คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่278: สถานการณ์พลิกผัน



บทที่278: สถานการณ์พลิกผัน

มองแจกันดอกไม้โบราณที่ถูกเขี้ยวงแตกอันแล้วอัน เล่า มองโคมไฟที่โปร่งใสกลายเป็นเศษแก้ว มองตู้ปลาที่ ถูกเขยี้วงแตก น้ำสาดเต็มพื้น ปลาคาร์ฟสีแดงที่ดิ้นรนสุด ชีวิตอยู่บนพื้น

ทันใดนั้น พิงกี้รู้สึกเธอก็คือปลาคาร์ฟตัวที่ถูกเขย้ำวง จนตกอยู่บนพื้น ไม่เพียงแต่หัวใจแตกสลาย แต่ยังไม่รู้จะ หายใจยังไงเพราะขาดออกซิเจน

“พอได้แล้ว อย่าขว้างอีกเลย!” พิงกี้ริมฝีปากสั่น ไหว ตะโกนเสียงสั่นด้วยความโกรธ “หทัยรัตน์ นี่คือบ้าน ที่ลูกชายคุณประดับตกแต่งด้วยตนเอง เป็นบ้านที่เขาทำ ด้วยใจ คุณทำลายความทรงจำที่เขาหลงเหลือไว้ให้แต่ นี้ได้ยังไง? ร่างกายของเขาก็หาไม่เจอแล้ว นอกจากที่นี่ คุณยังจะหากลิ่นไอของเขาได้จากที่ไหน?!

“งั้นแกก็ไสหัวไปสิ!” หทัยรัตน์โบกมืออย่างกระเริ บาสิบสาน และตะคอกกลับอย่างไม่ใยดี “ขอแค่แกไสหัว ออกไปจากที่นี่ ฉันก็จะไม่ทำลายที่นี่อีก! ถ้าแกอยู่ที่นี่วัน หนึ่ง ฉันก็จะมาฟังข้าวของที่นี่วันหนึ่ง ดูซิว่าใครจะเจ็บใจ กว่า?”

ใครเจ็บใจกว่า แค่นี้ก็เห็นอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว

“ได้ ฉันไป!”
ทนดูทุกอย่างของในนี้ถูกหทัยรัตน์ทำลายไม่ได้ พิง ก็เปิดปากพูดอย่างไม่ต้องคิดไตร่ตรองเลย

“ไหนๆแกก็จะไปแล้ว งั้นก็ไสหัวออกไปตอนนี้เลย! หทัยรัตน์สีหน้าได้ใจ พูดด้วยสีหน้าเป็นผู้ชนะ “ฉันเคย เตือนแกตั้งนานแล้วว่าตระกูลของเรา ไม่ใช่คนอย่างแกจะ สามารถอาจเอื้อมถึงได้ แกตายใจเสียตั้งแต่ตอนนี้เถอะ!”

“คุณนึกว่าตระกูลของคุณไม่มีเควินแล้วฉันยังจะ พิศวาสอีกหรอ? ฉันก็เคยบอกคุณไปตั้งนานแล้วว่าฉันไม่ ได้พิศวาสตระกูลของคุณเลย!”

หายใจลึกๆที่หนึ่ง พิงกี้ทนดูความเละเทะของห้อง รับแขกไม่ได้อีกไปต่อ เธอหันหลังก็เดินขึ้นไปชั้นบนเลย

หทัยรัตน์รีบตามขึ้นไป “แกบอกว่าจะไปไม่ใช่เหรอ ทำไมยังคิดจะไปหลบที่ชั้นบนอีก?”

“ถ้าคุณพิงกี้ไม่ขึ้นไปจะให้ไปเก็บของยังไงล่ะคะ?” ป้าเฉินไม่เคยเห็นแม่ที่เป็นแบบนี้มาก่อน เธอตะคอกใส่ หทัยรัตน์ด้วยความโกรธ “เป็นถึงคุณผู้หญิงของตระกูล ภิรมย์ภักดี คงไม่ใช่ขี้ขกจนถึงขั้นที่แม้แต่เสื้อผ้าไม่กี่ ชิ้นก็ไม่ยอมให้คุณพิงกี้เอาไปมั้งคะ? ฉันก็นึกว่าคนที่ใจ กว้างอย่างคุณเควิน แม่ก็คงใจกว้างเหมือนกัน นึกไม่ ถึง…….เหอะ!”
“แกมันก็แค่คนรับใช้ จ้างแกให้เพื่อแกมาทำงาน ไม่ใช่ให้แกมาพูดมากอยู่อย่างนี้แกหุบปากเดี๋ยวนี้เลย นะ!”

“ฉันก็ไม่อยากคุยกับคุณหรอกค่ะ!”

จ้องหทัยรัตน์ไปทีหนึ่ง ป้าเฉินเดินตามหลังพิงกี้ไป ด้วยความโมโห

มาถึงห้องนอน พิงกี้เก็บเสื้อผ้าพร้อมน้ำตาคลอเบ้า ป้าเฉินเดินมาที่ข้างกายของเธอ และถามด้วยความเป็น ห่วง“คุณพิงกี้จะไปจริงๆหรือคะ?”

“ถ้าไม่ไปยังจะทำยังไงได้อีกล่ะคะ?” พิงกี้ยิ้มด้วย ความโศกเศร้า “อย่างน้อย……ที่นี่ก็มีความทรงจำของ ฉันกับคุณเควิน ฉันไม่อยากเห็นที่นี่ถูกทำลายไปค่ะ”

“ต่อไปเราอย่าให้คุณหญิงหทัยรัตน์มาก็ได้แล้ว ไม่ใช่หรอคะ?”

“ถ้าไม่มีคุณหญิง ก็ยังมีพ่อของคุณเควินอีก สลับกัน มาทีละคนแบบนี้เมื่อไหร่จะจบจะสิ้นสักที? ขอแค่ฉันอยู่ที่ นี่วันหนึ่ง พวกเขาก็จะคิดว่าฉันอยากครอบครองบ้านหลัง นี้ พวกเขาไม่ยอมลามือง่ายๆหรอกค่ะ”
“ถ้าคุณไป คุณจะไปไหนได้คะ?”

” พิงกี้หยุดมือที่กำลังเก็บเสื้อผ้าไว้ และสาย หัวอย่างสับสน “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

เสี้ยววินาทีนี้ เธอนึกถึงในคืนที่ฝนตกหนักถูกชาตรี กับมาลาตีไล่ตะเพิดออกมาจากบ้านดำรงกูล

ถึงแม้สถานการณ์ของวันนั้นจะต่างจากวันนี้ แต่เธอที่ ถูกไล่ตะเพิดก็สับสนเหมือนกัน ว่าไปแล้ว โชคชะตานี่ไม่ รักคนอย่างเธอเลยจริงๆ ให้เธอใช้ชีวิตอยู่กับความลำบาก และเร่ร่อนอย่างนี้อยู่เป็นประจำ

คิดถึงตรงนี้แล้ว พิงกี้ส่ายหัวและถอนหายใจ

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน เธอนึกถึงความคิดหนึ่งแล้วพูด กับป้าเฉินว่า “เพื่อนฉันยังมีบ้านว่างอยู่หลังหนึ่ง เพียงแต่ เปลี่ยวไปหน่อย แต่ไม่เป็นเพราะตอนนี้ฉันก็ยังทำงานไม่ ได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินทางไม่สะดวก ไปพักที่นั่นก็โอ เคอยู่ค่ะ”

บ้านของตระกูลกิจโอสถ น้ำหวานน่าจะเป็นคนตัดสิน ใจได้ น้ำหวานไม่มีทางที่ไม่ช่วยเธอหรอก

“มีผมอยู่ที่นี่ทั้งคนคุณไม่มาขอความช่วยเหลือจากผม แต่ดันจะไปพักที่ไกลๆและเปลี่ยวขนาดนั้น? พิงกี้ สมองคุณมีปัญหาใช่มั้ย? ถึงคุณไม่ไปพักที่วิลล่าของผม หรือคุณคิดว่าธุรกิจอสังหาที่อยู่ในนามของผมจะไม่พอให้ คุณไปอยู่รึยังไง?”

จู่ๆ เสียงตะคอกด้วยความโมโหดังมาที่ข้างหูของพิง กี้ เตชิตที่สีหน้าย่ำแย่ก้าวฝีเท้าใหญ่เดินเข้ามา

พิงกี้ “

เธอกำลังตะลึงอยู่ เตชิตก็ได้เดินมาที่ตรงหน้าเธอ แล้ว ดึงข้อมือเธอไว้แล้วพูดว่า “คุณไปกับผมก่อน ของที่ คุณจะเอาให้ป้าเฉินค่อยๆช่วยคุณเก็บ เดี๋ยวผมค่อยให้คน มาย้าย คุณห้ามให้ตัวเองเหนื่อยเด็ดขาด”

“คุณได้ยินข่าวตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”

“ผมไม่ใช่คนตาบอดสักหน่อย หน้าบ้านคุณมีรถจอด อยู่เยอะขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงที่ผมจะไม่รู้ว่าคุณเกิด เรื่อง?”

มันก็ใช่

” พิงกี้เงียบไปพักหนึ่ง แต่กลับเปิดปากพูดว่า

“ฉันไม่อยากไปแล้วค่ะ”
“นี่คุณหมายความว่ายังไง?” เตชิตขมวดคิ้วตึง สีหน้าเหมือนกับว่าถ้าพิงกี้ไม่พูดเหตุผลที่เหมาะสมออก มา เขาก็จะโกรธ น่าตาช่างดุร้าย

แต่ว่า เขาที่เป็นแบบนี้ไม่ได้ทำให้พิงกี้รู้สึกกลัวเลย

เธอยิ้มอ่อนๆและพูดว่า “คุณเตชิต ฉันรู้สึกฉันคิดผิด ไปแล้วจริงๆ คุณพูดถูก ในเมื่อมีคุณอยู่ ทำไมฉันไม่ขอ ความช่วยเหลือจากคุณถูกมั้ยคะ?”

“ถูกต้อง!”

“อืม” พิงกี้พยักหน้า “ดังนั้นฉันไม่คิดจะไปแล้วค่ะ ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นี่! ฉันไม่ไว้ใจที่จะเอาบ้านหลังนี้มอบให้กับ ตระกูลภิรมย์ภักดี ก่อนที่เควินจะกลับมาฉันต้องเฝ้าที่นี่ให้ ดีๆ ทุกอย่างต้องเหมือนก่อนหน้านั้นหมด! แบบนี้ เขาก็จะ ไม่หลงทางหาบ้านตัวเองไม่เจอ พอเขากลับมา ที่นี่ยังเป็น ที่ๆเขาคุ้นเคยที่สุด และเป็นที่ๆเขาคุ้นชินที่สุด แบบนี้ฉัน ถึงจะวางใจได้

“คุณ……”

เตชิตพูด“คุณ”อยู่ครึ่งค่อนวันก็พูดอะไรไม่ออก เขามีใจที่อยากจะพูดว่าเควินได้ตายไปแล้ว ชาตินี้ก็ไม่มีทางกลับมาแล้ว แต่พอเผชิญหน้ากับดวงตาเปล่ง ประกายแวววาวของพิงกี้แล้ว จู่ๆเขารู้สึกคำพูดนั้นมันโหด ร้ายเกินไป เขาไม่อยากพูดออกมา

ป้าเฉินก้มหน้าไว้ ใช้มือเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ

“ได้ๆๆๆ! คุณว่ายังไงก็เอาตามคุณ คุณเป็นแม่ทูลหัว ผมมันก็แค่เด็กวิ่งธุระให้คุณ คุณพูดอะไรผมก็ฟังคุณหมด ทุกอย่าง!” เตชิตได้โทรศัพท์ออกไปโดยตรง “หาคนมา ยี่สิบคน ภายในสามนาทีต้องมาถึงที่วิลล่าNo.1! มาด่วน เดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย ได้ยินมั้ย?!

“โอเค จัดการเรียบร้อยแล้ว คุณรอดูเถอะ!” หลัง จากวางสาย เตชิตพูดกับพิงกี้

พิงกี้พยักหน้า

เธอไม่ได้ลงไปที่ชั้นล่างอีก

ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างของชั้นสอง เธอเห็นคนของเตชิต มาอย่างไวมาก ไม่นานก็เชิญตัวของหทัยรัตน์และลูกน้อง ที่เธอพามาด้วยออกไปจากบ้านหมด ถึงหทัยรัตน์จะด่าทอ ยังไงก็ไม่มีประโยชน์

ป้าเฉินมือเท้าคล่องแคล่วว่องไวมาก ตอนที่พิงกี้ลงมาชั้นล่างอีกที ความเละเทะของห้องรับแขกก็ถูกจัดเก็บ เรียบร้อยแล้ว

ปลาคาร์ฟสีแดงตัวเมื่อกี้ก็แหวกว่ายอย่างชิวๆอยู่ใน กะละมัง เหมือนกับว่าได้ลืมความทุกข์ทรมานที่ประสบใน เมื่อครู่ไปหมดแล้ว

พิงกี้มองปลาคาร์ฟอย่างเหม่อลอย

ว่ากันว่าปลาคาร์ฟมีความจำที่สั้นเพียงแค่ไม่กี่วินาที ถ้าเธอก็สามารถลืมอะไรได้ง่ายๆเหมือนปลาคาร์ฟก็คงจะ ดี จะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างนี้

เพราะความช่วยเหลือจากเตชิต ป้าเฉินรั้งเขาให้ทาน ข้าวเที่ยงด้วยกัน พิงกี้เองก็ได้เล่นเกมส์เป็นเพื่อนเขาไป สองชั่วโมง

เพราะเล่นเกมส์เพลินจนถึงตอนเย็น ดังนั้นข้าวเย็น เขาก็ได้ทานที่นี่ต่ออีกมื้อ

ทานข้าวเย็นเสร็จก็หนึ่งทุ่มแล้ว เพิ่งจะนั่งพักไปสัก พัก นอกบ้านก็มีเสียงอาละวาทดังขึ้นมาอีก
พิงกี้ขมวดคิ้วและมองไปยังทิศทางที่มีเสียงก้องมา

ไม่นาน คนของเตชิตที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามาคน หนึ่ง และยืนรายงานอยู่หน้าประตู “คุณเตชิตครับ คุณ หญิงหทัยรัตน์มาหาเรื่องอีกแล้วครับ เธอพาบอดี้การ์ดมา ห้าสิบคน และมีทนายมาด้วยสองคน แล้วตอนนี้เราจะเอา ยังไงดีครับ?”

“ฉันลองไปดูซิ” เตชิตแววตามืดมน

“ฉันก็ไปด้วยค่ะ” พิงกี้รีบลุกขึ้นมา

ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้หทัยรัตน์จะทำอะไรกันแน่ ถึงขั้นพาท นายความมาด้วย?

อากาศของเดือนมีนาคมก็ยังหนาวอีกเช่นเคย

เดินอยู่ในท่ามกลางสายลมเย็น พิงกี้กอดแขนของตัว เองไว้ ทันใดนั้นเธอรู้สึกหนักที่ไหล่ เตชิตได้เอาเสื้อคลุม ขนแกะคลุมอยู่ที่ไหล่เธอ และพูดอย่างชิวๆว่า “คุณอย่า หลงตัวเองเชียวนะ แม่ผมเป็นคนบอกให้ผมเอาให้คุณ”

“งั้นฝากขอบคุณๆป้าด้วยนะคะ”

“อืมยิ้ม!” เตชิตยักคิ้ว
ยังเดินไม่ถึงหน้าบ้าน พิงกี้ก็เห็นคนยืนห้อมล้อมอยู่ หน้าบ้านเต็มไปหมด

หทัยรัตน์พาคนมากลุ่มหนึ่งอย่างมีพลานุภาพกำลัง เผชิญหน้าอยู่กับคนของเตชิต ส่วนทนายความสองคน ที่ใส่แว่นกำลังพูดคุยกันอย่างเบาเสียง และเงยหน้ามอง ทิศทางของบ้านเป็นพักๆ ชัดเจนมากว่าเนื้อว่าที่คุยกันต้อง หนีไม่พ้นบ้านหลังนี้แน่นอน

“นังตัวซวย แกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!

เห็นพิงกี้เดินมาแต่ไกล หทัยรัตน์ก็ตะโกนเสียงดังขึ้น

มา

พิงดี้ไม่คิดจะออกไป เธอยืนอยู่ในประตูเหล็ก สีหน้า ที่มองหทัยรัตน์เต็มไปด้วยการป้องกันตัว “วันนี้คุณคิดจะ ทำอะไรอีก?”

“เหอะๆ? ฉันอยากทำอะไร? ฉันว่าแกมากกว่ามั้งที่ อยากทำอะไร?! ยึดครองบ้านของตระกูลภิรมย์ไว้ไม่ยอม ไป ที่แกทำอยู่นี่คือการบุกรุกนะแกรู้มั้ย? ทางที่ดีที่สุดแก รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ซะ ถ้ายังหน้าด้านไม่ยอมไปอีกล่ะ ก็ ฉันให้ทนายฟ้องแกแน่!”

มือที่จับเสื้อคลุมไว้ของพิงกี้กำแน่นขึ้นมา สายตาลุ่มล็กและเยือกเย็น

ดูท่าแล้ว หทัยรัตน์คือแข็งใจยังไงก็จะต้องไล่เธอ ออกจากบ้านหลังนี้ให้ได้

พิงกี้กัดริมฝีปากไว้ กำลังลังเลว่าจะเอาสมุดจด ทะเบียนออกมามั้ย

สมุดจดทะเบียนสมรสที่ถูกเธอฉีกทิ้งไป หลังจากที่เค วินอธิบายกับเสร็จก็ได้เอาเล่มใหม่ให้เธอตั้งนานแล้ว ตอน นี้เก็บอยู่ในตู้เซฟ ขอแค่เอาสมุดจดทะเบียนออกมา เธอ ไม่มีกะจิตกะใจแบ่งมีดกของเควินหรอก แต่อย่างน้อย เธอ ก็น่าจะมีสิทธิ์พักอยู่ที่บ้านหลังนี้

แต่ว่า…………..

พอนึกถึงเรื่องที่เคยให้คำมั่นสัญญากับเควิน เธอก็ได้ ลังเลอีก

ถึงเควินจะไม่อยู่แล้ว แต่คำมั่นสัญญาของพวกเขา ยังอยู่ เขาบอกตอนนี้ยังให้คนรู้เรื่องที่พวกเขาแต่งงานไม่ ได้ เธอเชื่อฟังเขาและเคารพกับความคิดของเขา ถ้าไม่ถึง คราวจำเป็นจริงๆ เธอ…….

“ให้ทนายฟ้องเรื่องบ้าน คุณหญิงนี่ช่างตลกจริงๆเลย!”

เตชิตกางมือออก ผู้ช่วยของเขาได้รับส่งเอกสาร ให้เขาในทันที เขาหยิบเอกสารออกมาจากซองอย่าง ใจเย็น เขย่าใส่หน้าหทัยรัตน์และพูดอย่างกำเริบเสืบสาน “รบกวนคุณหทัยรัตน์แหกตาดูด้วยว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ เป็นชื่อของลูกชายรึเปล่า?”

“ถ้าไม่ใช่ของลูกชายฉันแล้วจะเป็นของใคร? หรือ จะเป็นของนังตัวซวยคนนี้รึไง?” หทัยรัตน์ถามด้วยเสียง แหลมปรี๊ด

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ?” เตชิตเอาโฉนดให้ ผู้ช่วย และยกคางไปที่ทิศทางของหทัยรัตน์ “ไป ให้คุณ หญิงหทัยรัตน์ที่สายตาไม่ดีดูชัดๆหน่อยว่าโฉนดเป็นชื่อ ของใคร เผื่อเดี๋ยวเธอจะโดนข้อหาบุกรุก และโดนจับเข้า คุกเข้าตาราง”

ผู้ช่วยตอบและเดินไป

พอหทัยรัตน์มองเห็นอย่างชัดเจนว่าในโฉนดเป็น ชื่อของพิงกี้ ทันใดนั้นเธอโมโหจนทำแก้วรักษาอุณภูมิ ที่อยู่ในมือหล่น “นี่เป็นของปลอม นี่ต้องเป็นของปลอม แน่นอน!เตชิต นี่เป็นฝีมือของแกใช่มั้ย?
“ขอโทษด้วย ไม่ใช่ฝีมือของผมจริงๆ ถึงจะทำก็เป็น ฝีมือของลูกชายคุณนั่นแหละ

“นี่มันอะไรกันคะ?” พิงกี้ดึงแขนเสื้อของเตชิต และ ถามด้วยความตะลึง “บ้านหลังนี้กลายเป็นชื่อของฉันได้ ยังไงคะ?”

สมองของเธอมีการคาดเดาอย่างหนึ่ง แต่ว่ายิ่งคิดยิ่ง รู้สึกเจ็บปวดใจ

เควิน……….

เขาได้เตรียมพร้อมไว้ตั้งนานแล้วใช่มั้ย?

“ยังจะอะไรได้อีกล่ะ” เตชิตอธิบายอย่างจนปัญญา “เขาก็คงคาดว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ กลัวคุณไม่รู้จะ จัดการยังไง ก่อนไปถึงได้โอนธุรกิจส่วนหนึ่งในนามของ เขาให้คุณยังไงล่ะ

“ธุรกิจส่วนหนึ่ง?”

“บ้าน รถ หุ้นของบริษัท…..เหอะๆ ไม่นึกว่าคนที่ดู เย็นชาและใจดำอย่างนายเควินก็ดีกับคุณเหมือนกันนะ เนี่ย แต่ว่าเขาดีสู้ผมไม่ได้แน่นอน ถ้าเป็นผมล่ะก็ ผมจะ โอนทุกอย่างเป็นชื่อคุณหมดเลย!”
พิงกี้ช็อกจนเอ๋อไปแล้ว

เธอไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตากลับไหลออกมาอย่าง ควบคุมไม่ได้ เสียงก็สะอึกสะอื้นขึ้นมา

“เฮ้อ~ นี่คุณอย่าร้องไห้สิ ผมไม่ว่านายเควินแล้ว โอ เคหรือยัง?”

พริบตาเดียวเตชิตก็ตื่นตระหนกขึ้นมา รีบยกมือเช็ด น้ำตาให้พิงกี้

“ไม่ต้องค่ะ…..” พิงกี้เช็ดน้ำตาเองอย่างมั่วซั่ว และ ถามด้วยความร้อนรนใจ “คุณแค่บอกฉันมาก็พอว่าทำไม เควินต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องโอนทรัพย์สินเยอะแยะ ขนาดนี้ให้ฉันด้วย เขา……..เขารู้ตั้งนานแล้วใช่มั้ยว่าตัว เองจะเจอเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี ใช่มั้ยคะ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ