คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่540: แลกเปลี่ยนตัวประกัน



บทที่540: แลกเปลี่ยนตัวประกัน

“หุบปาก!” เควินยกเท้ากระทืบไปที่พายุ สีหน้าแฝงด้วยความโกรธ น้ำเสียงทั้งเย็นชาและ ซีเรียส เห็นได้ชัดว่าโกรธแล้ว

สำหรับเรื่องที่วันนี้พายุดึงพิงกี้เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาแสดงออกว่าไม่พอใจอย่างยิ่ง

แต่ว่าปฎิกิริยาของเขา ได้ทำให้พิงกี้แน่ใจกับ การคาดเดาของตัวเอง

คนๆนี้คือใคร?

แทบจะแค่พริบตาเดียว สมองของพิงกี้แล่นขึ้น

ร่างกายของเธอทั้งเหนื่อยทั้งอ่อนเพลีย เพราะ เมื่อกี้ได้ออกกำลังกายหนักโดยการเดินขึ้นบันได เธอยังอ้าปากสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ แต่ดีที่ไม่กระทบ กับเธอใช้สมอง

คนข้างกายสำคัญของเธอ คนแรกเลยคือเควิน จากนั้นก็น้ำหวาน เตชิต มานพ…..ยังมีพายุ สายฟ้า คนพวกนี้ล้วนแต่ถือว่าเป็นเพื่อนของเธอทั้งนั้น

ใครกันแน่?
ถูกเควินกอดไว้ในอ้อมอก พิงกีแอบมองไปยัง ทิศทางที่คนๆนั้นอยู่ แต่เธอเพิ่งเหร่ตามอง เควินก็ เอาศีรษะเธอยัดเข้ามาในอ้อมอก เสียงทุ้มต่ำออก คำสั่ง “หลับตาลง ห้ามดู! ”

“เจ้านายครับ! ” พายุลุกขึ้นมาจากพื้น ถึง จะเกร็งกลัวบารมีของเควิน แต่ก็พูดอย่างไม่พอใจ “เจ้านายก็รู้นี่ครับ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ มีแค่ คุณผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถพูดโน้มน้าวให้คนๆนั้น ปล่อยตัวประกัน!”

“นายเงียบไปเลย!

“ผมไม่เงียบครับ! ตอนนี้คนของเราได้ล้อม คนขององค์กรSCไว้ที่ตึกนี้หมดแล้ว หรือว่าเพราะ ในมือพวกเขามีตัวประกันคนเดียว เราก็จะทิ้งความ พยายามทั้งหมดของก่อนหน้านั้นเหรอครับ? อีก อย่าง เจ้านายจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันจะไม่เสียสติพา ตัวประกันโดดตึกด้วย? เมื่อก่อนเจ้านายไม่ใช่คน แบบนี้นี่ครับ หรือว่าตอนนี้สำหรับเจ้านายแล้ว ความ สัมพันธ์ส่วนตัวสำคัญกว่าชีวิตของผู้บริสุทธิ์เหรอ ครับ?”

พูดถึงสุดท้าย พายุตะโกนขึ้นมา ถึงขั้นจง เกลียดจงชัง
ถูกเควินกอดไว้ในอ้อมอก พิงกีแอบมองไปยัง ทิศทางที่คนๆนั้นอยู่ แต่เธอเพิ่งเหร่ตามอง เควินก็ เอาศีรษะเธอยัดเข้ามาในอ้อมอก เสียงทุ้มต่ำออก คำสั่ง “หลับตาลง ห้ามดู! ”

“เจ้านายครับ! ” พายุลุกขึ้นมาจากพื้น ถึง จะเกร็งกลัวบารมีของเควิน แต่ก็พูดอย่างไม่พอใจ “เจ้านายก็รู้นี่ครับ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ มีแค่ คุณผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถพูดโน้มน้าวให้คนๆนั้น ปล่อยตัวประกัน!”

“นายเงียบไปเลย!

“ผมไม่เงียบครับ! ตอนนี้คนของเราได้ล้อม คนขององค์กรSCไว้ที่ตึกนี้หมดแล้ว หรือว่าเพราะ ในมือพวกเขามีตัวประกันคนเดียว เราก็จะทิ้งความ พยายามทั้งหมดของก่อนหน้านั้นเหรอครับ? อีก อย่าง เจ้านายจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันจะไม่เสียสติพา ตัวประกันโดดตึกด้วย? เมื่อก่อนเจ้านายไม่ใช่คน แบบนี้นี่ครับ หรือว่าตอนนี้สำหรับเจ้านายแล้ว ความ สัมพันธ์ส่วนตัวสำคัญกว่าชีวิตของผู้บริสุทธิ์เหรอ ครับ?”

พูดถึงสุดท้าย พายุตะโกนขึ้นมา ถึงขั้นจง เกลียดจงชังน้อยลงจากก่อนหน้านั้น แต่ฟังแล้วกลับทำให้คนยิ่ง กลัวจนตัวสั่น

นี่คือความเย็นชาอย่างหนึ่ง

เย็นชาเข้ากระดูกดำ!

ถูกแววตาที่เยือกเย็นของเควินจ้องเอาไว้ พายุ สูญเสียแรงหนุนในการโกรธ จู่ๆยืนห่างออกไป ประมาณหนึ่งเมตรอย่างเหงาหงอยเศร้าซึม และก้ม ศีรษะไว้

เงียบไปสักพัก เขาเปิดปากพูดอย่างดื้อรั้น “เจ้านายครับ นี่ไม่ยุติธรรมเลย”

เขาไม่อยากไปจากหน่วยสืบลับ!

ออกจากหน่วยสืบลับเพราะสาเหตุนี้ ทำให้เขา

ยิ่งคิดไม่ตก!

“นายคิดว่าฉันไม่ยุติธรรมกับนาย ไม่ยุติธรรม กับตัวประกันที่ถูกจับตัวไว้ งั้นฉันขอถามนายหน่อย มันยุติธรรมกับพิงกี้เหรอ? ก็เพราะเธอเป็นภรรยา ของฉัน ดังนั้นเธอก็เลยต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่อง นี้ นี่ก็คือความยุติธรรมที่นายว่าใช่มั้ย?” เควินดึงสายตากลับอย่างเย็นชา ไม่อยากพูดกับพายุอีก

พายุเป็นมือซ้ายมือขวาที่เขาเห็นความสำคัญ แต่ถ้าเทียบกับสายฟ้าแล้ว เขามีนิสัยที่วู่วามบุ่มบ่าม ยิ่งกว่า

ตอนที่อยู่อเมริกา ภายใต้สถานการณ์ที่แสนจะ ยากลำบาก พายุอาศัยความกระตือรือร้นในใจแอบ หนีกลับมาในประเทศ เอาข่าวคราวของเขาแพร่มา ภายในประเทศ แยกแยะสมาธิขององค์กรSCเพื่อ เขา นี่คือข้อดีของเขา

แต่ตอนนี้ เพราะความไร้เดียงสาที่ดูเวล่ำเวลา ของพายุ สถานการณ์ที่เดิมทีใกล้จะควบคุมได้แล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะเสียการควบคุมเพราะความ บุ่มบ่ามของเขา

ที่ยิ่งเอาชีวิตคือ พิงกี้……….

เควินหลับตาลงเบาๆ สะกดอารมณ์ที่โผล่ขึ้นมา ทางสายตา บีบบังคับให้ตัวเองใจเย็นลงมา

เขาไม่อยากให้สาวน้อยของเขาเข้ามา เกี่ยวข้องกับอันตราย ไม่อยากให้ในใจเธอต้องมี ปม แต่วันนี้พายุกลับพาเธอมา ไม่ว่าจะให้เธอกลับไปตอนนี้ หรือว่าให้เธออยู่ต่อ ผลกระทบ…….มันก็ ไม่มีทางเลี่ยงได้แล้ว

“เควิน ช่างเถอะ……” พิงกี้ซบอยู่ในอ้อมอก ของเควิน และเรียกเขาเบาๆ พยายามที่จะคลี่คลาย บรรยากาศของตอนนี้ “ที่จริงพายุก็ทำไปเพราะ ความหวังดี ถ้าคุณโกรธก็ลงโทษเขา ไล่ออกจาก หน่วยสืบลับมันร้ายแรงเกินไปแล้วมั้งคะ? อีกอย่าง ฉันก็เป็นสมาชิกของหน่วยสืบลับ ที่จริงพายุเรียกฉัน มาก็เป็นเรื่องปกติค่ะ”

เธอพูดเกลี้ยกล่อมเขา “คุณอย่าโกรธเลย นะคะ ฉันเป็นห่วงคุณจะแย่อยู่แล้ว ขอแค่เห็นคุณ ปลอดภัย ฉันก็รู้สึกดีใจมากแล้ว อย่างน้อยคืนนี้ฉัน ก็ไม่ต้องนอนไม่หลับแล้ว ”

หน้าตาที่เอาใจของเธอ ดูแล้วอ่อนโยนเชื่อฟัง

นี่ถ้าเป็นปกติ เควินคงจะปลาบปลื้มดีใจสุดๆ แทบอยากจะจูบเธออย่างดูดดื่มทีหนึ่ง แต่ตอน นี้………เขาหลับตาไว้แน่น ลมหายใจทั้งหนักหน่วง และหดหู่อย่างเลี่ยงไม่ได้

“คณมากับผม” จงมือของพิงกี้ไว้ เควินพาเธอเดินไปข้างหน้า

เธอเดินตามเควินไปข้างหน้า ยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ คนของทั้งสองฝั่งที่กำลังต่อกรกัน

สายลมยามดึกพัดผมเธอปลิวขึ้นมา เส้นผมที่ ดกดำาเย็นเฉียบกระทบมาที่ใบหน้าเธอ กระทบจน ใบหน้าเธอเจ็บ เธอใช้มือปัดผม จากนั้นก็ดึงเสื้อผ้าที่ ถูกลมพัดจนเสียงดังให้แน่นยิ่งขึ้น

รู้สึกหนาวเล็กน้อย

แต่ว่า เทียบกับพวกนี้ เธอยิ่งแปลกใจและกังวล ว่าใครยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของเควิน

เควินเดินมา สมาชิกของหน่วยสืบลับรีบหลีก ทางให้ทันที ให้เขาพาพิงกี้เดินมาที่ตรงหน้าอย่าง ราบรื่น พิงกี้เบิกตากว้างมองไปด้านหน้า ระยะทาง ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้ ความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่งอยู่ยิ่งเห็นได้ชัด

นี่ นี่คือ……….

“พิงกี้ พี่เอง”

ในที่สุด เสียงใสๆเสียงหนึ่งดังขึ้น ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ พิงกี้ร่างกายอ่อนระทวยอย่างควบคุม ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เควินสังเกตเห็นความผิดปกติของ เธอและประคองเธอไว้ได้ทัน เธอต้องทรุดลงกับพื้น แน่นอน

“พี่…..พี่ พี่มานพ?”

เพราะตื่นเต้นเกินไป เสียงของพิงกี้เปลี่ยนโทน ไปเยอะ แต่ว่าเวลานี้ไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอด้วย ซ้ำ และไม่มีใครมีกะจิตกะใจจะหัวเราะ

มานพที่สูงใหญ่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของพิงกี้ ด้าน หลังเขามีคนอยู่สิบกว่าคน ส่วนในมือของเขากำลัง ควบคุมตัวประกันผู้หญิงคนหนึ่งกับตัวประกันเด็ก คนหนึ่งที่อายุประมาณสองสามขวบ ปืนที่อยู่ในมือ ของเขากำลังจ่ออยู่ที่ขมับของตัวประกันผู้หญิง

เรื่องมันเป็นยังๆไง แค่ดูก็รู้

เห็นได้อย่างชัดเจน

พิงกี้รู้สึกเลือดของร่างกายถูกลมพัดจนเย็นลง เรื่อยๆ ทำให้อดไม่ได้ที่จะริมฝีปากสั่นและตัวสั่น

เธอต้องจับแขนของเควินไว้ถึงจะยืนทรงตัวได้ สายตาผิดหวังมองไปหามานพที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เธอถามด้วยเสียงแหบแห้ง “เพราะอะไรคะ?

“ไม่มีสาเหตุ” มานพพูดเบาๆ น้ำเสียง เลื่อนลอยเหมือนส่งผ่านมาจากเมฆยังไงอย่างงั้น “พิงกี้ พี่ขอโทษ”

“ขอโทษแล้วจะมีประโยชน์อะไร?! พี่อธิบาย มาสิ!” พิงกี้ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “พี่บอก พวกเขาสิว่าพี่ไม่ใช่คนขององค์กรSC บอกว่าพี่ถูก ปรักปรำ บอกว่าพี่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้! ไม่ ไม่ ถึงมีความเกี่ยวข้อง พี่ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ถูกมั้ย?”

“พี่ก็เหมือนน้ำหวาน ที่จริงเป็นแค่สายลับ ภายนอกคือทำงานเพื่อองค์กรSC แต่ลับๆคือช่วยผู้ เสียหายพวกนั้นให้หลุดพ้น ถูกมั้ย?”

“ขอแค่พี่พูดออกมา ทางเควินจะต้องให้ความ ยุติธรรมกับพี่แน่นอนค่ะ!”

“พี่ดูน้ำหวานสิ ตอนนี้น้ำหวานก็สบายดีไม่ใช่ เหรอ?”

“พี่พูดสิ พี่พูดออกมาเดี๋ยวนี้!”
ไม่มีคนพูดจา มีแค่พิงกี้ที่รีบร้อนลนลานอย่าง สูญเสียการควบคุม

ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกโชคดี แต่ตอนนี้ เธอ นอกจากอยากให้มานพพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ ไม่มีความคิดอย่างอื่นแล้ว

เธอไม่อยากเชื่อ

ไม่อยากเชื่อเลยสักนิด

เมื่อกี้แบกร่างกายที่อ่อนเพลียขึ้นบันไดมา สูงขนาดนี้ เดิมทีนาทีนี้ร่างกายพิงกี้ก็ไม่ไหวแล้ว เสียงตะโกนที่แหบแห้งยิ่งดูดเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ใน ร่างกายเธอไปหมด ไม่นานเธอก็ไม่มีเสียงแม้แต่จะ ตะโกนออกมาแล้ว

ถูกเควินกอดไว้ในอ้อมอกอย่างหมดเรี่ยวแรง พิงกี้ร้องไห้อย่างโศกเศร้า

ราวกับว่าถูกอารมณ์ของพิงกี้กระทบ เด็กน้อย ที่เดิมทีตกใจจนไม่กล้าส่งเสียงไม่กล้าร้องไห้ ก็เริ่ม ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา ผู้หญิงที่ถูกมานพควบคุมตัว เอาไว้น่าจะเป็นแม่ของเด็ก เห็นภาพนี้แล้วเธออยาก จะรีบไปปลอบโยนเด็ก ร้องไห้อ้อนวอนมานพอย่าทําร้ายลูกของเธอเพราะเหตุนี้ เธอทรมานจริงๆ

ภาพนี้ ยิ่งทิ่มแทงใจของพิงกี้มาก

ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้?

ผู้ชายที่สวมใส่ชุดนักเรียนสีน้ำเงินที่ชอบออม เงินไว้ เพื่อซื้อขนมให้เธอกับน้ำหวานกิน ผู้ชายที่ เวลาเลิกงานจะชอบพาเธอไปเล่นและทานข้าวที่ บ้าน ทำไมกลายเป็นคนที่เลือดเย็นและใจไม้ไส้ ระก๋าแบบนี้?

เป็นไปได้ยังไง?

สถานการณ์เริ่มโกลาหลขึ้นมา เสียงร้องไห้ได้ ทำให้อารมณ์ที่เดิมทีก็ตึงเครียดอยู่แล้วยิ่งกลาย เป็นควบคุมไม่ได้ขึ้นไปอีก

จู่ๆ คนของทางฝั่งมานพได้ยิงปืนขึ้นฟ้านัด หนึ่ง และตะคอกเสียงดัง “พวกมึงคิดเสร็จหรือยัง? ปล่อยพวกกูไป ตัวประกันทิ้งไว้ให้พวกมึง! ถ้าไม่ ปล่อยพวกกูไป ตัวประกันตาย คนของพวกมึงก็ต้อง ตายหลายคนด้วย!”
เขาเลียริมฝีปาก ใช้ปืนเล็งไปทางพิงกี้ที่อยู่ใน อ้อมอกของเควิน “ผู้หญิงที่อ่อนแอคนนั้น ก็อาจจะ ต้องตายอยู่ที่นี่ด้วย!

“ไสหัวไป!” มานพสายตาเฉียบคมขึ้นมาทันที ใช้เท้าถีบไปที่ข้อมือของผู้ชาย และพูดด้วยความ โกรธ “พูดไม่เป็นก็หุบปาก ที่นี่ไม่มีพื้นที่ให้นาย พูด!”

“อ๊า!” คนๆนั้นร้องด้วยความเจ็บเสียงหนึ่ง ปืน ที่ถืออยู่ในมือถูกถีบลงบนพื้น

เขากุมข้อมือที่ถูกถีบจนเจ็บ หยิบปืนที่ตกอยู่ บนพื้นขึ้นมา ดูแล้วค่อนข้างที่จะโกรธเคือง แต่ก็ไม่ ได้พูดอะไรต่อ

มานพหายใจลึกๆทีหนึ่ง ดึงสายตากลับจาก พิงกี้ที่ร้องไห้เศร้าโศก ความเจ็บปวดของแววตาถูก ท้องฟ้าที่มืดสลัวปิดซ่อนเอาไว้ ไม่มีใครสามารถมอง เห็น แต่ใครก็ดูออกว่านาทีนี้อารมณ์ของเขาเปลี่ยน ไปเยอะมาก

นี่คือปัจจัยที่ไม่คงที่อย่างหนึ่ง

ถ้าไม่ใช่แบบนี้ คนของทางฝั่งเขาก็ไม่เปิดปากพูดโดยที่ไม่ไต่ตรอง แม้กระทั่งยังลั่นไกด้วย

มานพรู้จุดนี้ดี เขามองไปที่เควิน และพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็น “คุยเงื่อนไขต่อเถอะ ขอแค่ครั้งนี้ พวกนายปล่อยพวกเราไป ฉันรับประกันว่าครั้งนี้จะ ไม่เปิดฉากยิงกัน และจะปล่อยตัวประกันสองคนนี้ ด้วย นายว่ายังไงบ้าง?

“ฉันสามารถปล่อยพวกของนายไปได้ แต่ไม่ เพียงต้องมอบตัวประกันให้พวกเรา นายก็ต้องอยู่ที่นี่ ด้วย” เควินเปิดปากพูด

คนอื่นเป็นแค่ตัวประกอบ แต่มานพ…..เขาไม่มี ทางปล่อยไปแน่นอน!

“ใช้ผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวประกัน แล้วเปลี่ยน เด็กไปซะ” ผู้ชายอีกคนออกความคิดเห็นให้มานพ “ลูกพี่ ผมดูแล้วฝ่ายตรงข้ามให้ความสำคัญกับผู้ หญิงที่มาทีหลังคนนั้นมาก ถ้าเราควบคุมเธออยู่ ในมือ โอกาสที่จะได้จากไปจะเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะ ครับ”

เขาพูดเสียงต่ำ “ลูกพี่ ลูกพี่กับผู้หญิงคนนั้น เป็นคนรู้จักกันใช่มั้ยครับ? ผมดูเธอแคร์ลูกพี่มาก เลย ตอนที่ลูกพี่จับตัวเธอไว้ก็ปรึกษาหารือกับเธอหน่อย ให้เธอให้ความร่วมมือกับลูกพี่ อย่างนี้พวก เราก็สามารถไปจากที่นี่แล้ว! ”

มานพมีเสี้ยววินาทีที่หวั่นไหว

ขอแค่มีโอกาศเสี้ยวเดียว ไม่ว่าใครก็อยากมี ชีวิตอยู่ต่อทั้งนั้น ไม่อยากมอบตัวหรือว่าถูกจับกุม ได้เด็ดขาด ไม่ว่าตอนนั้นจะเสื่อมทรามยังไง ตอนนี้ ก็ไม่สามารถกลับตัวได้แล้ว..

แต่ว่า พิงกี้จะยอมให้ความร่วมมือกับเขาจริงๆเหรอ?

เธออยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อเหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ