คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่472 ปฏิกิริยาของดุสิต



บทที่472 ปฏิกิริยาของดุสิต

เชื่อน้าหวานหรือเปล่า?

เชื่อแน่นอนอยู่แล้ว

ทางฝั่งของน้ำหวานอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ก็จริง แต่เควินรู้สึกความเป็นไปได้ต่ำมาก ถ้าน้ำหวานยอมเอา ตัวเข้าแลกเพื่อใช้กลอุบาย ผู้หญิงที่โหดได้แม้กระทั่ง กับตัวเองขนาดนี้ ถึงพวกเขาหลงกลก็ไม่มีอะไรน่า แปลกใจแล้ว

พิงกี้ยิ่งไม่มีความคิดเห็น

อันที่จริง ตอนที่รังสิตเสนอความคิดเห็นที่คัดค้าน เธอก็ได้เบิกตาโตจ้องมองไปที่เขา แทบอยากจะจ้องจน ตัวเขาทะลุเป็นรูเลย

รังสิต “

“เอาล่ะ ในเมื่อเชื่อใจฉัน งั้นก็ไปกันเถอะ” น้ำ หวานควงแขนของพิงกี้ไว้ และออกมาคลี่คลาย สถานการณ์

คนที่ถูกสงสัยคือน้ำหวาน แต่น้ำหวานยังฝืนยิ้ม และพูด ไฟที่ลุกอยู่ในใจของพิงกี้พริบตาเดียวก็ดับลง เลย ยังรู้สึกสงสารน้ำหวานขึ้นมา

นึกถึงก่อนหน้านี้น้ำหวานเจอเรื่องน่าขยะแขยงแบบนั้น ให้เธอเอาน้ำหวานมาบูชาเป็นเจ้าแม่กวนอิมก็ ยังได้ อย่าว่าแต่เรื่องเล็กแบบนี้เลย เธอเต็มใจที่จะให้ หน้าน้ำหวานมาก

“งั้นก็ไปกันเถอะ” พิงกี้กำชับ “ไปตอนนี้เลย!”

พอพูดจบ จ้องผู้ชายทั้งสองอย่างโหดทีหนึ่ง จาก นั้นก็ควงแขนน้ำหวานเดินไป

เควิน “

รังสิต “

เควินหรี่ตามองรังสิต รังสิตหัวใจกระตุก รีบเปิด ปากพูด “เอ่อ…ผมจะไปหิ้วคนมาเดี๋ยวนี้เลยครับ”

“ไปเถอะ” เควินพูด

ทำให้เขายั่วโมโหภรรยาของตัวเอง ไม่ใช้สายตาขู่ สักหน่อยนี่ไม่ทำตัวเชื่อฟังเลย

เวลาเที่ยงคืน ค่ำคืนที่เงียบสงัด

รังสิตนำทางอยู่ด้านหน้า คอยขจัดสิ่งสิ่งกีดขวาง
ก็ยังโชคดีที่โรงแรมนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด ขอแค่ หลบเลี่ยงลูกค้าที่พักอยู่ในนี้ได้ และพนักงานหน้าเคาท์ เตอร์ที่สะลึมสะลือใกล้จะหลับก็พอ

ตลอดทางดูเหมือนจะอกสั่นขวัญแขวน แต่ไม่มี อันตรายอะไร พอมาถึงข้างรถ รังสิตได้โยนผู้ชายดุร้าย ที่ถูกผ้ายัดปากไว้เข้าไปในท้ายรถโดยตรง

ก่อนจะปิดท้ายรถ เขาชกไปที่จมูกของผู้ชาย อย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ยั่วจนผู้ชายดุร้ายตะคอกด่า ไปพักใหญ่ เหมือนหมาป่าที่อารมณ์ฉุนเฉียวและหิวโซ ถูกมัดเอาไว้ เห่าหอนอย่างไม่ยอมหยุด

“เหอะ…..หวังว่าแกจะได้เพลิดเพลินกับการเดิน ทางของคืนนี้นะ!”

รังสิตหัวเราะเย็นชา และปิดท้ายรถ

ผู้ชายดุร้ายเห่าหอนอยู่ในท้ายรถ เสียงดังแบบนี้ ไม่ได้มีผลกระทบอะไรเลย กลับทำให้เขารู้สึกอารมณ์ ดีขึ้นด้วยซ้ำ

รถคันนี้เป็นรถที่ทางหมู่บ้านBได้จัดเตรียมเอาไว้ ให้ เป็นแค่รถตู้เล็กๆคันหนึ่งที่ไม่เด่น ประสิทธิภาพใน การใช้งานถือว่าโอเค ท้ายรถไม่ถือว่ากว้าง แต่สามารถ ยัดคนได้คนหนึ่งก็พอแล้ว เพียงแต่ไม่สบายแค่นั้นเอง
เดี๋ยวพอตอนที่ขับเขารถก็คอยระมัดระวัง อีก หน่อย อย่าวิ่งถนนเรียบ วิ่งแต่ถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เยอะๆหน่อย คนที่ยัดอยู่ในท้ายรถกระแทกโดนจมูก เยอะๆหน่อย ก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอ?

คนบางคน ก็สมควรโดนจัดการสักหน่อยจริงๆ!

เควินยืนลังเลอยู่ข้างรถ ระหว่างที่เขาลังเล พิงกี้ ก็ได้เปิดประตูของข้างคนขับออก และผลักหลังเขา “คุณเควิน คุณนั่งขึ้นไป

เควิน “

เอ๊ะ….ต้องให้น้ำหวานนั่งข้างคนขับไม่ใช่เหรอ?

“ฉันนั่งข้างหลังกับน้ำหวาน” พิงกี้เปิดปากพูด อย่างมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว “ฉันมีเรื่องจะคุย กับน้ำหวาน ไม่อยากต้องพูดคุยอย่างลำบาก”

เควินหมดคำพูด เขาก็ไม่อยากแย่งชิงกับผู้หญิง หรอก ขึ้นไปนั่งที่ข้างคนขับอย่างไม่พูดสักคำ

ถ้ารู้อย่างนี้ เขายอมขับรถเองดีกว่า

พิงกี้กับน้ำหวานขึ้นไปนั่งที่เบาะนั่งด้านหลัง สีหน้า ขาวซีดของน้ำหวานมีความซาบซึ้งใจโผล่ขึ้นมา “พิงกี้ ขอบใจนะ”
ขอบคุณที่เธอเอาใจใส่ขนาดนี้

สถานการณ์ในตอนนี้ เธอไม่อยากนั่งใกล้กับผู้ ชายจริงๆ ถึงแม้เบาะนั่งคนขับกับข้างคนขับยังมีช่อง เกียร์กั้นไว้อยู่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองดัดจริตหรือเปล่า แต่ว่า ความหวาดกลัวและความขยะแขยงที่มีต่อผู้ชายแบบ นั้นมันควบคุมไม่ได้จริงๆ

“เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน และเป็นหนึ่งเดียว ด้วย” พิงกี้พูดอย่างจริงจัง และกุมมือของน้ำหวานไว้

“ใช่หรอ?” น้ำหวานยิ้มอย่างโศกเศร้า “ต่อไป ฉัน คงจะเหลือแค่เธอ อืม ไม่…..และพี่ชายฉันแล้ว”

นอกเหนือจากนี้ คงจะไม่เหลืออะไรแล้ว

“ทำไมถึงพูดแบบนี้?” พิงกี้ขมวดคิ้ว ฟังออกว่า คำพูดของน้ำหวานยังซ่อนความหมายอื่นเอาไว้ เธอ ถามอย่างระมัดระวัง “เอ่อ….ความสัมพันธ์ของเธอกับ ดุสิตดีมากเลยไม่ใช่เหรอ? ฉันรู้สึกถึงดุสิตไม่ใช่คนที่ ร่าเริงแจ่มใสสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นคนดีแล้ว ความ สัมพันธ์ของเขากับของเธอลึกซึ้งขนาดนี้ คงไม่เพราะ แค่อุบัติเหตุครั้งนี้ ก็จะมีผลกระทบกับความสัมพันธ์ของ เธอกับเขาแน่นอน”

“อุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่ใช่อุบัติเหตุเล็กน้อย บางทีอาจ จะไม่แคร์ได้ในชั่วขณะ แต่ไม่มีทางไม่แคร์ตลอดชีวิตหรอก” น้ำหวานส่ายหัวพร้อมสีหน้าซีดเซียว แววตามี ความแค้นโผล่ขึ้นมา “อีกอย่าง ไอ้สัตว์เดียรัจฉานนั่น มัน…..มันใช้มือถือของฉันถ่ายรูป ส่งไปให้ดุสิตด้วย!”

“ต๊ะ อะไรนะ?” พิงกี้เบิกตาโตด้วยความตะลึงงัน

เธอนึกว่าผู้ชายดุร้ายต่ำช้าเลวทรามก็พอแล้ว คิด ไม่ถึงว่ายังจะไร้ยางอายและน่าขยะแขยงได้ถึงขั้นนี้!

“ใช่ เขาถ่ายรูปแบบนั้นส่งให้ดุสิตดู ถ้าแค่ได้ยิน คนอื่นพูด ดุสิตอาจจะไม่คิดมาก แต่นี่เขาเห็นรูปถ่าย ของจริงเลย ต้องได้รับการกระตุ้นแน่นอน ถึงเขาอยาก จะลืม แต่คาดว่าชาตินี้ก็ไม่มีวันลืมได้หรอก ภาพเหล่า นั้นอยู่ในสมองของเขาตลอดเวลา คอยย้ำเตือนเขาว่า ฉันเคยถูกคนย่ำยีมาก่อน”

น้ำหวานโมโหจนริมฝีปากสั่น

ตอนนั้น อยู่ในห้องน้ำ

ผู้ชายดุร้ายคอยกระทำรุนแรงอยู่บนตัวเธอไปด้วย และชิงมือถือจากมือของเธอด้วยเจตนาร้ายไปด้วย ถ่ายรูปที่เธอสกปรกยุ่งเหยิงจนดูไม่ได้ส่งให้กับดุสิต แม้ กระทั่งยังมีการเขียนข้อความส่งท้ายด้วย!

เธอไม่เห็นรูปพวกนั้น เธอไม่กล้าดู แต่ใช้สมองคิด ก็รู้ว่าภาพเหล่านั้นต้องบาดตาบาดใจมาก ทำให้คนรับไม่ได้เป็นอย่างมาก

ผู้ชายดุร้ายคือกำลังตักเตือนเธอกับดุสิต ให้พวก เขาทํางานให้องค์กรSCอย่างซื่อตรง อย่าหาเรื่องใส่ตัว ถึงแม้ผู้ชายดุร้ายบอกว่าพี่ใหญ่ไม่รู้ แต่ใครจะไปรู้ว่าที่ พูดน่ะจริงหรือเปล่า?

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเธอ ยังไม่พูดถึงดุสิต ไม่ว่า ผู้ชายคนไหนๆก็คงรับการโจมตีแบบนี้ไม่ได้มั้ง? นี่มัน ไม่น้อยกว่าการสวมเขาเลยนะ

นึกย้อนถึงสถานการณ์ก่อนหน้านี้ น้ำหวานรู้สึก หัวใจของตัวเองก็เหมือนถูกแช่อยู่ในน้ำเย็น แถมยังถูก แชมาหลายวันหลายคืนแบบนั้นด้วย

หัวใจตายด้าน บวมแน่น ถูกแช่จนบูดและเน่าเสีย

แล้ว………

อากาศที่ร้อนขนาดนี้ เธอกลับรู้สึกตัวเองหนาว มาก หนาวจนสั่นไปทั้งตัว

ก่อนหน้านั้นเธอยังแกล้งทำเป็นว่าตัวเองชิวมาก ไม่แคร์การทำร้ายพวกนั้นเลย แต่ตอนนี้อยู่ในพื้นที่ๆ เงียบสงบ ข้างกายคือเพื่อนรักของตัวเอง สิ่งแวดล้อมก็ ปลอดภัยใน………..เธอรู้สึกว่าความหวาดกลัวเหล่านั้น พริบตาเดียวก็ห้อมล้อมเธอไว้
ใกล้จะทำลายเธอ

“ไม่หรอก จะไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน…..ดุสิตมีแต่ จะสงสารเธอ ไม่ทำอย่างนั้นกับเธอแน่นอน…..

พิงกี้กัดริมฝีปากไว้ นํ้าตาซึมออกมาจากเบ้าตา อย่างควบคุมไม่ได้ เธอไม่รู้จะปลอบใจคนยังไง รู้เพียง แต่พูดซ้ำไปซ้ำมาไม่กี่คำนี้

แต่ว่า พิงกี้ได้หยิบเอามือถือของน้ำหวานมา และ ลบรูปถ่ายพวกนั้นทิ้งจนหมด จากนั้นก็กดเข้าไปดูใน รายการบันทึกโทร ดูไปดูมา เธอเองก็แทบจะไม่เชื่อ แล้ว

ถ้าดุสิตไม่แคร์จริงๆ ทำไมหลังจากเห็นรูปถ่ายแค่ โทรมาสามสาย พอไม่มีคนรับ เขาก็ไม่โทรมาอีกเลย แม้แต่ข้อความก็ไม่ส่งมาถามสักคำ?

ความสัมพันธ์ของเขากับน้ำหวาน ทนต่อการทด สอบจริงๆหรือเปล่า?

พิงกี้ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้ว

เธอลองสมมุติว่าถ้าตัวเองไปอยู่ที่นั้น ถ้าตัวเอง ประสบเรื่องแบบนั้นเหมือนน้ำหวาน เธอก็จะกังวลว่าเค วินจะรับได้หรือเปล่าเหมือนกัน และจะพะวงในเรื่องผล ได้ผลเสียของตัวเองเช่นกัน หรือแม้กระทั่งจะ……….
คิดถึงตรงนี้แล้ว เธอยิ่งกุมมือของน้ำหวานไว้แน่น ราวกับว่าแบบนี้สามารถปลอบใจเธอ ให้เธอไม่ไปทำ เรื่องโง่เขลา

พอรถขับมาได้สักพัก เพราะเรื่องของน้ำหวาน นอกจากมีพิงกี้ที่จะคอยพูดจาอยู่ตลอดทาง เควินกับ รังสิตรักษาความสงบไว้ตลอด

แต่ว่า รังสิตไม่จอดรถและไม่ส่งเสียงไม่ได้แล้ว

“คุณน้ำหวาน ไม่ทราบว่า…..จะต้องไปยังไงต่อ

ครับ?”

ไปเส้นทางที่เป็นความลับนั้นมีแต่น้ำหวานเท่านั้นที่ รู้ ถ้าเธอไม่ชี้ทางให้ ใครก็ไม่สามารถมีกระแสจิตกับเธอ หรืออาศัยโชคแล้วจะหาเจอหรอก

น้ำหวานดึงสติกลับมาจากการเหม่อลอย แยกแยะ สิ่งแวดล้อมรอบๆไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปที่ทางซ้าย “ขับเลี้ยวซ้ายไปก็จะออกจากหมู่บ้านนี้ หลังออกจาก หมู่บ้านประมาณหนึ่งกิโลเมตรก็ถึงหมู่บ้านเล็กๆอีก หมู่บ้านหนึ่งแล้ว พอถึงก็จอดรถใกล้ๆแถวนั้นก็พอ จาก นั้นเราต้องเดินเข้าไปอีกหน่อยค่ะ”

ดึกขนาดนี้ ถ้าขับรถไปล่ะก็ วัตถุประสงค์มันเด่นชัดเกิน

“ได้ครับ” รังสิตพยักหน้า

ตามคำชี้แนะของน้ำหวาน ไม่นานเขาก็หาปลาย

ทางเจอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ