คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่ 293 ได้เข้าบ้าน



บทที่ 293 ได้เข้าบ้าน

พิงกี้แววตาเย็นชา

ที่เธอเป็นอยู่นี่ไม่ใช่เอาแต่ใจ!

อยู่ในใจเธอ ญาติกับศัตรูไม่ใช่ดูกันที่สายเลือด

ถึงชาตรีกับมาลา สองคนที่มีความสัมพันธ์ทางสาย เลือดกับเธอมายืนอยู่ตรงหน้า เธอก็สามารถไม่แย่แสได้ ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นคนของตระกูลบุญถาวรที่ไม่มีความ สัมพันธ์สายเลือดกับเธอเลย?

เธอไม่ได้เห็นสายเลือดสำคัญกว่าเมื่อก่อนถึงยาย สมศรีไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอ เธอก็ยอม ทุ่มหมดหัวใจดูแลเธอ แต่นั่นมันเมื่อก่อนแล้ว

ตอนนี้ เธอยอมเห็นเตชิตที่ไม่เอาการเอางานเป็น ญาติมากกว่าเสียอีก!

หลายวันมานี้ป้าเฉินบ่นเรื่องยายสมศรีทุกวัน พิงกี้ฟัง แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ถึงแม้เธอจะมีอารมณ์ซับซ้อน แต่ไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด ตรงไหนจริงๆ

ไม่อยากโกรธป้าเฉิน เธอไม่เปิดปากพูดเลยดีกว่า
แต่เตชิตกลับทนไม่ได้

ยักคิ้วเล็กน้อย แววตาพราวเสน่ห์ของเขามองป้าเฉิน ด้วยความไม่พอใจ พูดทีเล่นทีจริง “ป้าเฉินแสเกินไป เปล่า?”

“อะไรนะคะ?” ป้าเฉินไม่คิดว่าเขาจะเปิดปากพูด อย่างกระทันหัน รู้สึกอึ้งเล็กน้อย

“ก่อนหน้านั้นเควินจ้างป้ามาให้มาทํางาน แต่ไม่ใช่ ให้ป้ามาเป็นแม่นะครับ! พิงกี้เป็นคนดีและใจกว้างมากแล้ว ถึงเธอเอาแต่ใจจริงๆ นั่นก็คือคนที่โอ๋เธออย่างพวกเรา ตามใจเธอ คนรับใช้อย่างป้ามาตำหนิติเตียนเจ้าของบ้านน มันไม่ค่อยดีมั้งครับ?”

เตชิตเป็นคนตรงไปตรงมา อยากพูดอะไรก็พูดเลย ไม่เกรงใจเลยแม้แต่นิด

สีหน้าของป้าเฉินซีดขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าโมโหหรือ อะไร แม้แต่ลมหายใจก็ไม่คงที่แล้ว

“ค่ะ ดิฉันล้ำเส้นเกินไป” สีหน้าแววตาของเธอหดหู่

ก่อนหน้านี้ป้าเฉินชอบเตชิตมาก ดีกับเขามากเป็น พิเศษ คอยทําของอร่อยประเคนมาให้เขาถึงที่ตลอด ตอนนี้เตชิตพูดจาอย่างไม่เกรงใจขนาดนี้ เธอเสียใจก็เป็นเรื่อง ธรรมดา

“เอาล่ะ!” พิงกี้ลุกขึ้นมาเป็นฑูตสันติภาพ จ้องเตชิต ที่ดื้อทีนึงแล้วปลอบใจป้าเฉินว่า “ป้าเฉิน เตชิตก็ไม่ได้ ตั้งใจพูดแบบนี้หรอกค่ะ คงเพราะใจร้อนแทนฉันไปหน่อย ป้าอย่าถือสาเขาเลยนะ คำพูดของป้าฉันฟังเข้าหูหมด แล้ว ฉันรู้ว่าป้าหวังดีกับฉัน ฉันจะลองพิจารณาดูนะคะ”

……..ค่ะ ขอบคุณๆผู้หญิงค่ะ” มีพิงกี้ออกมาแก้ไข สถานการณ์ ป้าเฉินก็เป็นห่วงเธอจากจริงใจ ได้ยินเธอพูด แบบนี้ ในที่สุดสีหน้าก็ดีขึ้นเยอะ เธอพูดด้วยความรู้สึกผิด “ครั้งนี้ป้าก็ไม่ได้ระวังปากตัวเองด้วย ครั้งหน้าป้าจะไม่พูด แบบนี้อีกแล้วค่ะ คุณผู้หญิงคะ พวกเราอยู่ด้วยกันมานาน ป้าก็ได้เห็นคุณเป็นรุ่นลูกโดยไม่รู้ตัว คุณผู้หญิงอย่าถือสา ป้านะคะ”

“ไม่ถือสาหรอกค่ะ” พิงกี้สายหัวพร้อมรอยยิ้ม

เธอแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ ระหว่างพูด จู่ๆข้างนอกก็มีฝนตก

ฝนปรอยๆสาดลงมาจากบนท้องฟ้า พิงกี้นึกถึงยาย สมศรีที่นั่งอยู่ด้านนอก
ป้าเฉินยังอยากพูดอะไรหน่อย แต่พอนึกถึงการโต้ เถียงของเมื่อกี้สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

เพียงแต่ถึงเธอไม่ได้เปิดปากพูด แต่แววตากลับจ้อง ไปที่หน้าประตูเป็นครั้งคราว และทำท่าทีเล็กๆน้อยๆเป็น ครั้งคราว แต่ยังไงก็ทำให้คนละเลยไม่ได้

พิงกี้รู้สึกรำคาญเลยบอกว่า “ป้าเฉิน ไปเรียกยาย สมศรีเข้ามาพักในบ้านเถอะ ให้เธอไปพักที่ห้องนอนของ ป้า อย่าให้ขึ้นชั้นสองและอย่าให้ไปเดินเพ่นพ่านที่ห้องอื่น พอฝนหยุดก็ให้เธอกลับไปซะ”

ก่อนหน้านั้นมีสายฟ้ากับพายุเป็นคนขับรถ ตอนนี้ ตำแหน่งของคนขับยังว่างอยู่ เพราะไม่มีความจำเป็นเร่ง ด่วนอะไร เลยไม่ได้หาคนขับมาไว้คนนึง ถ้ามีคนขับจะได้ ให้คนขับส่งยายสมศรีกลับไปโดยตรง

“ได้ค่ะ” ป้าเฉินโล่งอกไปที และพูดเหมือนกลัวพิงกี้ จะกลับคำ “งั้นป้าจะไปพาคนเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ อากาศ หนาวขนาดนี้ ถ้าหากยายแกเป็นไข้ขึ้นมาจริงๆล่ะก็คนอื่น จะว่าคุณผู้หญิงใจแข็งได้ค่ะ”

พิงกี้ไม่ได้พูดอะไร

คนอื่นพูดงั้นหรอ กลัวก็แต่ป้าเฉินก็คงคิดแบบนี้เหมือนกันแหละมั้ง

พอป้าเฉินถือล่มเดินออกไป เตชิตยกเท้าขึ้นมาถบพิง กี้เบาๆ “คุณตามใจป้าเฉินขนาดนี้เลยหรอ?”

“ปกติความสัมพันธ์ของคุณกับป้าเฉินดีมากเลย ไม่ใช่หรอคะ? วันๆเธอก็ทำนุ่นทำนี่ให้คุณทาน คุณไม่เห็น แก่มิตรภาพที่แน่นแฟ้นหน่อยเลยรึยังไง?” พิงกี้ย้อนถาม

“เชอะ…..” เตชิตอารมณ์ดีขึ้นมา “ผมมีมิตรภาพ อะไรกับป้าเฉิน ผมมีมิตรภาพแน่นแฟ้นกับคุณน่ะสิไม่ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมไม่อยากทําสีหน้าดีกับคนรับใช้ของ บ้านอื่นหรอก ยิ่งอย่าบอกว่าจะให้ไปหยอกล้อให้คนอื่น ดีใจเลย คนรับใช้ที่บ้านผมเองยังยากที่จะได้เห็นรอยยิ้ม ของผมเลย ผมตีซี้กับป้าเฉิน ก็ไม่ใช่เพราะอยากอาศัย ความหล่อของตัวเองให้เธอดูแลคุณดีๆหน่อยหรอ?”

พิงกี้อึ้งค้างไปเลย

เตชิตไม่เคยปกปิดความคิดที่มีต่อเธอเลย ดังนั้นคำ พูดหลายอย่างถึงพูดออกมาตรงๆ ตอนนี้เธอก็ไม่ได้รู้สึก อึดอัดหรือซาบซึ้งเพราะการทำด้วยใจของเขา แต่ได้คิด เรื่องที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดถึงมาก่อน

คนที่ถูกเลี้ยงมาแบบลูกผู้ดีตั้งแต่เด็กจนโตอย่างเตชิต ชินกับการถูกคนรับใช้ดูแลและเอาใจตั้งนานแล้ว ไม่รู้ สึกเลยว่านี่เป็นเรื่องที่ต้องสำนึกบุญคุณ เพราะอยู่ในบาง มุมมองนี่ก็คือการแลกเปลี่ยนที่แฟร์ๆ เธอจ่ายค่าตอบแทน ฉันทุ่มเทแรงงาน

แต่เธอถูกเลี้ยงดูมาจากตระกูลบุญถาวร ต่อมาได้ กลับมาตระกูลดำรงกูลก็ไม่ได้ใช้ชีวิตที่ร่ำรวยสุขสบาย อะไร

สามารถพูดได้ว่า ที่จริงเธอไม่ชินกับการเป็นคน ที่“คนเหนือคน” ท่าทีที่มีต่อคนรับใช้ย่อมแตกต่างจากเต ชิตอยู่แล้ว เธอขอบคุณทุกอย่างที่ป้าเฉินทำให้เธอ และ เธอก็ไม่ได้เห็นป้าเฉินเป็นคนรับใช้ อาจจะเป็นไปได้ที่ บางทีทําให้ป้าเฉินล้ำเส้นไป

หน้าประตูมีเสียงเท้าเดินก้องมา

ความคิดฟุ้งซ่านของพิงกี้ได้จางหายไปในพริบตา เหลียวมองยายสมศรีที่ยืนสั่นอยู่หน้าประตูแล้วรู้สึกไม่ สบายใจ เธอหันมาพูดกับเตชิตว่า “ฉันจะขึ้นไปดูแอ๊ปเปิ้ล คุณจะกลับบ้านหรือขึ้นไปกับฉันคะ?”

“ผมไม่กลับหรอก ผมก็คิดถึงเจ้าลิงน้อยแล้วเหมือน

กัน”
“งั้นก็ขึ้นไปเถอะค่ะ”

พิงกี้แค่เหลียวมองยายสมศรีหนึ่ง จากนั้นก็เดินขึ้น ชั้นสองไปเลย เสมือนว่าไม่เห็นอารมณ์ที่ซับซ้อนและท่าที จะพูดแต่ไม่ได้พูดของยายสมศรีเลย

สายตาของเตชิตมีแต่ร่างเงาที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีทาง หยุดก้าวเท้าเพราะยายแก่คนนึงหรอก

อยู่ในใจของเขา คนที่เขาชอบทำอะไรก็ถูกหมด ถึง จะชี้พระอาทิตย์แล้วบอกว่าเป็นคุกกี้นั่นก็เป็นข้อเท็จจริง ของจักรวาล ไม่ต้องสงสัยเลยด้วยซ้ำ เขาเดินไปกับพิงกี้ อย่างไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด แถมยังอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ด้วย

ไม่นาน ก็ไม่เห็นร่างเงาของทั้งสองแล้ว

บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด

ป้าเฉินถอนหายใจทีนึง “เฮ้อ~ยายสมศรีมากับฉัน เถอะ เดี๋ยวฉันไปชงน้ำขิงร้อนๆให้ยาย

“ได้ๆ ขอบคุณนะๆ” ยายสมศรีโน้มตัวกล่าวคำ ขอบคุณอย่างต่ำต้อย “หลายวันมานี้ฉันสร้างปัญหาให้ พิงกี้ ทำให้เธออารมณ์ไม่ดีใช่มั้ย?
ป้าเฉินสายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ค่ะ ถึงพิงกี้ไม่พูด แต่ในใจก็ยังคิดถึงยายอยู่ค่ะ ฝนตกครั้งนี้เป็นจดหัวเลี้ยว หัวต่อเลยเชียวนะ

ยายสมศรีได้ยินคำนี้แล้วรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ

“คุณยายไปนั่งพักที่ห้องนอนของฉันเถอะ พูดคุยกับ ฉันไปพลางๆก่อนเดี๋ยวเวลาก็ผ่านไปค่ะ”

ยายสมศรีอยากเจอพิงกี้มาก แต่ก็รู้ว่าเร่งรีบไม่ได้ ได้ แต่ตอบตกลง

ฝนตกครั้งนี้กินเวลานานมาก

พริบตาเดียวก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว พิงกี้กับเตชิตทาน ข้าวที่ชั้นบน ส่วนยายสมศรีที่อยู่ชั้นล่างก็ได้รับการดูแล จากป้าเฉินไปด้วย สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ กินกับข้าวสวยร้อนๆ แต่ไม่ใช่กินขนมปังและขนมจุกจิก ท่ามกลางสายลมหนาว

หลังทานข้าวเสร็จ สักพักพิงกี้ก็อยากนอนพักเที่ยง

แล้ว

เธอเปิดปากไล่เตชิตโดยตรง
“ข้าวก็ทานแล้ว คุณยังไม่กลับบ้าน

ถึงแม้เตชิตจะไม่เต็มใจไป ถึงขั้นเอาเรื่องที่ยายสมศรี อยู่ที่นี่มาเป็นข้ออ้าง แต่ก็สู้ความยืนหยัดของพิงกี้ไม่ได้ เพียงแค่เธอใช้สายตาจ้องปุ๊บ คุณชายเตชิตที่น่าเกรงขาม ก็กลัวแล้ว

“ฮี! ไปก็ได้” คุณชายเตชิตทำหน้ามุ่ย

พิงกี้เห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกตลก “ใช่แล้ว รอฝนหยุด แล้ว คุณสั่งคนขับให้ไปส่งคนที่อยู่ชั้นล่างไปเลยนะ ฉันไม่ อยากออกหน้าเอง และไม่อยากอยู่ใต้ชายคาเดียวกับเธอ นานเกินไป”

“ได้ ผมจะจัดการให้คุณเรียบร้อยเลย

พริบตาเดียวเตชิตก็ได้ใจขึ้นมา ดีอกดีใจจนเนื้อเต้น ก็ไม่รู้ว่าทำไมใช้ให้เขาทำงานแล้วเขาถึงยังร่าเริงแจ่มใส ได้ขนาดนี้อีก?

ไล่เตชิตไปเสร็จ พิงกี้ก็ได้กำชับพยาบาลที่ดูแล น้องแอ๊ปเปิ้ลอีกที จากนั้นถึงกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ตอน เที่ยงเธอจะต้องนอนพักผ่อนทุกวัน ตอนที่คลอดลูกทำให้ สุขภาพอ่อนแอไปเยอะ ถ้าไม่พักผ่อนหน่อยก็จะรู้สึกไม่ ค่อยกระปรี้กระเปร่า
เตชิตไปได้สักพัก ยายสมศรีสมองก็แล่นขึ้นมาคิดหา

วิธีอีก

“ป้าเฉิน คุณเตชิตไปแล้ว ตอนนี้พิงกี้ว่างใช่มั้ย ฉัน ไปดูเธอหน่อยได้มั้ย?”

“เกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ ป้าเฉินส่ายหัว “คุณพิงกี้จะ นอนพักเที่ยงค่ะ ตอนนี้น่าจะพักผ่อนอยู่

“เฮ้อ~.. ” ยายสมศรถอนหายใจแล้วยกมือขึ้น มาเช็ดน้ำตา “ฉันก็แค่คิดถึงพิงกี้ และอยากเห็นหน้า หลานชายฉันหน่อย แต่เสียดายกระดูกแก่อย่างฉันไม่รู้ ว่าจะรอถึงวันนั้นรึเปล่า? พิงกี้มีอคติกับฉันตลอด แต่ฉัน ก็…..เฮ้อ……”

เสียงถอนหายใจแรงๆสองที ทำให้ป้าเฉินคิดถึงเรื่อง ราวของตัวเอง ทีนี้ยิ่งเห็นใจยายสมศรีเข้าไปใหญ่

“ยายก็ไม่ต้องเสียใจหรอกค่ะ สักวันคุณพิงกี้ก็คงคิด ได้ค่ะ” ป้าเฉินพูดปลอบใจ

“แต่ฉันแก่แล้ว คงอยู่รอไม่ถึงวันนั้นแล้ว” ยาย สมศรีสายหัว “หลายวันมานี้ลมหนาวพัดจนฉันหนาวเข้า กระดูกดำ ฉันกลัวจริงๆว่าจะไม่ไมีชีวิตอยู่ถึงปีหน้าได้ ถ้า ก่อนตายฉันได้เจอหน้าหลานสักครั้งก็คงจะดีแล้ว……….
ยายสมศรีพูดแบบนี้ปุ๊บ ป้าเฉินก็ลังเลขึ้นมาทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ