คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่507: ความรู้สกที่ได้รับชัยชนะช่างดีจริงๆ



บทที่507: ความรู้สกที่ได้รับชัยชนะช่างดีจริงๆ

แม่ง คากิบำรุงหน้าอกบ้านเตี่ยมึงดิ!

น้ำหวานโมโหจนกำมือถือไว้แน่น จ้องข้อความ มือถือเอาไว้ ราวกับว่าจ้องจนข้อความนี้สามารถใช้ ม้า5ตัวลากศพแยกเป็นส่วนๆ ได้

ไอ้ไม้จิ้มฟัน!

ไอ้ไม้จิ้มฟัน!

ไอ้ไม้จิ้มฟัน!

ด่าอยู่ในใจลับๆไปสามคำ ในที่สุดความหดหู่ ในใจของเธอก็ได้จางหายไปนิดหน่อยแล้ว

ท้องฟ้าเริ่มมืด

ป้าแดงก็ทำกับข้าวเสร็จแล้ว เตชิตรอไปสักพัก ยังไม่เห็นน้ำหวานกลับมา เขาขมวคิ้วจนแน่น “ยัย บ๊องคนนี้คงไม่ใช่โกรธจริงๆมั้ง? มีปัญญาเป็นอกไข่ ดาวแต่ไม่มีปัญญาทนกับคำวิพากวิจารณ์ของคนอื่น สำออยจริงๆ”
พูดแขวะไปด้วย และหยิบมือถือขึ้นมาอย่าง

ปากไม่ตรงกับใจไปด้วย “ผมจะโทรเรียกคุณกลับ มาทานข้าวแค่สายเดียว จะกลับก็กลับมา ไม่กลับมา ก็ช่าง…..ฮิ!”

เขาหยิบมือถือขึ้นมา ยังไม่ทันได้โทรออกไป เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

เตชิตเงยหน้าขึ้นมาดู ทันใดนั้นแววตามีความ ดีใจ “คุณรู้จักกลับบ้านแล้วเหรอ?”

น้ำหวานที่จูงมือต้นข้าวกลับเงยหน้าขึ้นมา ใช้ สายตาเยือกเย็นจ้องเขาทีหนึ่ง

ก็แค่แว๊บเดียว สีหน้าที่เหมือนปล่อยวางภาระ อันหนักหน่วงได้ของเตชิตก็ได้กลายเป็นความ รังเกียจขึ้นมาทันที เขาตะคอกด้วยความอึดอัดใจ “มัวแต่จ้องอยู่ได้?ก็แค่ว่าคุณเป็นอกไข่ดาวไปคำ หนึ่ง ถึงขั้นต้องเจ้าคิดเจ้าแค้นนานขนาดนี้เลยเห รอ?”

น้ำหวานได้กลอกตาขาวใส่โดยตรง

ต้นข้าวสะพายกระเป๋าไว้ มองเตชิตด้วยความ มึนงงแล้วหันไปมองน้ำหวานที่จูงมือของตัวเองอยู่เธอถามด้วยความไร้เดียงสา “พี่น้ำหวานคะ อกไข่ ดาวคืออะไรเหรอคะ? เป็นคำพูดที่ลุงเตชิตด่าพี่หรือ เปล่าคะ?”

“.…………….” น้ำหวานไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ “ก็ ไม่ใช่คำด่าอะไรหรอกจร้า ลุงเตชิตแค่พูดไปเรื่อย เปื่อยน่ะ”

“แล้วอกไข่ดาวแปลว่าอะไรเหรอคะ?”

น้ำหวาน “.…..………….

เผชิญหน้ากับเด็กที่เต็มไปด้วยความอยากรู้ อยากเห็น น้ำหวานไม่มีแรงที่จะรับมือ

เตชิตดันยังมาก่อกวนอีก เขายิ้มตาหยีเดิน มา พูดอย่างอัดแน่นเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงกับ แฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง“ต้นข้าว ตั้งแต่วัน นี้เป็นต้นไปหนูต้องทานข้าวและดื่มนมเยอะๆนะ รู้ มั้ย? ไม่งั้นถ้าหนูพัฒนาการไม่ดีก็จะกลายเป็นอก ไข่ดาว ด้านหน้าด้านหลังแบนราบเหมือนกระดาน ขาเหยียบขึ้นไปก็ยังสามารถลื่นไหลลงมาได้แบบ นั้น สภาพแบบนั้น…..ชิ งั้นหนูก็จะเหมือนพี่น้ำหวาน ของหนูเลย ต่อไปจะไม่มีผู้ชายชอบหนูแน่นอน”
“อ่อ ค่ะ….” ต้นข้าวเหมือนจะฟังเข้าใจแล้ว เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “แต่ว่าหนูเพิ่งจะห้าขวบ เอง ไม่ต้องมีแฟนสักหน่อย ตอนนี้ผู้ชายที่ชอบหนู ล้วนแต่เป็นไอ้โรคจิตทั้งนั้น หนูยังจะหลบด้วยซ้ำ

เตชิตรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมากลาง สมอง

ต้นข้าวหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ คำพูดอัด แน่นเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงกับแฝงไว้ด้วยความ หมายที่ลึกซึ้งเหมือนเตชิตเป๊ะๆ “ลุงเตชิตคะ พี่น้ำ หวานเคยบอกหนูว่า คนที่ชอบจ้องมองแต่หน้าอก ของผู้หญิงต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร คุณลุงต้องเชื่อฟัง นะคะ อย่าเป็นคนแบบนั้นเด็ดขาดนะ

เตชิต

“Puchhhhh!” น้ำหวานกลั้นเสียงหัวเราะไว้

ไม่อยู่

“เอาล่ะๆ เราไปทานข้าวกันเถอะ พี่ได้กลิ่น หอมของเป็ดตุ๋นเบียร์แล้ว ” น้ำหวานจูงมือของต้น ข้าวไปที่โต๊ะอาหารด้วยความได้ใจ ทิ้งเตชิตที่อึ้ง เป็นไก่จาแตกไว้ข้างๆ
คิดไม่ถึงว่าคำพูดที่น้ำหวานสอนต้นข้าวใน

ก่อนนหน้านั้น จะถูกต้นข้าวเอามาเลียนแบบใช้ 55555

ความรู้สึกที่ได้รับชัยชนะมันช่างดีจริงๆเลย!

อารมณ์ดีขนาดนี้ น้ำหวานทานข้าวเยอะกว่า ปกติถ้วยหนึ่งเลย

เพียงแต่ เวลาประมาณสองทุ่ม หลังจากที่ เธอได้รับสายของพิงกี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆ จางหายไปแล้ว สุดท้ายกลายเป็นความเงียบสงบ อารมณ์ที่อยู่ในดวงตาก็กลายมาเป็นเยือกเย็น

พรุ่งนี้………

ดุสิตก็จะขึ้นศาลแล้ว

ทั้งคืน น้ำหวานก็มีเรื่องอยู่ในใจจนหัวใจไม่สงบ นอนก็นอนไม่หลับ แต่พอตื่นตัวอยู่ก็ปวดหัวจะแย่ แทบอยากจะหลับทีเดียวจนตื่นมาพรุ่งนี้เช้าเลย

ทุบสมองที่ปวดตุ๊บๆไปครู่หนึ่ง น้ำหวานลุกขึ้นมาจากเตียง ตัดสินใจจะไปดื่มน้ำที่ห้องครัวและแวะ ออกไปเดินเล่นซะหน่อย

ใครจะไปรู้ เพิ่งเปิดประตู เธอก็เห็นในห้องครัว มีแสงสว่าง

เธอหันไปมองด้านหลังด้วยความสงสัย ห้อง นอนของเธอกับต้นข้าวมีนาฬิกาแขวนอยู่ นาทีนี้เข็ม ได้ชี้ไปที่หมายเลขสี่ เวลานี้ยังมีคนอยู่ในห้องครัว?

คงไม่ใช่ป้าแดงมั้ง?

เพราะน้ำหวานไม่สบาย สมองเลยมึนๆ เธอเดิน ไปที่ห้องครัว พบว่าคนที่อยู่ด้านในคือเตชิต

คืออีตาบ้านี่เหรอ?!

พริบตาเดียว ความหดหู่และความโศกเศร้าที่ อยู่ในใจก็ปลิวหายไปเลย กลายเป็นความหงุดหงิด

เธอหันหลังเตรียมเดินจากไป แต่กลับถูกเขา เรียกตัวเอาไว้ “ทำไมคุณถึงออกมาได้ล่ะ? มาหา ผมโดยเฉพาะเลยใช่มั้ย?

” น้ำหวานหันหลังมา มองไปยังเตชิตที่ยืนอยู่ในห้องครัว แกว่งแก้วที่อยู่ในมือไปมา “คุณนี่ หลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า ฉันก็แค่มาดื่มน้ำเฉยๆ”

“แล้วทำไมคุณไม่มาดื่มน้ำล่ะ?”

“เห็นคุณอยู่ที่นี่ แม้แต่น้ำก็ดื่มไม่ลงแล้ว” น้ำ หวานพูดอย่างไม่สบอารมณ์

เดิมทีนึกว่าเตชิตจะสวนกลับด้วยคำพูดเฉียบ คม แต่ว่า น้ำหวานแค่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆเสียง หนึ่ง ราวกับว่าแฝงด้วยความจนปัญญาที่แปลก ประหลาด

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองหรอ……” เตชิตพยัก หน้า จากนั้นก็หันหลังไปอีก เพราะเขาหันหลังให้กับ ทางประตู น้ำหวานมองไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไร อยู่

เพียงแต่ มองดูร่างเงาที่สูงใหญ่สง่าผ่าเผยของ เขาเผยให้เห็นถึงความเงียบเหงา ไม่นึกเลยว่าเธอ จะเดินเข้าไปในห้องครัวเหมือนผีเข้าสิง ไปยืนอยู่ที่ ด้านหลังเขา

“แล้วคุณล่ะ ทำอะไรอยู่?” เธอถาม
“คุณไม่มีตาหรือไง?” เตชิตย้อนถามโดยที่ไม่ เงยหน้าขึ้นมามองเลย

น้ำหวานเดินไปดูใกล้ๆ พบว่าเขากำลังเลือก ดอกตูมกุหลาบทีละดอกๆ ข้างๆมือยังมีดอกไม้แห้ง นาๆชนิดและมะนาวแห้งวางอยู่ เธอรู้สึกแปลกใจ “นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ? กะว่าจะสะสมดอกไม้ แห้ง เอาไว้ทํางานฝีมือเหรอ?”

“สมองคุณนี่คิดได้แค่นี้เองเหรอ?” เตชิตหัว เราะเชอะเสียงหนึ่ง แต่ท่าทางในมือก็ยังไม่หยุด

“แล้วคุณจะไว้ทำอะไรล่ะ?”

“ทำของกิน”

“อ๋อ…..” นี่ดูไฮโซจริงๆเลย แบร่~น้ำหวาน พูดอย่างเซ็ง “ฉันว่าเอาดอกไม้แห้งทำเป็นงานฝีมือ ถึงจะเรียกว่าศิลปะมากกว่ามั้ง? สมองคุณคิดแต่ เรื่องกิน นี่สิถึงเรียกว่าพื้นๆ

“กินก็เป็นเรื่องพื้นๆงั้นเหรอ? แน่จริงตั้งแต่พรุ่ง นี้เป็นต้นไปคุณก็อดข้าวเลยนะ”

“แต่อย่างน้อยงานฝีมือก็ไม่ถือว่าพื้นๆมั้ง?
“งั้นก็ต้องดูว่าใครเป็นคนทำ ดวงตามีเสน่ห์ ของเตชิตกวาดมาที่เธอที่หนึ่ง “ถึงแม้ดอกไม้แห้ง พวกนี้ทำเป็นงานฝีมือจะมีราคาที่ล้ำค่า แต่ถ้าคนที่ ผมชอบอยากใช้มาชงดื่ม งั้นก็ยังเป็นชาที่มีมูลค่าสูง กว่า”

ชงเป็นชาว

น้ำหวานอึ้ง จู่ๆนึกถึงพิงกี้ที่อยู่วิลล่าNo.1 ไป เมื่อไหร่ก็จะได้ดื่มชาที่จะมาจากดอกไม้นาๆชนิด ตลอด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ