ว

นี่เรียกว่าอะไร?

นี่เรียกว่าเจ๋งสุดๆไปเลย!

พิงกี้ถึงกับทึ่งไปเลย แววตาที่มองเควินอยู่เหมือน มีดวงดาวเปล่งประกายอยู่

“มองผมทำไม ตาก็ไม่กระพริบเลย?” เควินก้ม หน้า สบตากับสายตาที่ปลื้มปริ่มของใครบางคน ถึงปาก จะถามแบบนี้ แต่ในใจแอบได้ใจอย่างห้ามไม่ได้

เพียงแต่ใบหน้าก็ยังเรียบเฉยอีกเช่นเคย ดูอะไรไม่ ออก มีเพียงแต่มุมปากยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเฉยๆ

“ฉัน……คือฝุ่นเข้าตาอ่ะค่ะ”

“หืม?”

“แน่นอน ที่รักของฉันเก่งมากอยู่แล้ว!”
“ประจบสบพลอ!” รอยยิ้มที่อยู่ในแววตาของเค วินกลับยิ่งอยู่ยิ่งเห็นได้ชัด

“เอ่อ~ใช่สิ คนที่คุณเรียกคือใครคะ ใช่เจษฎาหรือ เปล่า?” พิงกี้ถามอีก

คนที่ฝีมือเก่งกว่าเควิน รู้สึกว่านอกจากเจษฎาแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว

คิดๆแล้ว ก็ไม่ได้เจอเจษฎามานานมากแล้ว

“ก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้เจษฎาเป็นยังไงบ้าง เมื่อไหร่เราจะ นัดพบปะสังสรรค์ดีคะ? ไม่ได้เจอหน้ามาตั้งนาน ว่าไป แล้วก็คิดถึงเขาเหมือนกันนะเนี่ย” พิงกี้ถอดถอนใจเล็ก น้อย “ตอนนี้ทุกคนต่างก็ยุ่งมาก ถึงแม้ต่างก็อยู่เมือง หลวง แต่แทบจะได้เจอหน้ากันน้อยครั้งมากจริงๆ

(( มาก ไม่มีเวลา” ” เควินสีหน้าบึ้งตึง “ช่วงนี้นายเจษฎายุ่ง

“ห้า? คุณยังไม่ได้ถามเลย รู้ได้ยังไงคะ?

เควิน “

เขารู้อยู่แล้ว

ถึงนายเจษฎาจะว่าง เขาก็จะทำให้เขาไม่ว่างเอง!
สุดท้าย พิงกี้ก็ถามไม่ได้ความอะไร

ถูกเควินเปลี่ยนประเด็น สมาธิของเธอก็ย้ายมาอยู่ ที่บนตัวของลิสา

ถึงแม้หลังจากลิสาวางเพลิงแล้วแอบหนีไป แต่ ดูจากร่องรอยต่างๆ สิ่งที่เธอทำทุกอย่างน่าจะไม่ ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า ดังนั้นทางหนีทีไล่ของเธอ น่าจะจัดเตรียมได้ไม่เหมาะสมและเชื่อถือได้ขนาด

พอเป็นแบบนี้ปุ๊บ พวกเขาก็มีโอกาศสูงที่จะจับลิสา

ได้แล้ว!

“ต่อจากนี้เราจะทำยังไงคะ?” พิงกี้ถามด้วยความ แปลกใจ “คุณเควิน คุณพูดสิ เราจะจับตัวเธอได้จริงๆ เหรอ? ถึงแม้ลิสาไม่ได้จัดเตียมทางหนีทีไล่ของตัวเอง ไว้ล่วงหน้า แต่คนขององค์กรSCคงต้องช่วยเธอแน่นอน ใช่มั้ย?”

“เตรียมพร้อมรับมือกับการขยายจับกุมก่อน ใน ขณะที่จับกุมก็วิเคราะห์บันทึกกล้องวงจรปิดด้วย การ จัดเตรียมทุกอย่างดำเนินการไปพร้อมๆกัน ถ้าทุกอย่าง ราบรื่นล่ะก็ มีความเป็นไปได้80%ที่จะสามารถจับเธอ มามาดำเนินคดีได้ ตอนนี้บนตัวของลิสายังมีแผลอยู่ นี่ ก็เป็นปัจจัยบวกเหมือนกัน”
“ค่ะ!” พิงกี้พยักหน้าอย่างจริงจัง

เธออดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นลิสาได้รับผลกรรมที่ ตัวเองก่อเอาไว้!

ลิสานี่สูญสิ้นศีลธรรมไปแล้วจริงๆ

ทำร้ายคนสองคนตายอย่างไม่รู้สึกมีภาระทาง ใจไม่ว่า แม้แต่มาลาตีที่เลี้ยงดูตัวเองมายี่สิบกว่าปี ก็ยังลงมือได้ แถมยังกวาดทรัพย์สินส่วนใหญ่ไป ด้วย……….เหอะ ไม่ใช่โฉดชั่วเสมือนหมาป่าแค่ธรรม ดาจริงๆ แม้แต่หมายังต้องยอมแพ้ให้อย่างจริงใจเลย

โรงพยาบาล

หลังจากพิงกี้จากไป พยาบาลที่จ้างมาไว้ตั้งแต่ เนิ่นๆ (ป้าจำปา)รับผิดชอบดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของ มาลาตี

มาลาตีรู้ว่าป้าจำปาเป็นพยาบาลที่พิงกี้คัดเลือกมา เป็นอย่างดีให้เธอ เธอทำงานคล่องแคล่ว นิสัยอ่อนโยน และร่าเริง อัธยาศัยดี พูดคุยสนุก แต่มาลาตีถูกเธอดูแล อยู่ ความตื่นตระหนกที่ว่างเปล่าที่อยู่ในใจกลับยิ่งอยู่ยิ่ง เพิ่มทวีคูณขึ้น
“พิงกี้บอกเธอหรือยังว่าจะมาเมื่อไหร่?” ไม่รู้ว่า ถามไปกี่ครั้งแล้ว มาลาตีได้ถามป้าจำปาอีก

“คุณผู้หญิงคะ คุณพิงกี้ไม่ได้บอกกับดิฉันคะ” ป้า จำปาตอบด้วยอย่างมีความอดทนอีกครั้ง

“เป็นไปได้ยังไงที่ไม่บอกเธอ? เธอต้องหลอกฉัน แน่ๆเลย!ไม่ได้ เธอ…….. ..เธอโทรหาพิงกี้เดี๋ยวนี้เลย บอกว่าสถานการณ์ของฉันไม่ดี ใกล้จะตายแล้ว ให้เธอ รีบมาโรงพยาบาลด่วนเลย”

ป้าจำปาจนปัญญามาก

มีใครที่นอนป่วยอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วยังมาแช่ง ตัวเองแบบนี้อีก

แต่พอนึกถึงที่พิงกี้กำชับไว้ เธอก็ได้แต่พูดเกลี้ย กล่อมอย่างสุภาพและเยือกเย็น “คุณผู้หญิงคะ คุณพิง กี้เพิ่งกลับไปตอนเช้าเอง ตอนนี้ยังไม่ถึงเที่ยงเลย เมื่อ คืนเธอก็ยุ่งมาทั้งคืนแล้ว ตอนนี้คงจะเหนื่อยมากแล้ว เกรงว่าวันนี้คงจะกลับบ้านไปพักผ่อนแล้วค่ะ ไม่แน่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอก็คงมาค่ะ คุณรออย่างสบายใจเถอะนะ

“รออะไร?” มาลาตีเขวี้ยงแก้วด้วยความโกรธ สีหน้าร้ายกาจ ตะโกนเหมือนคนคลุ้มคลั่ง “ถ้าฉันนั่ง รออย่อย่างนี้ ใครจะไปรู้ว่าเธอยังจะจำได้มั้ยว่าฉันทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่? ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!”

ตอนนี้เธอกลายเป็นแบบนี้ บ้านดำรงกูลก็กลาย เป็นแบบนี้ แม้กระทั่ง เมื่อกี้เธอแอบโทรศัพท์หาสายมืด ที่ก่อนหน้านั้นชาตรีทิ้งเอาไว้ให้ อยากให้พวกเขาช่วย ตามหาลิสา กำจัดนังแพศยาคนนั้นให้ตายๆไปซะ แต่ โทรศัพท์กลับโทรไม่ติดแล้ว

เธอรู้สึก เส้นสายมืดที่ชาตรีทิ้งเอาไว้ให้พวกนี้ ถือว่าได้ขาดด้วยน้ำมือของเธอแล้ว

นี่จะทำยังไง?

เธอเสียใจมาก!

เสียใจมากที่สุดของที่สุดเลย!

ตอนนี้คิดๆแล้ว ลูกบุญธรรมที่เธอให้ความสำคัญ และควักใจให้ทั้งดวงอยากทำให้เธอตายถึงเพียงนี้ ทำ เรื่องที่ทำให้คนโกรธจนผมชี้ตั้งแบบนี้ แต่พิงกี้ลูกสาว แท้ๆที่เธอละเลยและไม่เคยเป็นห่วงเป็นใยเลย กลับรีบ มาช่วยเธอในสถานการณ์เพลิงไหม้ แถมยังมาเยี่ยมเธอ ที่โรงพยาบาล ชีวิตแบบนี้มันช่างเหน็บแนมจริงๆ?

มาลาตีรู้สึกตัวเองมีตาแต่ไม่มีแวว โง่เง่าที่สุดอย่าง ไม่มีอะไรจะเทียบได้แล้ว!
ในขณะเดียวกัน ในใจเธอก็มีความหวาดกลัวและ ตื่นตระหนกที่ไม่เคยมีมาก่อนโผล่ขึ้นมา ความคิดหนึ่ง เดียวในสมองก็คือต้องจับพิงกี้ไว้ ขอแค่พิงกี้ยังอยู่ข้าง กายเธอ เธอถึงจะรู้สึกสบายใจหน่อย

เพราะยังไงซะ พิงกี้ก็คือลูกสาวของเธอ เป็น ลูกเธอตั้งครรภ์อุ้มท้องมาสิบเดือน ก็ควรจะเชื่อฟังเธอสิ ไม่ใช่หรอ?

เธอเริ่มรู้สึกกลัวแล้ว

เธอกลัวจริงๆว่าพิงกี้จะไม่สนใจเธอ ปล่อยเธออยู่ ในโรงพยาบาลอย่างแล้วแต่เวรแต่กรรม…….

อารมณ์ต่างๆนาๆโผล่ขึ้นมา สิ่งที่มาบรรจบกันก็ คือความหวาดกลัวที่ถูกความโกรธปิดบังไว้ ทำให้เธอ ยิ่งคลุ้มคลั่งขึ้นไปอีก ราวกับว่าแบบนี้สามารถบรรลุเป้า หมายของเธอ และไม่โดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไป

แอบสังเกตมาลาตีอยู่เงียบๆไปหลายวินาที แววตา

ของป้าจําปาระยิบระยับ

เธอวางกะละมังในมือลง เดินมาที่ตรงหน้าของ มาลาตี พูดอย่างเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงกับแฝงด้วย ความหมายที่ลึกซึ้ง “คุณผู้หญิงคะ ไม่ใช่ว่าดิฉันอยาก ว่าคุณนะคะ คุณเป็นแบบนี้ต่อไปมีแต่จะผลักให้คุณพิง กี้ถอยไปห่างๆ ถึงเวลานั้นคุณก็โดดเดี่ยวเดียวดายไม่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว คุณอยากเอาแบบนั้นหรอ คะ?”

“ฉันจะโดดเดี่ยวเดียวดายไม่ได้รับความช่วยเหลือ ได้ยังไง ฉันยังมีลูกชายอยู่!” มาลาตีตอบโต้โดยไม่คิด เลย

“งั้นตอนนี้คุณจะเรียกเขากลับมาหรอคะ?

“เขาจะกลับมาได้ยังไง? ถ้าเขากลับมา ก็มาทน ทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่เปล่าๆ ฉันจะยอมให้ลูกชายฉันทน ทุกข์ทรมานได้ยังไงกัน!”

“งั้นก็ถูกแล้วนี่คะ ในเมื่อตอนนี้คุณไม่มีที่พึ่ง และ ไม่อยากเรียกลูกชายคุณกลับมา งั้นคุณก็ต้องมองใน ระยะยาวสิคะ!คุณลองคิดดูซิคะสถานการณ์ของคุณ ในตอนนี้ก็ยังต้องพึ่งคุณพิงกี้อยู่ดีไม่ใช่หรอคะ? ไม่ว่า จะเรื่องกิน เรื่องพัก เรื่องใช้ของคุณในตอนนี้ก็ยังต้อง ให้คุณพิงกี้คอยดูแลอยู่ คุณต้องมองการณ์ไกลหน่อยสิ คะ”

มาลาตีอยากโต้ตอบ แต่อ้าปากแล้วก็พูดอะไรไม่

เธอมองดูป้าจำปา อยากฟังดูซิว่าเธอจะพูดอะไร

ออก

บ้าง
“ก่อนหน้านี้คุณบอกข้อมูลของลิสาให้คุณพิงกี้ คุณพิงกี้ก็ได้บอกกับดิฉันแล้วว่า เธอจะต้องจับลิสาก ลับมารับโทษให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้กับคุณ เท่าที่ดิฉันดู คุณพิงกี้นี่เป็นคนที่จิตใจดีงามคนนึงเลยนะคะ ถึงแม้ เมื่อก่อนนี้คุณไม่ดีกับเธอเลย แต่เห็นแก่ความสัมพันธ์ ทางสายเลือด เธอก็ไม่มีทางไม่สนใจคุณหรอกค่ะ”

“จริงหรอ?” มาลาตีไม่แน่ใจ

“ก็จริงสิคะ! คุณลองย้อนคิดเรื่องของก่อนหน้า นั้นดูสิคะ คุณพิงกี้เคยทำเรื่องที่ทำร้ายคุณซะที่ไหนล่ะ คะ? คนที่ทำให้คุณจนกลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่คุณพิงกี้ แต่เป็นลูกบุญธรรมของคุณไม่ใช่หรอคะ?”

…ใช่”

“สามีคุณติดคุก ฉันได้ยินมาว่าโทษฐานหนักมาก จะพลิกคดีคงยากมากใช่มั้ยคะ?”

“ใช่”

“อีกอย่าง ถึงสามีคุณออกจากคุกได้ เขาเห็นคุณ เป็นอัมพาตนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ คุณคิดว่าเขาจะ ปรนนิบัติคุณหรือว่าออกไปหาสาวสวยเอ๊าะๆที่ข้างนอก คะ?”

มาลาตีไม่เปิดปากพูด สายตาหนักหน่วง
ป้าจำปาพยายามพูดต่ออีก “มีคำๆนึงพูดได้ดีมาก บางทีผู้หญิงไม่อาจพึ่งพาผู้ชายได้เสมอไป ลูกสาวของ ตัวเองเนี่ยแหละถึงจะเป็นคนที่ดูแลบั้นปลายชีวิตของ เรา คุณเป็นคนดวงดี มีบุญวาสนาดีที่มีทั้งลูกชายและ ลูกสาว แต่ว่า ลูกชายของคุณยังสร้างหลักปักฐานไม่ ได้ ถ้าจะคาดหวังพึ่งพาเขาอย่างน้อยยังต้องใช้เวลาอีก สามสี่ปี เวลาไม่ใช่สั้นๆเลยนะ ตอนนี้คุณก็สถานการณ์ แบบนี้อีก ทุกอย่างต้องให้คนคอยปรนนิบัติ ดิฉันว่า บั้นปลายชีวิตของคุณก็คงต้องพึ่งแต่คุณพิงกี้แล้วล่ะค่ะ คุณเอาชนะใจเธอดีๆเถอะ อย่าทำให้เธอเสียใจอีกเลย”

มาลาตีปิดปากเงียบตลอด ป้าจำปาพูดมาเยอะ ขนาดนี้ ก็ไม่พูดต่ออีกแล้ว

เดี๋ยวจะเร็วแต่ไม่บรรลุเป้าหมาย เรื่องบางเรื่อง ถ้า ทำแบบโจ่งแจ้งเกินไปกลับกลายเป็นไม่ดี รอให้มาลาตี คิดได้เองจะดีที่สุด

มาลาตีนอนคิดอยู่บนเตียงตั้งนาน จู่ๆเธอน้ำตา

ท่วมหน้า

ร้องไห้ฟูมฟายห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่

ความเสียใจทุกอย่าง ความกลัวทุกอย่าง ได้ ละลายเป็นน้ำตาหมดและไหลพรากออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ