คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่433:คุณเตชิตผิดปกติ



บทที่433:คุณเตชิตผิดปกติ

“คุณยังไม่ได้ฟังว่าฉันจะพูดเรื่องอะไรเลย คุณก็ บอกว่าไม่ได้แล้ว?” พิงกี้ไม่พอใจแล้ว ยื่นมือจิ้มหน้าอก ของผู้ชาย ผลปรากฎว่ากลับถูกเขาจับเขี้ยวเล็บเธอไว้

เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกๆ “ทุกครั้งตอนที่ เรียกผมที่รัก ในใจคุณกำลังมีความคิดแย่ๆอะไรอยู่ คุณเองก็ไม่รู้หรอ?”

พิงกี้ “……..

“พูดมาเถอะว่าคุณมีเรื่องอะไรกันแน่?” เควินพูด

พิงกี้ขยับไปเข้าไปคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกเขา “เอาล่ะๆ…..คืออย่างนี้ค่ะ ช่วงนี้คุณเตชิตดูผิดปกติ คุณรู้อยู่ใช่มั้ยคะ?”

“อืม” เควินพยักหน้า

เตชิตแค่ผิดปกติซะที่ไหน?

นี่มันผิดปกติมากๆๆเลยชัดๆ!

อีกอย่าง เขาก็รู้ว่าทำไมเตชิตจะต้องทำแบบนี้ ก็ ไม่ใช่อยากหลอกใช้ใครบางคนมาบรรลุเป้าหมายของ ตัวเองหรือ? ความคิดของเตชิตปิดบังคนอื่นได้ แต่ ปิดบังเขาไม่ได้หรอก
“ในเมื่อคุณก็รู้ว่าคุณเตชิตผิดปกติ งั้นก็ต้องรู้ แน่นอนว่าช่วงนี้ฉันอึดอัดมาก หรือว่าเอางี้………เรา ให้คุณเตชิตกลับไปที่วิลล่าNo.3ดีมั้ยคะ?” พิงกี้พูด วัตถุประสงค์ของตัวเองออกมา “ก่อนหน้านั้นเขาพัก อยู่ที่นี่ก็ยังดีๆอยู่เลย แต่ช่วงนี้ก็ไม่รู้ว่าน้ำเข้าสมองหรือ เปล่า ชอบทำเรื่องแปลกประหลาดอยู่เรื่อยเลย ฉันรู้สึก อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว สู้ให้เขากลับไปที่วิลล่าของตัวเอง ไม่ดีกว่าหรอคะ? แบบนี้ฉันก็ผ่อนคลายลง คุณก็ไม่ต้อง มาระบายอารมณ์ใส่ฉันตลอดด้วย!”

พูดถึงสุดท้าย พิงกี้ก็รู้สึกค่อนข้างหดหู่แล้ว

เธอรู้สึกที่ก่อนหน้านั้นเควินทนเตชิตมาโดยตลอด ด้านนึงคือเพราะเตชิตก็ไม่ได้ทำเรื่องที่ไปแตะฟางเส้น สุดของเควิน แค่ทำให้เรื่องสะอิดสะเอียนทั้งทางลับและ ทางสว่างเฉยๆ

แถมฝ่ายตรงข้ามยังเป็นเธอซะด้วย!

อีกด้านนึง ไม่แน่ผู้ชายคนนี้ก็อาจจะฉวยโอกาศอ ยาก“จัดการ”เธออย่างเปิดเผยก็ได้!

แต่ว่า เธอสุดทนแล้วจริงๆ

“คุณเควิน คุณรับปากฉันเถอะนะคะ!” พิงกี้ทำ ปากจู๋ออดอ้อน
เธอไม่เชื่อว่าวันนี้จะเอาเรื่องนี้อยู่หมัดไม่ได้

“คุณบอกว่าให้เตชิตกลับไปที่วิลล่าของเขา แล้ว คุณรู้มั้ยว่าเตชิตก็อาจจะมีความคิดนี้แหละ?” เควิน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา

ถึงแม้ก็เตรียมใจไว้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังรู้สึก หงุดหงิดอยู่ดี มีใจอยากจะจุดบุหรี่ขึ้นมามวนนึง แต่พอ เห็นใบหน้าสะสวยของพิงกี้ นึกถึงเธอสูดควันบุหรี่ไม่ได้ ความวู่วามที่อยากจะสูบบุหรี่ของในใจก็ได้ดับลงไป

“ฉันก็รู้ค่ะ……” พิงกี้รู้สึกจนปัญญา “ช่างเถอะ งั้นอยู่แบบนี้แหละ”

“จริงนะ?”

“อย่างมากฉันก็แค่อยู่ชั้นบนไม่ลงไปชั้นล่าง แบบ นี้ก็ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดแล้ว”

พิงกี้นึกถึงชั้นดาดฟ้ายังมีพื้นที่ว่างที่ไม่ค่อยได้ใช้ งาน ถึงเวลาก็จ้างคนมาทำห้องกันแดด แล้วให้ป้ามะลิ เอาดอกไม้มาประดับตกแต่ง ไม่แน่อาจจะเป็นประโยชน์ อย่างนึงก็ได้

แบบนี้ เธอก็ไม่ต้องลงไปเจอหน้ากับเตชิตที่ชั้นล่า งบ่อยๆแล้ว
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามวันแล้ว

พิงกี้อยู่ในห้องมาสามวัน เริ่มรู้สึกเบื่อแล้ว โรง พยาบาลที่ภูผาพักรักษาตัวอยู่โทรศัพท์มาพอดีเลย บอกว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกเตรียมพร้อมทุก อย่างแล้ว ตอนนี้ก็แต่รอเวลาผ่าตัดอย่างเดียว

จึงโทรมาถามพิงกี้ดูว่าจะไปเยี่ยมภูผาที่โรง พยาบาลมั้ย พิงกี้คิดทบทวนไปสองวินาที และได้ให้คำ ตอบที่แน่ชัดไป

ยังไงก็เป็นพี่น้องกัน ภูผาก็แสดงถึงความจริงใจ อย่างเห็นได้ลางๆแล้ว พิงกี้รู้สึกถ้าตัวเองไม่ไปมันก็ คงจะไม่ดี ไปเยี่ยมเขาสักหน่อยก็ไม่ได้เสียเวลาอะไร หรอก

ให้พายุเตรียมรถ พิงกี้ให้ป้ามะลิไปเป็นเพื่อนด้วย

ตอนนี้อายุครรภ์ของเธอก็มากแล้ว บางทีทำอะไร ก็ไม่ค่อยสะดวก ข้างกายมีผู้หญิงคอยดูแลจะดีกว่า ถึง แม้พายุสามารถคุ้มกันความปลอดภัยของเธอได้ แต่ เรื่องดูแลคนท้องจะสู้ผู้หญิงที่อาบน้ำร้อนมาก่อนได้ อย่างไร

มาถึงโรงพยาบาล
พอผลักประตู พิงกี้แว๊บแรกก็เห็นภูผาที่นอนอยู่บน

เตียง

สีหน้าของภูผาขาวซีด เพราะการรักษาทำให้ผม ของเขาร่วงท้เป็นก๋า เขาจึงได้โกนหัวล้านซะเลย

เขากำลังเหม่อลอยอยู่ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองวิว ทิวทัศน์นอกหน้าต่าง มองอย่างไม่คลาดสายตา สีหน้า ของเขาสงบมาก แต่มือที่วางอยู่บนผ้าห่มกลับกำไว้เป็น หมัดเบาๆ จุดเล็กน้อยพวกนี้เผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ตื่น เต้นกับการไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเอง

เดิมทีพิงกี้ยังโกรธเคืองอยู่นิดหน่อย แต่เห็นภูผา แบบนี้แล้ว เธอก็อดใจอ่อนไม่ได้อีก

ที่จริงพูดอย่างเข้มงวดหน่อย นอกจากภูผารู้ข่าว การเสียชีวิตของมาลาตีแล้วตบหน้าเธอทีนึง ดูเหมือน ว่าภูผาก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นที่ผิดต่อเธอเลย

เธอเปิดปากพูดเบาๆ “ภูผา”

“พี่พิงกี้……” ภูผาหันหน้ามาก็เห็นพิงกี้ที่ยืน อยู่หน้าห้อง ทันใดนั้นแววตามีความละอายใจโผล่ขึ้น มา และรู้สึกเซอร์ไพรส์ด้วย เขาพูดอย่างสะเปะสะปะ “พี่….พี่มาได้ยังไงครับ? ไม่ ผมไม่ใช่ไม่ต้อนรับพี่นะ ผมแค่ ผมแค่…
ภูผาตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปพูดมาสื่อ ความหมายออกมาไม่ได้ สุดท้ายได้แต่หุบปากอย่างน่า สงสาร ดวงตาทั้งคู่มองพิงกี้อย่างทำอะไรไม่ถูก

มีเรื่องมากมายที่เมื่อก่อนเขาไม่รู้

หรือต้องบอกว่า เมื่อก่อนก็ขี้ขลาดที่ไม่กล้าให้ตัว เองไปรู้ และไม่กล้าไปคิดด้วยแหละ

แต่ตอนที่เรื่องพวกนั้นถูกเปิดโปงอยู่ตรงหน้าเขา เขากลับไม่ไปเผชิญไม่ได้……….อย่างเช่น แม่ที่เขาเคย คิดว่าอ่อนโยนจิตใจดีและรักใคร่เอ็นดูเขา แต่สำหรับ คนอื่นแล้วกลับเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตและไร้ มนุษยธรรม

อย่างเช่น พิงกี้อยู่บ้านดำรงกูลไม่ได้อยู่ดีมีสุขเลย หลังถูกไล่ออกจากบ้านดำรงกูลก็ยังถูกคนของตระกูล ดำรงกูลวางอุบายอย่างสุดฤทธิ์อีก

เรื่องมันยากเกินกว่าที่จะอดทนแล้ว ไม่ว่าใคร ตามถ้าถูกบีบจนถึงขีดสุด ต่างก็ไม่มีใครยอมทนอย่าง กล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจหรอก

แต่เขากลับยังกล่าวโทษเธออีก

“พี่รู้….……….” พิงกี้เดินมาที่ข้างเตียง “สองวันนี้เป็น ไงบ้าง? คุณหมอบอกตอนเย็นนายก็จะเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกแล้ว เตรียมใจพร้อมหรือยัง?

ก่อนที่จะเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูก ภูผาต้อง เข้าห้องปลอดเชื้อก่อน ในเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาสุดท้าย ที่จะสามารถพูดคุยกับญาติพี่น้องแล้ว

“ผมรู้สึกก็ยังโอเคอยู่ครับ” ถึงแม้ภูผาจะกลัวๆอยู่ แต่กลับเผยรอยยิ้มร่าเริงออกมาอีกเช่นเคย “พี่ไม่ต้อง เป็นห่วงผมหรอก ผมจะต้องดีขึ้นแน่นอน ก่อนหน้านั้น ผมยังไม่ได้ขอบคุณพี่เลย ขอโทษด้วยนะครับ……ผม อยากบอกว่าขอบคุณพี่แล้วก็พี่เขยด้วย ขอบคุณที่พวก พี่ทำทุกวิถีทางช่วยหาผู้บริจาคให้ผมได้ และช่วยชีวิต ผมเอาไว้”

“ผมรู้ถ้าไม่มีพวกพี่ ผมคงต้องตายสถานเดียว ผม ไม่ควรโทษพี่ และไม่มีใครมีสิทธิ์โทษพี่และบังคับพี่ ด้วย…. พี่พิงกี้ ก่อนหน้านั้นที่ผมตบหน้าพี่ไปทีนึง ผม ขอโทษ…….ผมไม่ควรทำแบบนั้น”

พูดถึงตรงนี้ ภูผาหลุบตาลง ปกปิดแววตาที่ซับ ซ้อนเอาไว้

สีหน้าของเขาจริงใจ แต่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับพิง

กี้อีกเช่นเคย

พิงกี้รู้ดีแก่ใจ “นายยังโทษพี่ที่ยิงมาลาตีเสียชีวิต

ใช่มั้ย?”
” …” ภูผาตัวสั่น “ผม…..ผมก็ไม่รู้ครับ แต่ ว่า ถึงไม่ยิงแม่ตาย ตอนั้นพี่น่าจะยังมีวิธีอื่นที่สามารถ ควบคุมแม่ได้อยู่มั้งครับ? ไม่ ไม่จำเป็นต้องยิงแม่ตายใช่ มั้ย?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ