คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่403: จุดประสงค์ของหทัยรัตน์



บทที่403: จุดประสงค์ของหทัยรัตน์

หทัยรัตน์ มาลาตี

หยุดฝีเท้าไว้ที่หน้าห้อง พิงกี้เห็นทั้งสองที่คุยกัน ถูกคอและมีความสุขแล้ว ขมวดคิ้วไว้แน่น

ผู้หญิงสองคนนี้ถึงแม้คนนึงคือแม่ในนามของ เธอ คนนึงคือแม่สามีในนามของเธอ แต่ความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับทั้งสองไม่ดีเลย สามารถบอกได้ว่าถึงขั้น เลวร้ายเลยด้วยซ้ำ………พวกเธอมาโผล่อยู่นี่ได้ยังไง?

แถมมาพร้อมกันทั้งสองคนด้วย นี่คือนัดเอาไว้แล้ว

ใช่มั้ย?

หทัยรัตน์เห็นเธอยืนอยู่ที่หน้าห้อง ทันใดนั้นก็เดิน มาหาเธอด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงแฝงด้วยการเอาใจ “หนู พิงกี้ ฉันมาดูหลาน เธอคงไม่ถือสาใช่มั้ย?

ขาของมาลา ไม่สะดวก จึงเป็นฝ่ายเดินมาที่ ตรงหน้าของพิงกี้เหมือนหทัยรัตน์ไม่ได้ แต่รอยยิ้มบน ใบหน้าร่าเริงยิ่งกว่าของหทัยรัตน์เสียอีก “ช่วงนี้ลูก กับเควินงานเยอะ แม่พักอยู่ที่โรงพยาบาลก็เปลืองเงิน เปล่าๆ เลยอยากมาช่วยลูกเลี้ยงหลาน แม่สามีลูกก็ คิดถึงหลานพอดี เราจึงนัดและมาพร้อมกันน่ะ”

ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย คึกคักจะแย่อยู่แล้ว

พิงกี้แอบเชอะ~อยู่ในใจ
ไม่ว่าในใจคิดยังไง แต่เธอก็จะแสดงออกมาว่าไม่ ต้อนรับผู้หญิงสองคนนี้ไม่ได้ ไม่งั้นก็เท่ากับว่าไม่ไว้ หน้าเควินเลย ไม่แน่ยังอาจจะทำให้ระหว่างเธอกับเควิน เกิดเรื่องขัดแย้งก็ได้

เพราะอย่างไรซะ เรื่องที่หทัยรัตน์เคยทำกับเธอ ในก่อนหน้านั้น เพราะสุรพลจัดการได้ดีมาก เลยปิดบัง เควินนมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้เควินก็ยังไม่รู้เรื่องเลย นึกว่าหทัยรัตน์เป็นแม่ที่อ่อนโยนและมีเมตตามาโดย ตลอด

เควินกลับมาปุ๊บก็ไปที่ห้องอ่านหนังสือ บอกว่า มีเรื่องงานต้องจัดการ ตอนนี้พิงกี้จึงต้องแบกรับด้วย ตนเอง

ในห้อง หทัยรัตน์กับมาลาตีล้วนมองเธอด้วย สายตาที่เป็นมิตรไมตรีมากพยาบาลก้มหน้ายืนอยู่ข้างๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก มีแต่น้องแอ๊ปเปิ้ลที่ไม่รู้เรื่องอะไร เลยพยายามหัดคลานอยู่บนพรม ไม่รู้สึกถึงกลิ่นไอที่ แปลกประหลาดของในห้อง

พิงกี้มองน้องแอ๊ปเปิ้ลที่สวมใส่ชุดเสือโคร่งน้อย แล้ว เธอก็เผยรอยยิ้มออกมา “จะถือสาได้ยังไงคะ? ยากที่คุณสองคนจะได้มา ฉันต้องต้อนรับอยู่แล้วค่ะ นี่ ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ฉันให้ป้ามะลิเตรียมกับข้าวเพิ่มอีก หน่อย ถ้าคุณทั้งสองไม่รังเกียจกับข้าวที่นี่ธรรมดา งั้น เดี่ยวเชิญทานข้าวด้วยกันนะคะ”
พอใบหน้าเธอมีรอยยิ้มขึ้นมา บรรยากาศของห้อง ก็ผ่อนคลายลงทันที

“ไม่ถือสาจร้า ไม่ถือสา ” หทัยรัตน์รีบส่ายหัว แวว ตาแฝงด้วยความเซอร์ไพรส์

ส่วนมาลาตี ก็ย่อมไม่มีความคิดเห็นอยู่แล้ว

พิงกี้ไม่รู้ว่าในใจของสองคนนี้ซ่อนแผนอะไรไว้ แต่ขอแค่พวกเธอไม่ทำเรื่องที่มันเกินเลย ถ้าภายใต้ สถานการณ์ที่สามารถไม่ฉีกหน้ากันได้ เธอก็ขี้เกียจที่ จะไปฉีกหน้ากับพวกเธอ

ทะเลาะวิวาทกันก็กระทบกับอารมณ์ อารมณ์ของ เธอก็สำคัญมากนะ

พิงกี้ปัดความคิดที่อยู่ในสมองทิ้ง พบว่าน้อง แอ๊ปเปิ้ลกำลัง“อ๊าๆ” เรียกเธออยู่

น้องแอ๊ปเปิ้ลที่สวมใส่ชุดเสือโคร่งน้อยท่าทาง กำยำและน่าเอ็นดู ใบหน้าที่กลมดิ๊กขาวอมชมพู ดวงตา แวววาวเหมือนองุ่นที่เพิ่งผ่านการชำระล้างมาจาก น้ำแร่ มือเล็กๆขาวๆอ้วนๆของเขาใช้แรงยันอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าจะคลานมาหาเธอ เขาเพิ่งจะไม่กี่เดือนเอง ดังนั้นท่าทางยังไม่ค่อยคล่องแคล่ว ได้แต่ตบที่พื้นด้วย ความโกรธ
ลูกชายตัวเองช่างน่ารักน่าชังจริงๆ

ลูกชายอยากให้อุ้ม พิงกี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที อย่างห้ามใจไม่ได้

ยื่นมืออุ้มน้องแอ๊ปเปิ้ลขึ้นมา น้องแอ๊ปเปิ้ลที่คึก คะนองถูกแม่อุ้มอยู่ในอ้อมอก เธอจับแก้มของเขาไปที และหอมที่แก้มทั้งสองข้างของเขา หอมจนแก้มของเขา มีแต่น้ำลาย

“เจ้าตัวแสบ”

พิงกี้จนปัญญาและด่าด้วยรอยยิ้มคำนึง แตะไปที่ จมูกของน้องแอ๊ปเปิ้ล ทันใดนั้นน้องแอ๊ปเปิ้ลยิ่งหัวเราะ อย่างมีความสุขใหญ่เลย นึกว่าพิงกี้กำลังเล่นกับเขา อยู่ เขาคึกคะนองจะแย่อยู่แล้ว

ภาพที่อบอุ่นนี้หล่นอยู่ในสายตาของหทัยรัตน์ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉา มีใจอยากจะพูด คุยกับพิงกี้สักสองสามคำ แต่พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเคย ทำแล้ว ก็ได้สูญเสียความกล้าหาญที่จะเข้าใกล้เธอ

ส่วนมาลาตีที่นั่งอยู่บนรถเข็น แววตากลับเหมือน ครุ่นคิดอะไรอยู่ ใครก็ดูไม่ชัดว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ตอนเที่ยง ป้ามะลิเตรียมอาหารเลิศหรูไว้เต็มโต๊ะ

พิงกี้ไปเรียกเควินที่ห้องอ่านหนังสือด้วยตนเอง เธอคิดอยากจะพูดอะไรกับเขาสักหน่อย แต่พอเห็นเค วินมีสีหน้าตึงเครียด เธอเดาออกว่าเขาคงจะเครียดกับ งานในช่วงนี้ คำพูดที่ใกล้จะออกมาจากปากก็ได้กลืน ลงไปที่ลำคอ

การร่วมรับประทานข้าวมื้อนี้ ถือว่าผ่านไปอย่าง ราบรื่น

ไม่มีใครก่อเรื่องอะไรขึ้นมา ไม่บอกว่าทั้งแขกและ เจ้าของบ้านต่างก็มีความสุขกันมาก แต่อย่างน้อยก็ไม่รู้ สึกอึดอัดก็แล้วกัน

หลังจากทานข้าวเสร็จ มาลาตีก็สังเกตเห็นว่าหทัย รัตน์มีเรื่องจะคุยกับพิงกี้ เธอจึงบอกว่าตัวเองจะขอตัว กลับก่อนอย่างดูสถานการณ์เป็น พิงกี้เรียกคนขับให้ ไปส่งมาลาตี พอกลับมาอีกทีก็เห็นหทัยรัตน์ที่สีหน้ายิ้ม แย้มเดินมาหาเธอ

สุภาษิตกล่าวไว้ว่า “อย่าตีคนยิ้ม” ยิ่งไปกว่านั้น หทัยรัตน์เป็นแม่ของเควิน ถึงก่อนหน้านั้นจะทำเรื่องชั่ว มาเยอะ แต่หทัยรัตน์เป็นบุพการีของเควิน สายเลือดยัง ไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก

ถึงแม้นิสัยของพิงกี้ไม่ถึงขั้นอ่อนโยน แต่ก็ไม่หยิ่งผยอง ยิ่งไม่ใช่คนที่เอะอะโวยวายไร้เหตุผล เธอไม่มี หน้าให้เควินเลือกระหว่างเธอกับหทัยรัตน์หรอก เธอเอง ก็ไม่อยากทำให้เควินลำบากใจเหมือนกัน นาทีนี้เผ็ชญ กับเหตุการณ์แบบนี้ เธอก็ได้แต่เก็บนิสัยที่การไม่ยอม คนของเธอเอาไว้

“ที่คุณหญิงมาในวันนี้คือ มีเรื่องอะไรจะมอบหมาย ให้ฉันหรือเปล่าคะ?” พิงกี้ถามด้วยรอยยิ้ม และนั่งลง บนโซฟา

น้องแอ๊ปเปิ้ลถูกพยาบาลอุ้มขึ้นชั้นบนไปแล้ว นาที นี้ห้องรับแขกก็เหลือแค่พิงกี้กับหทัยรัตน์ มีอะไรอยาก จะพูด ตอนนี้ถือเป็นโอกาศดีเลย

“ไม่ๆๆ ไม่ได้มีเรื่องอะไรจะมอบหมายให้ เธอ……ฉันก็แค่มาเที่ยวหาเธอกับเควิน และอยากมา เล่นกับหลาน ไม่ได้จะมาสร้างปัญหาให้กับพวกเธอนะ”

ความชอบบีบบังคับในตัวของหทัยรัตน์น้อยลงไป แต่ได้เปลี่ยนมาเป็นความใกล้ชิดและสนิทสนมกัน มาก แต มากขึ้น แต่น้ำเสียงที่จงใจซอฟลงแบบนี้ยิ่งทำให้พิงกี้ รู้สึกต้องระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น

เธอไม่รู้ว่าหทัยรัตน์อยากทำอะไรกันแน่?

หรือว่าจะมาเที่ยวหาจริงๆ มาส่งมอบความรักนั้น หรอ? อย่าล้อเล่นหน่อยเลย ตอนที่เธอท้องถูกหทัยรัตน์ผลักไปทีนึง อีกนิดเดียวเธอกับลูกก็จะตายอยู่ในน้ำมือ ของหทัยรัตน์แล้ว ตอนนี้หทัยรัตน์ทำหน้า “เปลี่ยนจาก คนชั่วมาเป็นคนดี” แบบนี้ เธอก็ต้องเชื่อหทัยรัตน์งั้น หรอ ?

เธอทำไม่ได้จริงๆ

เนื่องจากในใจความคิดแบบนี้ พิงกี้ก็ได้แต่พูด อ้อมค้อมกับหทัยรัตน์ “คุณมาเที่ยวหาพวกเรา พวกเรา ยินดีมากๆค่ะ เหอะๆ

“ตอนกลางคืนแอ๊ปเปิ้ลงอแงมั้ย? ดื้อหรือเปล่า?”

“ไม่งอแงค่ะ ”

“อ๋อ….ช่วงนี้ร่างกายของเควินเป็นยังไงบ้าง? พอเข้าหน้าร้อนทีไร เขาชอบร้อนในทุกที แต่ว่าต้มน้ำ เก๊กฮวยให้เขาดื่มก็สามารถแก้ร้อนในได้แล้ว ไม่ต้องไป พึ่งยาแก้ร้อนในโดยเฉพาะหรอก ขึ้นชื่อว่ายายังไงก็มี ทั้งคุณและโทษ กินเยอะก็ไม่ดีเหมือนกัน”

“ค่ะ”

“แล้วช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? ก่อนหน้านั้นฉันจำ ได้ว่าเธอเคยไลฟ์สดเกมส์ ตอนนี้ยังไลฟ์สดอยู่มั้ย?”

“ไม่ได้ทำแล้วค่ะ”
“ช่วงนี้ถ้าไม่ยุ่ง ก็สามารถทำเล่นๆแก้เบื่อได้นะ ถ้า เธอรู้สึกเบื่อแต่ไม่อยากทำงาน หรือเอางี้ไหมให้ฉันไป เดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อนเธอ เธอชอบอะไรฉันจะซื้อให้หมด เลย ก่อนหน้านั้นไม่ได้ให้ของขวัญเจอหน้าครั้งแรกกับ เธอสักที ฉันก็อยากหาเวลามาชดใช้ให้เธอพอดีเลย”

“คุณผู้หญิงเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ”

หทัยรัตน์พยายามหาเรื่องคุยอยู่ตลอดเวลา พูด ตั้งแต่เรื่องของน้องแอ๊ปเปิ้ลถึงเควิน แล้วจากเควินก็พูด มาถึงตัวพิงกี้ พูดจนเธอปากเปียกปากแฉะ แต่พิงกี้กลับ มีสีหน้าเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลา

พอนานเข้า หทัยรัตน์ก็ท้อแท้และพ่ายแพ้แล้ว

“พิงกี้ เธอยังโกรธฉันอยู่ใช่มั้ย?”

“ห้า?” พิงกี้ลืมตาโตด้วยความแปลกใจ ความ ตะลึงนี้ไม่ใช่เสแสร้งแน่นอน แต่คำพูดก็ยังมิดชิดไม่มี ช่องโหว่เลย “ฉันจะโกรธคุณหญิงได้ยังไงคะ? คุณ หญิงเป็นอาวุโส ฉันไม่กล้าโกรธคุณหญิงหรอกค่ะ”

ไม่ใช่ไม่โกรธ แต่คือไม่กล้าโกรธ

ความแตกต่างของคำพูดนี้ ในฐานะที่เป็นคนมี เล่ห์เหลี่ยม หทัยรัตน์ก็ฟังออกแล้ว
พูดตามตรง ตอนนี้เธอเสียใจมาก

ก่อนหน้านั้นเหมือนถูกผีเข้าอย่างไรอย่างนั้นที่ รู้สึกพิงกี้ไม่คู่ควรกับเควิน เธอจึงไม่ชอบขี้หน้าพิงกี้ แม้ กระทั่งต่อมาหทัยรัตน์เพราะอิจฉา พยาบาทพี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับลูกในท้องของพิงกี้ ทำ เรื่องที่ยากแก่การให้อภัย…….

แต่ว่า เธอเสียใจจะแย่อยู่แล้วจริงๆ!

เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป เหมือนถูกล้างสมอง อย่างไรอย่างนั้น เรื่องที่ทำไปในตอนนั้น พอตอนนี้เธอ คิดแล้วยังรู้สึกเลวระยำสิ้นดีเลย

ทำไมเธอถึงปลงไม่ตกขนาดนี้นะ?

ทั้งๆที่ชีวิตก็อยู่อย่างเป็นสุขมาก ถึงแม้สามีไม่ได้ เป็นมิตรกับเธอมาก แต่เขาก็ไม่เคยไปมีผู้หญิงที่นอก บ้านเลย หลายปีมานี้ก็ถือว่าดีกับเธอแล้ว ถึงตัวเองไม่ สามารถมีลูกได้ แต่เควินที่ถูกเธอเลี้ยงดูมาเหมือนลูก แท้ๆ ไม่เคยรู้ฐานะที่แท้จริงของตัวเองมาโดยตลอด เขา รักและเคารพเธอเหมือนแม่แท้ๆมาก ตอนเด็กๆยังติด เธองอมแงมเลย ถึงแม้โตขึ้นความสัมพันธ์จะไม่ได้ใกล้ ชิดสนิทสนมเหมือนสมัยเด็กๆ แต่ลูกบ้านอื่นก็เป็นแบบ นี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

ส่วนพิงกี้ ที่จริงขอแค่เป็นคนที่เควินชอบ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นพิงกี้หรือไม่ เธอที่ฐานะผู้เป็นแม่คนนึง ไม่มีทางไปบงการความคิดของเควินได้ เธอไม่ควรที่จะ ก้าวก่ายด้วยซ้ำ

พูดไปพูดมา เดิมทีในมือเธอถือไพ่ดีแท้ๆ แต่กลับ ถูกเธอเล่นจนเละเทะไปหมด

ตอนนี้สามีเย็นชากับเธอกว่าเมื่อก่อนเยอะ ทั้งสอง อยู่บ้านเจอหน้ากันก็ยังไม่พูดคุยกันเลย เรียกบ้าน แต่ กลับเหมือนสุสานที่เยือกเย็นมากกว่า ถึงแม้ลูกชายจะ ไม่รู้เรื่องเลย แต่ลูกสะใภ้มีอคติกับตัวเอง กว่าจะมีหลาน ให้อุ้มไม่ใช่ง่ายๆ ทำให้เธออยากเจอหน้าหลานก็ไม่กล้า มาเลย

บาปกรรมที่ตนเองก่อไว้เอง ได้รับก็สมควรแล้ว

ตอนนี้หทัยรัตน์อยากลดตัวลงมาขอปรองดองกัน ถึงพบว่าไม่ใช่ว่าเธออยากคืนดี พิงกี้ก็จะยอมยกเลิก ความแค้นแล้วไม่ถือสาเรื่องที่ผ่านมาได้ ถ้าเธออยาก หลอกลวงให้มันผ่านๆไป งั้นพิงกี้ก็คงจะยิ่งไม่ยอมรับใน ตัวเธอแล้ว

คิดอยู่ในใจเยอะมาก หทัยรัตน์ถอนหายใจทีนึง และกุมมือของพิงกี้ไว้ พร้อมกล่าวขอโทษอย่างจริงจัง “พิงกี้ ก่อนอื่นฉันต้องกล่าวขอโทษกับเธอก่อนนะ”

พิงกี้ยักคิ้วขึ้น ที่นี้ยิ่งตะลึงเข้าไปใหญ่เลย
เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างนึง

นี่คงไม่ใช่เสแสร้งทำเป็นคนดี แต่ในใจกลับซ่อน แผนชั่วร้ายมั้ง?

แต่ว่า คำพูดต่อมาของหทัยรัตน์ กลับทำให้พิงกี้ เองก็จริงจังขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

“ฉันรู้ว่าก่อนหน้านั้นฉันทำผิดไปเยอะมาก ไม่ เพียงแต่ทำร้ายเธอ แถมเกือบจะทำร้ายแอ๊ปเปิ้ลด้วย ตอนนี้ฉันเองก็เสียใจมาก จริงๆนะแน่นอน ฉันก็รู้อยู่ ว่าตอนนี้ถ้าฉันบอกกับเธอว่าฉันกลับตัวได้แล้ว ต่อไป อยากเข้าหากับเธอดีๆและเป็นแม่สามีที่ดีคนนึง เธอต้อง ไม่เชื่อฉันแน่นอน แต่ฉันหวังว่าเธอจะให้โอกาศฉันสัก ครั้ง ให้ฉันมีโอกาศได้ชดใช้กับความผิดที่เคยทำกับเธอ จะได้มั้ย?”

“นี่……” เดิมทีพิงกี้ยังอยากเชอะใส่ แต่พอสบตา กับดวงตาที่จริงใจของหทัยรัตน์ หัวใจของเธอก็หวั่น ไหวอย่างควบคุมไม่ได้

รู้สึกเหมือน…..หทัยรัตน์จริงจังนะ?

งั้นเธอ จะให้อภัยหทัยรัตน์มั้ย?

ในขณะที่พิงกี้กำลังลังเลอยู่ จู่ๆมีเสียงทุ้มต่ำแทรก คำสนทนาของทั้งสอง ถามด้วยความสงสัย “ก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นครับ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ