คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่286: ถกเถียงกัน



บทที่286: ถกเถียงกัน

ณ บ้านภิรมย์ภักดี

กลับมาถึงบ้านปุ๊บ หทัยรัตน์ก็ขึ้นชั้นบนด้วยความเร่ง รีบ ไม่เห็นสุรพลที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยซ้ำ สีหน้าเหมือนคน ลุกลี้ลุกลน เสมือนว่ากำลังหนีภัยอดอยาก สุรพลมองจน ขมวดคิ้วแน่น

หทัยรัตน์ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูตั้งแต่เด็ก อาหาร การกินเสื้อผ้าของใช้ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ใช้ของดีเลิศ ทก อย่างล้วนใช้ของดีทั้งสิ้น ที่ผ่านมาเป็นคนให้ความสำคัญ กับภาพลักษณ์มาโดยตลอด แม้แต่อยู่บ้านก็ไม่เคยหละ หลวมแม้แต่วินาทีเดียว วันนี้เป็นอะไรไป

ต้องมีเรื่องแน่ๆเลย

นี่เป็นความคิดแรกของสุรพล

เป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี จะไม่สนใจใยดีไม่ ได้ เขาเปิดปากพูดกับคนดูแลบ้านว่า “นายสิงห์ นายไป ดูซิว่าเธอเป็นอะไร ใช่ไปก่อเรื่องวุ่นวายที่ข้างนอกหรือ เปล่า?”

“ครับ” นายสิงห์พยักหน้าด้วยความเคารพ

เพียงแต่ ตอนที่เดินขึ้นบันได เขากลับมาสีหน้า
ถ้าจะบอกว่าในบ้านหลังนี้เขาไม่อยากคบค้าสมาคม กับใครมากที่สุด ไม่ใช่สุรพลกับเควินที่สีหน้าเคร่งขรึมอยู่ ตลอด แต่เป็นหทัยรัตน์ที่สง่างามและใจกว้างต่างหาก

เดินขึ้นมาชั้นบน นายสิงห์ยืนเคาะประตูอยู่ที่หน้า ห้องนอนใหญ่และตะโกนเรียกอยู่ตั้งนาน ข้างในกลับไม่มี เสียงตอบรับใดๆเลย

ผิดปกติ

หยุดไปครู่นึง นายสิงห์เดินลงมาชั้นล่างโดยตรง และพูดกับสุรพลว่า “คุณท่านครับ คุณผู้หญิงไม่รู้เป็นอะไร ครับ เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ผมเคาะประตูยังไงก็ไม่ ตอบครับ”

ฐานะที่เป็นคนดูแลบ้านที่เป็นผู้ชาย ถ้าเขาเอากุญแจ ไปเปิดห้องนอนใหญ่ มันก็คงจะไม่ดีและล้ำเส้นเกินไป

“อืม ฉันรู้แล้ว” สุรพลตอบคำนึงและพูดต่อว่า “ไป เอากุญแจมาให้ฉัน

“ครับ คุณท่าน”
ขอแค่มีกุญแจ ถึงหทัยรัตน์จะหลบอยู่ที่มุมไหนของ ห้อง สุรพลก็สามารถหาเธอเจอ แต่ว่าตอนที่เขาเดินเข้า ห้อง ยังไงก็ไม่เจอร่างเงาของหทัยรัตน์

ยืนครุ่นคิดอยู่ในห้องไปครู่นึง จู่ๆสุรพลเดินเข้าไปใน ห้องเสื้อผ้า และกดปุ่มที่ซ่อนอยู่ในมุมของห้องเปลี่ยนเสื้อ

“คชา คชา “เสียงเปิดประตูดังขึ้น

ตู้เสื้อผ้าที่กว้างใหญ่ค่อยๆเลื่อนออกไปทั้งสองข้าง อย่างช้าๆ เผยให้เห็นประตูที่กว้างไม่ถึงหนึ่งเมตร

ในประตูเป็นพื้นที่เล็กๆแค่ประมาณสามตารางเมตร ด้านในว่างเปล่าไม่มีอะไร และไม่มีเครื่องใช้ในบ้านใดๆทั้ง สิ้น มีแต่บันไดทางขึ้นที่ฉาบด้วยปูนซีเมนต์

สุรพลเดินขึ้นบันได ไม่นานตรงหน้าก็เห็นแสงสว่าง

สุดปลายทางของหัวบันไดเป็นห้องลับ

ห้องลับห้องนี้อยู่ด้านบนของห้องเสื้อผ้า พื้นที่ใหญ่ เท่ากับห้องเปลี่ยนเสื้อ รอบๆทั้งสี่ทิศมีแผ่นเหล็กที่หนา ประมาณสิบเซนติเมตรปิดผนึกอย่างมิดชิดเอาไว้ ถึงจะ เจอระเบิดใหญ่ คนที่อยู่ด้านในก็จะมีความปลอดภัย
ถ้าจะต่อสู้กับศัตรู แค่เคลื่อนไหวแผ่นเหล็กที่มีที่ลับ อยู่ บนผนังก็จะมีช่องกว้างประมาณสามสิบเซนติเมตรอยู่ หกจุด สามารถโจมตีใส่ด้านนอกได้

สามารถบอกได้ว่าสถานที่นี้สามารถได้ทั้งโจมตีและ ป้องกันตัว เป็นสถานที่ๆลับที่สุดในบ้านภิรมย์ภักดี เพราะ ที่นี่ซ่อนเร้นมาก สถานที่นี้ก็เป็นที่เก็บซ่อนสิ่งของที่เป็น ความลับของตระกูลภิรมย์ภักดี ถ้าเจอสถานการณ์คับขัน ยิ่งสามารถรักษาชีวิตด้วย

หทัยรัตน์ก็รู้ห้องลับนี้ด้วย แต่ว่าคนที่เอาแต่ใจขนาด นี้อย่างเธอยิ่งชอบเอาที่นี่เป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอ

“คุณเป็นอะไรไป?”

เห็นร่างเงาของสุรพลโผล่มา หทัยรัตน์ที่นั่งอยู่บน โซฟาเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าย่ำแย่

“พูดมาเถอะ คุณไปเจอเรื่องอะไรมากันแน่?” สุรพล พูดด้วยน้ำเสียงบางเบา จากนั้นก็อดตำหนิไม่ได้ “ผมบอก คุณกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเอะอะก็เข้ามาในห้องลับนี้ นี่ไม่ใช่ สถานที่ๆให้คุณมาระบายอารมณ์นะ

“นี่เป็นบ้านของฉัน ทำไมฉันจะเข้ามาไม่ได้?” หทัย รัตน์เหมือนระเบิดที่ถูกจุดติดด้วยไฟ เธอพุ่งเข้าหาสุรพล ดึงเสื้อผ้าเขาไว้และร้องไห้ “สุรพล ไอ้คนไม่มีหัว จิตหัวใจ! คุณไม่ให้ฉันมาที่นี่ ไม่ใช่เพราะความลับของ ตระกูลภิรมย์ภักดีหรอก แต่เป็นเพราะสาเหตุอื่นใช่มั้ย?”

“ยังมีสาเหตุอะไรได้อีก?” สุรพลหน้าบึ้ง แววตา ค่อนข้างหมดความอดทนและไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด

เห็นแววตาหมดความอดทนของเขาแล้ว หัวใจของ หทัยรัตน์ยิ่งเหมือนถูกมีดกรีดทีละแผลๆ

เขารำคาญเธอ!

เขารำคาญเธอมาโดยตลอด ไม่ชอบเธอ ในใจของ เขา………

พอหทัยรัตน์นึกถึงเสียงร้องอนาถที่หลังจากพิงกี้ถูก ผลักแล้วหัวใจสับสนวุ่นวาย นาทีนี้ยังมาถูกสายตาที่เย็น ชาและรำคาญของสุรพลกระตุ้นอีก ทันใดนั้นยิ่งอารมณ์ ปรี๊ดแตกขึ้นมา ไม่แม้แต่จะคิดไตร่ตรองก่อนก็ตะคอกออก มาเลยว่า “ก็ไม่ใช่เพราะอรชุมาหรอ? คุณอาลัยอาวรณ์แต่ เธอ คุณนึกว่าฉันไม่รู้หรอ?”

อรชุมา?

ชื่อที่สามารถบอกได้ว่าเป็นชื่อต้องห้ามโผล่มาปุ๊บเขาลืมตาโตขึ้นมาทันที แววตาที่มองหทัยรัตน์เต็มไปด้วย ความเหลือเชื่อ

เห็นเขาที่เป็นแบบนี้ หทัยรัตน์รู้สึกทั้งเจ็บปวดใจและ เสียใจ

เธอหัวเราะเยาะเหมือนคนบ้า “คุณคิดไม่ถึงใช่มั้ย ที่ จริงฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าคุณกับอรชุมามีความสัมพันธ์อันลึก ซึ้งกัน!คุณยังจําวันที่คุณพ่ออายุครบห้าสิบปีได้มั้ย ฉันกับ พี่อรชุมามาร่วมงานวันเกิดที่บ้านหลังนี้กับคุณพ่อและคุณ แม่ ฉันนั่งเล่นอยู่ข้างนอกคนเดียว แต่คุณกลับเรียกตัวพี่ สาวไป? ก็คือวันนั้นแหละ ที่ฉันรู้ความสัมพันธ์ของพวก คุณ!”

เรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อน ถึงวันนี้มาย้อนคิดก็ยังจำได้ เหมือนเห็นภาพอยู่ตรงหน้าเลย

สุรพลหายใจติดขัด ดวงตาทั้งคู่จ้องจ้องหทัยรัตน์

อย่างโหด

“คุณไม่ให้ฉันมาที่ห้องลับ ทุกครั้งที่ฉันมาคุณก็ จะตะคอกใส่ฉัน แต่ทำไมอรชุมามาได้ล่ะ? สุรพล คุณ ลำเอียงเกินไปรึเปล่า? ฉันมาไม่ได้ แต่อรชุมามาที่นี่ได้ ไม่ เพียงเท่านี้ คุณยังมาแต๊ะอั๋งเธออยู่ที่นี่ มีอะไรกับเธออยู่ที่ นี่ เสียงนั้นดังจนฉันยืนอยู่ที่ชั้นล่างยังได้ยินเลย ตอนนั้นคุณก็คิดไม่ได้ว่าที่นี่คือห้องลับ ที่นี่คือที่ๆให้คุณมาระบาย อารมณ์หรอ? ”

หทัยรัตน์ตะคอกอย่างคลุ้มคลั่ง ราวกับว่าจะระบาย แผลในใจที่ซ่อนมาหลายสิบปีออกมา

“หทัยรัตน์ คุณหุบปากเดี๋ยวนี้!” สุรพหน้าเขียวหน้า

นี่เป็นเรื่องตั้งแต่สมัยหนุ่มๆแล้ว ผ่านมานานขนาดนี้ เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความเหลวไหลของสมัยหนุ่มๆจะถูก หทัยรัตน์เห็นและจำใส่ใจไว้แบบนี้

นี่ทําให้เขาโกรธมาก

เขาเปิดปากพูดด้วยเสียงหนักหน่วง “ผมกับอรชุมา เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งก็จริง แต่ว่า ตั้งแต่แต่งงานกับ คุณผมก็ไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อคุณเลยสักครั้ง!

“ไม่ผิดต่อฉัน?” หทัยรัตน์หัวเราะขมขื่น “ถ้าไม่ใช่ เครื่องบินลำที่อรชุมานั่งเกิดอุบัติเหตุ คนที่แต่งงานกับคุณ ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอใช่มั้ย?

“เรื่องนี้ผมไม่ปฏิเสธ เพราะยังไงซะคนที่ผมรักมา ตลอดก็คืออรชุมา ไม่ใช่คุณ ที่ผมกับอรชุมาห้ามใจกันไม่ได้ก็เพราะผมตัดสินใจตั้งนานแล้วว่าจะแต่งงานกับเธอ คู่ ครองที่ผู้ใหญ่ตกลงกันว่าจะให้ผมแต่งงานด้วยก็คือเธอ ระหว่างเราไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆทั้งสิ้น.. .ตอนนั้นผมรัก เธอ ไม่ได้ลำเอียงกับคุณเลยแม้แต่นิด แต่ว่า ในเมื่อคุณ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ