คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่455:ปรึกษาอาการป่วย



บทที่455:ปรึกษาอาการป่วย

หัวใจอัดแน่น ร่างกายก็อัดแน่นเช่นกัน

ตั้งแต่สาวน้อยของเขาเสนอนัดนัดเดทกับเขาตอน กลางคืนด้วยความเก้อเขิน ช่วงล่างของเควินก็คับแน่น จนรู้สึกว่ากางเกงเล็กไปไซส์หนึ่งเลย……….

เขาค่อนข้างที่จะควบคุมได้ยากจริงๆ

หลับตาลงและหายใจลึกๆทีหนึ่ง เควินรู้สึกอารมณ์ ที่ตื่นเต้นและเร่าร้อนของโลกทั้งใบถูกยัดเข้ามาใน ร่างกายของเขาหมด แรงกระตุ้นที่เต็มจนใกล้จะเอ่อ ล้นออกมา ทําให้เขาที่แต่ไหนแต่ไรมาก็เยือกเย็นและ ควบคุมเอาไว้ ก็ค่อนข้างที่จะควบคุมไม่อยู่แล้ว

เวลาเก้าโมงเช้าเป็นช่วงที่ผู้คนเดินทางไปทำงาน ทำให้บนถนนรถติดมากเป็นพิเศษ

เควินใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งถึงมาถึงที่คลีนิกของ จงเจต หนึ่งชั่วโมงครึ่งนี้แทบจะเผาผลาญความอดทน ของเขาไปจนหมดสิ้น อย่าให้พูดเลยว่าทรมานมากแค่ ไหน

ดีที่ความทรมานทั้งหมดได้ละลายไปหมด หลัง จากที่ได้เจอสาวน้อยของเขา

ภายใต้แสงอาทิตย์ที่แจ่มใสและอบอุ่น ผู้หญิงที่ สวมใส่ชุดเดรสสีเหลืองยืนอย่างสงบ ผมที่เงางามยาวสลวยทิ้งตัวอยู่ด้านหลัง บนตัวไม่มีเครื่องประดับใดๆทั้ง สิ้น แต่แค่หน้าตาที่สวยสดงดงามดั่งภาพวาดของเธอ ก็ ดึงดูดความสนใจของคนได้มากมายแล้ว

ยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้ชาย

พิงกี้ไม่ได้อยู่ในคลีนิกของจงเจต แต่ยืนอยู่หน้าตึก เควินยังไม่ได้ขับรถเข้าไปในลานจอดรถชั้นใต้ดิน ก็ เห็นเธอก่อนเป็นอันดับแรกแล้ว

เห็นรถมายบัคสีดำที่คุ้นเคยมาถึง พิงกี้รีบเดินไป

“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”เควินลงจากรถ และเปิด ประตูให้พิงกี้เข้าไปนั่งฝั่งข้างคนขับ

ทั้งๆที่อารมณ์ตื่นเต้นมาก แต่ก็ไม่อยากแสดงออก มาให้เห็น ได้แต่แสร้งทำเป็นหนักแน่และอมยิ้ม “อดใจ รอไม่ไหว อยากเจอผมจะแย่แล้วใช่มั้ย?

…ใช่ค่ะ” พิงกี้ยิ้มอ่อนๆ

ที่จริงก่อนหน้านั้นไม่รู้สึกอะไร แต่พอคิดได้อย่าง กระทันหัน หลังจากโทรหาเควิน ความเร่าร้อนที่ถูกเธอ ลืมไปนานก็ได้โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว

เธอยืนอยู่ที่นี่ก็คืออยากรอเขา อยากเจอหน้าเขา

เร็วๆ“เราไปทานข้าวตอนนี้เลยมั้ย?” เควินพูด

ทานข้าวเสร็จ กลับบ้านก็สามารถทำอะไรสัก หน่อยแล้ว

ไม่ ถึงแม้ไม่ทำอะไรเลย แค่ได้อยู่ด้วยกันและตัว ติดกัน มองดูสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าซบอยู่ในอ้อมอกเขา เขาสามารถอดทนเพิ่มอีกวันหนึ่งก็ได้

แต่แล้ว เพิ่งถามคำถามนี้ออกมา เขาก็รู้เลยว่าตัว เองได้ถามคำถามโง่ๆออกมา

ตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงครึ่ง ทานข้าวเช้าก็สายไป ทานข้าวเที่ยงก็เช้าไป

ที่จริง เขาก็แค่อยากอยู่กับเธอเฉยๆ

ไม่อยากถูกจงเจตรบกวน

“ฉันนัดกับคุณหมอจงเจตไว้แล้ว ไปพบสักหน่อย ดีกว่าค่ะ” พิงกี้ยิ่งยิ้มอย่างร่าเริง แววตามีรอยยิ้มที่เจ้า เล่ห์แว๊บเข้ามา “อีกอย่าง ไหนๆคุณก็รอมานานขนาดนี้ แล้ว ก็คงไม่แคร์เวลาแค่นี้หรอก ใช่มั้ยคะ?

ไม่ใช่!

แคร์มาก!
เควินสะกดเสียงเรียกร้องของในใจไว้ และพยัก หน้าอย่างสงบนิ่ง “แน่นอน ผิดสัจจะไม่ใช่เรื่องดีเลย

สีหน้าที่เป็นธรรมชาตินี้ ราวกับว่าคนที่บอกว่าจะ ไปทานข้าวโดยตรงในเมื่อกี้ ไม่ใช่เขาเลย

พิงกี้เสมองไปทางอื่นและขำกร๊ากกกออกมา

รถได้ขับเข้ามาในลานจอดชั้นใต้ดิน พิงกี้ลงจาก รถและเดินเข้าลิฟท์พร้อมเควิน

ยืนอยู่ในลิฟท์ เดิมทีพิงกี้อยากกุมมือของเควิน แต่ พอนึกถึงเวลาที่เขาอยู่ข้างนอก จะมีสีหน้าเคร่งขรึม และใจเย็นมาโดยตลอด ภาพลักษณ์ของเขาจะเขียนไว้ ว่า“อยู่ห่างจากคนพันลี้ อยู่เสมอ ทันใดนั้นเธอมีความ ลังเลไม่อยากทำลายภาพลักษณ์ของเขา

อยากจูงมือ แต่ก็รู้สึกเก้อเขิน

พิงกี้ยื่นมือออก ตอนที่ใกล้สัมผัสโดนมือของ ผู้ชายก็ได้หยุดเอาไว้อีก ทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึก สนุกกับมันจึงไม่รู้จักเหนื่อย เหมือนตัวเองกำลังเล่น เกมส์อยู่

พักนี้เธอไม่ยอมพูดจา แต่ในสมองมีเรื่องมากมายอยู่ตลอดเวลา เธอจมปลักอยู่แต่ในโลกส่วน ตอนนี้ เหมือนก็ยังรักษาความเคยชินแบบนี้ไว้อีกเช่นเคย

เควินมองกระจกที่อยู่ตรงหน้าที่หนึ่ง ราคาแผ่น ด้วยความจนปัญญา

พิงกี้นึกไม่ถึง เธอยังลังเลไม่เสร็จ ฝ่าฝือใหญ่ของ ผู้ชายก็ห่อหุ้มมือของเธอไว้แล้ว

“อยากจูงก็จูง ไม่ต้องกลั้นไว้

เสียงทุ้มต่ำของเควินดังขึ้น พิงกี้เงยหน้าขึ้นมามอง ถึงพบว่าท่าทางเล็กๆของตัวเองล้วนหล่นอยู่ในสายตา เขาผ่านกระจกของรอบๆแล้ว ทันใดนั้นเธอหน้าแดงขึ้น มาเล็กน้อย

“เดี๋ยวมีคนเห็นนะคะ” เธออายเล็กน้อย

“ผมจูงมือภรรยาของผม ไม่กลัวที่จะถูกคนมอง

เห็นหรอก”

หึม?

“จูงมือของผู้หญิงคนอื่นสิ ถึงเสื่อมเสียภาพ

ลักษณ์ของผม

.อ๋อ” พิงกี้รู้สึกดีใจ
เดินมาถึงที่หน้าคลีนิกของจงเจต ทันใดนั้นก็มีเจ้า หน้าที่เดินมาเปิดประตูและถามด้วยมารยาท “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้นัดกับคุณหมอไว้ล่วงหน้าหรือเปล่าคะ?”

“เรามาหาจงเจต” เควินพูด

“อ๋อ…..ทั้งสองท่านคือคุณเควินกับคุณพิงกี้ใช่มั้ย คะ?” เจ้าหน้าที่รีบเปลี่ยนมาเป็นมิตรไมตรีขึ้น เห็นได้ ชัดว่าจงเจตคงบอกไว้ล่วงหน้า เธอเดินนำทางและพูด อย่างไว “ทั้งสองท่าน เชิญค่ะ’

เข้ามาที่ออฟฟิศของจงเจต พูดทักทายเสร็จ เควิน ก็ถอยออกไปจากห้องอย่างเอาใส่ใจ เหลือช่องว่างให้ พิงกี้

หาโซนสูบบุหรี่ เขาจุดบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่ง

ดูแล้วสงบนิ่ง แต่นี่เป็นแค่ความเคยชินของเขาใน หลายปีนี้จึงทำให้ดูเหมือนว่าสงบนิ่ง ตอนนี้เขาก็ได้แต่ อาศัยการกระตุ้นของบุหรี่มากดความกระวนกระวายใจ ที่หนักหน่วงนั้นไว้

หลายวันมานี้ อารมณ์ของพิงกี้เปลี่ยนแปลงมาใน ทางที่ดีอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ได้ผ่านการวิเคาระห์ของ ผู้เชี่ยวชาญ เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี

พิงกี้เข้าไปได้สองชั่วโมง เควินก็รออยู่ที่ด้านนอกสองชั่วโมง

หลังจากออกมา พิงกี้ได้ไปเข้าห้องน้ำ วินาทีต่อ มาเควินก็ล็อคเป้าไปที่จงเจตที่ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ ความเยือกเย็นของแววตาเกือบจะทำเอาเขาตกใจจน เหงื่อท่วมหัวเลย

“อาการเป็นไงบ้าง?” ดูเหมือนจะรู้สึกว่าอารมณ์ ของตัวเองมันมากเกินไปหน่อย เควินจึงถามด้วยเสียง ทุ้มต่ำ

แต่ว่า บนตัวเขากลับเขียนไว้ว่า “ฉันไม่อยาก ได้ยินข่าวร้าย” เต็มไปหมด

จงเจต “

“ตกลงอาการเป็นยังไงกันแน่?”

เพราะเป็นห่วงเกินเหตุจึงเกิดความความใจร้อน ใน วินาทีที่จงเงียบ เควินก็รู้สึกความอดทนที่ตัวเองรู้สึก ภาคภูมิใจมาโดยตลอดได้จางหายไปในพริบตา แทบ อยากจะฉีกสมองของจงเจตออกแล้วดูความคิดของเขา เอง

“คุณเควิน คืออย่างนี้ครับ…..…… อาการของพิงกี้ ค่อนข้างที่จะซับซ้อนก็จริง คิดไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง จง เจตเปิดปากพูดอีก “เมื่อกี้ผมได้คุยกับคุณพิงกี้ไปพักหนึ่ง พบว่า…….……….”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ