คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่248:ถูกคุมตัว!



บทที่248:ถูกคุมตัว!

“แกนี่พูดจาน่าเกลียดเกินไปรึเปล่า ไม่มีการศึกษา เลยจริงๆ! ต่อไปถ้าลิสาแต่งงานกับเควินจะได้เป็นคุณนาย ของตระกูลภิรมย์ภักดีอย่างโอ่อ่าเชียวนะ! ถึงเวลาอยาก ได้อะไรก็ได้หมด แกนึกว่าลิสายังอยากได้เศษเงินของแก หรอ?” มาลา ดูถูกจะแย่อยู่แล้ว เชอะ เย็นชาเสียงนึง แล้วพูดต่อ “เอาล่ะ ฉันก็แจ้งแกให้แกทราบแค่นี้แหละ นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะภูผาจะกลับมาแล้วบอกว่าอยากเจอแก ฉันก็ ไม่อยากสนใจแกหรอก!”

“ภูผาจะกลับมาแล้ว?” พิงกี้รู้สึกค่อนข้างเซอร์ไพรส์

ภูผาคือลูกชายคนเล็กของชาตรีกับมาลาตี ปีนี้อายุ สิบแปดปี ไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุสิบห้า เขาไม่ได้ กลับมาสามปีแล้ว

เขาอาจจะเป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่พิงกี้ชอบ

ตอนที่พิงกี้อยู่ในบ้าน ภูผาเป็นมิตรกับเธอมากที่สุด เป็นคนแรกที่เห็นเธอเป็นคนในบ้าน ถึงแม้เขาก็ดีกับลิสา เหมือนกัน แต่ดีกับเธอมากกว่านิดหน่อย

“ภูผากลับมาคราวนี้ไม่ได้มาอยู่นานมากสุดก็แค่ หนึ่งวัน ถ้าสุดสัปดาห์แกไม่กลับมา แกก็ไม่ได้เจอหน้าเขา แล้ว” มาลาตีพูดกระตุ้นเพื่อให้เธอทำการตัดสินใจ “แก คงไม่ใช่ยังคิดอะไรกับเควินอยู่เลยไม่กล้ามามั้ง? ฉันจะบอกแกให้นะ ทางที่ดีที่สุดแกล้มเลิกความคิดที่ต่ำช้าของ แกซะ พวกฉันไม่ให้แกได้บรรลุเป้าหมายหรอก!

“ฉันจะไป”

ทิ้งท้ายไว้คำนึง พิงกี้ก็วางสายไปเลย เธอขี้เกียจพูด กับมาลาตีให้เสียเวลา

พูดเยอะก็ไม่มีประโยชน์ ทำให้ตัวเองอารมณ์เสีย

เปล่าๆ

ยังมาบอกว่าจะไม่ให้เธอได้บรรลุเป้าหมายอีก เหมือนอย่างกับว่าเธอยังชอบเควินไอ้สารเลวมากอย่างงั้น แหละ

ตอนนี้เธออาจจะยังปล่อยวางไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปล ว่าเส้นทางของเธอจะมืดมนตลอดไป

แต่แล้ว สิ่งที่ทำให้พิงกี้คิดไม่ถึงคือ เธอรับปากว่าจะ ไปงานหมั้นของเควินกับลิสา แต่น้ำหวานกลับไม่ยอมให้ เธอไป กลัวว่าเธอที่ตั้งครรภ์อยู่จะเกิดอุบัติเหตุ

ตระกูลดำรงกูลต่างก็ไม่ใช่คนดีเธอท้องลูกของเควิน อยู่ ถ้าเกิดพวกเขาลงมือกับเด็กจะทำยังไง?
ถูกน้ำหวานพูดแบบนี้ ในใจของพิงกี้ก็เริ่มอยากถอย

หลังแล้ว

ถึงเธอจะเป็นคนวู่วามมากแค่ไหน หลังจากวางสาย ก็ได้สงบลง ถูกน้ำหวานเกลี้ยกล่อมแบบนี้ เธอก็ไม่อยาก ไปแล้ว ถึงแม้เธออยากเจอภูผามาก แต่ต่อไปก็ยังมีโอกาศ ได้เจออยู่

แต่ว่า ถึงเธอไม่ไป เธอก็ไม่ได้อารมณ์ดีขนาดนั้นที่จะ โทรไปแจ้งมาลาทราบ

พอถึงวันนั้น ก็ให้พวกเขารอไปเถอะ

สุดสัปดาห์

วันนี้ก็เป็นวันหยุดของน้ำหวานพอดี พิงกี้ก็เลยชวน เธอไปทานข้าวที่ห้างสตาร์ไลท์ ก็ถือซะว่าไปเดินเล่นผ่อน คลายจิตใจหน่อย ให้ตัวเองลืมว่าวันนี้คือวันอะไร

มาลา ได้โทรหาเธอหลายสาย แต่เธอไม่รับสายเลย สุดท้ายโทรมาจนเธอรู้สึกรำคาญ เลยปิดเครื่องไปเลย

แต่ว่า เวลาสี่โมงเย็น ตอนที่เธอกับน้ำหวานเดินออกมาจากโรงหนัง กลับถูกลิสาขวางเอาไว้

ผู้หญิงคุ้นหน้าคุ้นตาที่อยู่ข้างกายของลิสา พิงกี้นึก วนไปวนมาถึงนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือพยาบาลพิเศษ ที่ดูแลลิสาเมื่อครั้งที่เธอพักโรงพยาบาล รู้สึกว่าชื่อหยาด อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ

ใช่แล้ว หยาดทิพย์

ตอนั้นพิงกี้รู้สึกชื่อของหยาดทิพย์เพราะดี เลยจำเธอ ได้ค่อนข้างดี

นาทีนี้ ลิสาโผล่อยู่ที่นี่ ชัดเจนมากว่าไม่ได้มา

“เธอมีเรื่องอะไร?” พิงกี้ขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ลิสา ดวงตากลมโตรู้สึกไม่รื่นรมย์

“ฉันยังจะมีเรื่องอะไรได้อีก? คุณหนูรองของตระกูล ดำรงกุลรับปากว่าจะไปงานหมั้นของฉัน วันนี้กลับมาเดิน เล่นดูหนังอยู่ข้างนอกอย่างมีความสุข ฉันกลัวถึงเวลาแล้ว แกจะพลาดงานของฉัน ดังนั้งฉันจึงใจดีมารับแกถึงที่เอง ยังไงล่ะ” แววตาของลิสาได้ใจ “เป็นไงบ้าง ซาบซึ้งมาก เลยใช่มั้ย?”

“ซาบซึ้งน่ะเป็นไปไม่ได้ แต่สะอิดสะเอียนน่ะมีเต็มท้องเลย ฉันแค่เห็นหน้าเธอก็อยากอ้วกแล้ว”

พอพูดจบ พิงกี้ก็อยากเดินผ่านเธอไป ไม่อยากพัวพัน กับเธออีก

แต่แล้ว ตอนที่เธอใกล้เดินผ่านตรงหน้าลิสาไป จู่ๆลิ สาจับข้อมือเธอไว้ เล็บมือที่ยาวจิกเข้าไปในเนื้อของเธอ เธอมองไปที่ทิศทางนึงแล้วเรียกบอดี้การ์ด“พวกแกยังรอ อะไรอีก รีบเชิญคุณหนูรองไปที่รถเร็วเข้า

น้ำหวานตะลึงจนหน้าซีด รีบพุ่งไปปกป้องพิงกี้ “ลิสา เธออยากทําอะไร? เธอบ้าไปแล้วหรอ?”

ที่นี่คือห้างสตาร์ไลท์ เพราะรู้จักกับเตชิต รปภ.ของ ที่นี่ต่างก็รู้จักพิงกี้ แต่นาทีนี้ ข้างกายของพวกเธอกลับไม่ เห็นรูปภ.เลยสักคน ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้

น้ำหวานมองดูรอบๆ ไม่นานก็รู้สึกผิดหวัง

แทบจะในขณะเดียวกัน ตอนที่เธอมองหารปภ. บอดี้ การ์ดเสื้อดำหลายคนก็ได้พุ่งมาหาพวกเธอ มีสองคนมุ่ง มาที่เธอ ส่วนที่เหลือก็ควบคุมตัวของพิงกี้ที่กำลังจะเดิน ไปยังทิศทางของลิฟท์

สีหน้าพิงกี้เย็นชา
เพราะในท้องยังมีลูกอยู่ เธอไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร ไม่ยั้งคิด เพราะกลัวจะกระทบต่อลูกในท้อง

พอเธอถูกคุมตัวไปที่ลิฟท์ เธอมองเห็นผู้ชายบึกบึน คนนึงทุบไปที่ท้ายทอยของน้ำหวาน ทันใดนั้นน้ำหวาน หลับตาลงแล้วยวบยาบลงบนพื้น ไม่รู้จะเป็นอะไรมากมั้ย?

“น้ำหวาน!” พิงกี้ตะโกนเสียงดังทีนึง ในใจร้อนรน เหมือนไฟเผา

เธออยากพุ่งเข้าไปดูน้ำหวาน แต่ลิสาแค่ส่งสายตา ชายเสื้อดำทั้งหลายที่ยืนอยู่ข้างกายเธอก็พลิกแขนเธอไป ด้านหลัง ให้เธอขยับตัวไม่ได้

ถูกคุมตัวขึ้นมาที่รถ พิงกี้ทนแล้วทนอีก สุดท้ายก็ทน

ไม่ไหว

แววตาเย็นชาจ้องไปที่ลิสา เธอถามด้วยสีหน้าเยาะ เย้ย ลิสา “เธอนี่น่าขยะแขยงจริงๆ ขนาดงานหมั้นยังจะ จัดสองครั้ง หรือว่าต่อไปแต่งงานก็กะว่าจะจัดสองครั้ง เหมือนกัน?”

“ขอแค่แต่งกับผู้ชายคนเดียวกัน จะแต่งกี่ครั้งฉันก็ยอมหมดแหละ”

ใบหน้าที่แต่งได้สวยสดงดงามยังคงรักษารอยยิ้ม ที่สง่าและอ่อนโยน แต่แววตากลับไม่มีรอยยิ้มเหมือน ใบหน้า นี่ทำให้รอยยิ้มของเธอดูแล้วเหมือนใบหน้าใส่ หน้ากากไว้อันนึง ดูยังไงก็เฟค

ไม่เพียงแต่เฟค ยังทำให้มีความรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

พิงกี้มีความรู้สึกอย่างนึง

เธอรู้สึกลิสาเปลี่ยนไปเยอะมาก การเปลี่ยนแปลง แบบนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ภายนอก แต่คือภายใน เปลี่ยนไปเยอะมาก เปลี่ยนเป็นคน…..ร้ายล็กกว่าเมื่อก่อน ทําให้ยิ่งยากที่จะเดาใจเธอออก

นั่งอยู่ที่ข้างกายลิสา เธอก็ยังมีความรู้สึกหนาวเย็น อย่างแปลกประหลาด

เงียบไปสักพัก พิงกี้หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า

ถึงแม้ตอนนี้เธอนั่งเสียบอยู่ตรงกลางระหว่างลิสา และหยาดทิพย์ ถ้าทำท่าทีเล็กๆอาจจะถูกแย่งมือถือไปได้ แต่ถ้าไม่ลองดูแล้วใครจะไปรู้ล่ะ? น้ำหวานถูกทุบจนสลบ และถูกทิ้งไว้ในห้างสตาร์ไลท์ ถ้าหากน้ำหวานเป็นอะไรไปจะทำยังไง?

เธอหยิบมือถือออกมาและโทรหาเตชิต ชายตามอง ลิสาทีนึง เห็นเธอไม่มีทีท่าจะห้ามปราม พิงกี้ค่อยรู้สึก สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

พอเตชิตรับสาย บ พิงกี้ก็พูดกับเตชิตว่า “คุณเตชิต คุณรีบส่งคนไปหาน้ำหวานที่ชั้นบนสุดของห้างสตาร์ไลท์ หน่อยค่ะ เธอถูกคนทุบจนสลบและทิ้งไว้ที่นั่น ก็ไม่รู้จะมี อันตรายรึเปล่า ตอนนี้ฉันไปทานข้าวกับลิสาที่ภัตตาคาร มังกรหยก ถ้าคุณมีเวลาก็มาฉันที่ภัตตาคารเลยค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ