คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บท 492 ผมว่าคุณวางแผนกระทำมิดีมิร้ายกับผมมากกว่ามั้ง?



บท 492 ผมว่าคุณวางแผนกระทำมิดีมิร้ายกับผมมากกว่ามั้ง?

พิงกี้เพิ่งพูดออกมา น้ำหวานก็อึ้งค้างไปแล้ว

เพราะพิงกี้เล่าอย่างกระทันหัน สมองของน้ำหวาน ยังไม่ทันระบายคำพูดเหล่านั้นที่เตชิตกับดุสิตโต้เถียง กัน สมองกำลังถูกอารมณ์โจมตีอยู่เป็นระลอกๆ

เธอกำลังคิดเรื่องที่ตระกูลภักดีวัฒนากุลวางอุบาย เธอให้รับโทษแทนดุสิตอยู่ แต่พิงกี้ก็มาบอกกับเธอ ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้แล้ว เพราะเธอจัดการเสร็จ เรียบร้อยแล้ว……..โลกเปลี่ยนแปลงไวเกิน!

นี่ก็เหมือนเพิ่งเจอผู้ชายเหี้ยๆที่นอกใจ นาทีต่อ มาเพื่อนรักก็บอกกับเธอว่าจัดการเรื่องหย่าให้เธอ เรียบร้อยแล้ว

ตั้งแต่เด็กเธอก็เป็นคนไม่ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว สมองไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่ ต่อต้านเรื่องที่มาอย่างพลัง มหาศาลที่โหมถล่มทะลายเสมือนพลังขุนเขาที่จะล้ม ครืนลงและมหานทีที่จะไหลทะลักเข้ามาไม่ทัน ความ เงียบที่แทบจะหยุดชะงักของเธอ ทำให้พิงกี้ตื่นเต้นและ จิตใจกระสับกระส่าย

“น้ำหวาน เธอโกรธฉันใช่หรือเปล่า? ก็ใช่น้อ ฉัน ก็พูดเองเออเองโดยที่ไม่ถามความคิดเห็นของเธอฉันก็ ทำเกินไปจริงๆแหละ ฉันขอโทษนะ” พิงกี้รู้สึกผิด

ไม่ว่าเธอทำไปเพื่ออะไร ไม่ว่าเธอทำไปเพื่อปกป้องนํ้าหวานหรือเปล่า แต่ลืมคำนึงถึงอารมณ์ของ น้ำหวานก็คือความผิดเธอ เพราะอย่างไรซะ นี่ก็ถือว่า เป็นการดำเนินการอย่างเฉียบขาดเกินไปแล้วค่อย รายงานให้เธอทราบทีหลัง

ถึงเวลาดุสิตถ้าได้ข้อมูลนี้ขึ้นมา เขาต้องไม่เชื่อ แน่ๆเลยว่าน้ำหวานเป็นผู้บริสุทธิ์ คงจะคิดแต่ว่าเธอสมรู้ ร่วมคิดกับพวกเขา

คนที่จะถูกตำหนิเยอะที่สุดก็คือน้ำหวาน

เธอลืมจุดนี้ไป

นึกถึงสายตาที่ดุสิตมองน้ำหวานก่อนหน้านั้น แวว ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่ถูกทรยศ พิงกี้ รู้สึกเหมือนตัวเองได้หลอกลวงเพื่อนของตัวเอง อยู่ดีๆ ก็ทำให้เพื่อนรักตัวเองกลายเป็นผู้หญิงเหี้ยๆที่หลังจาก เลิกกันไม่ทันไร ก็รีบไปมีคนรักใหม่….………

“ฉันไม่ได้โกรธ แค่เรื่องมันเยอะเกินไป ทำให้ฉัน รับไม่ค่อยได้ ฉันต้องใช้เวลาทำใจหน่อย” น้ำหวาน ส่ายหัว กลัวพิงกี้จะคิดมาก เธอก็ได้อธิบายอีก “พิ้งกี้ ฉันไม่ได้โกรธจริงๆ ฉันรู้ว่าเธอทำไปเพราะหวังดีกับฉัน จริงๆนะ”

“.………อืม” พิงกี้พยักหน้า
มองดูน้ำหวานที่ปกปิดใบหน้าที่อิดโรยไว้ไม่อยู่ เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็น เธสีหน้าที่มีชีวิตชีวาของเธอ ปกติเธอจะเป็นคนใบหน้า เบบี้แฟตและมีเลือดฝาด ทันใดนั้นพิงกี้รู้สึกสงสารมาก อย่างห้ามใจไม่ได้

กอดน้ำหวานเบาๆ พิงกี้พูดว่า“น้ำหวาน ฉันหวัง อยากให้เธอมีความสุขตลอดไปนะ”

รถขับมาถึงวิลล่าNo.1 ก็บ่ายสามแล้ว

ตอนเที่ยงไม่ได้ทานอะไรเลย พิงกี้เริ่มหิวข้าวแล้ว

“ฉันให้ป้ามะลิเตรียมกับข้าวแล้ว คุณเตชิต คุณ อยู่ทานข้าวพร้อมพวกเราเถอะค่ะ” พิงกี้เปิดปากเรียน เชิญ

ขากลับ เธอกับน้ำหวานนั่งรถของเตชิตมาด้วยกัน

เตชิตเป็นคนเรียกร้องเอง เหตุผลก็คือจะใช้งาน เขาเสร็จแล้วขับไล่ไสส่งเขาไม่ได้ เขาหวังว่าตัวเองจะ สามารถฮ็อตฮิตแบบนี้ต่อไป

“ข้าวมื้อเดียวก็อยากจะผลักไสไล่ส่งผมงั้นเห รอ?” เตชิตยักคิ้ว “อย่างน้อยก็ต้องเพิ่มอาหารว่างอีกมื้อหนึ่งถึงจะได้”

พิงกี้อดขำไม่ได้ “คุณคิดถึงคุกกี้ที่ป้ามะลิทำเหรอ

….ใช่” เตชิตไปต่อไม่ถูกเลย

พิงกี้เข้ามาถึงบ้านก็ไปหาป้ามะลิ ให้ป้ามะลิยก กับข้าวออกมา จากนั้นก็ทำอาหารว่างที่เตชิตและน้ำ หวานชอบ หลังจากสั่งการเสร็จ เธอก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ ที่ชั้นบน

กลับมาถึงบ้าน พิงกี้เกลียดที่ใส่จะชุดเป็นทางการ ที่สุด เธอชอบใส่ชุดรำรองที่สวมใส่สบายๆ

เธอขึ้นไปชั้นบนปุ๊บ เตชิตกับน้ำหวานที่นั่งอยู่ใน ห้องรับแขกก็สบตากัน จากนั้นก็ส่งเสียง“เชอะ”ออก มาพร้อมกัน ทั้งสองต่างก็ดูอีกฝ่ายไม่เข้าตา

เตชิตเปิดปากพูดก่อน “น้ำหวาน รบกวนต่อไป คุณช่วยมีสมองให้มากกว่านี้หน่อยได้มั้ย อย่าทำให้พิง กี้ต้องคอยห่วงนูนห่วงนี่แทนคุณจะได้มั้ย? หาผู้ชายก็ ไม่มีแวว ทำเรื่องก็ทิ้งปัญหากองโตไว้ให้ ถ้าคุณไม่เจอ เพื่อนรักที่ดีขนาดนี้ ผมว่าตัวคุณเองก็สามารถทพจนตัว เองตายได้แล้ว”

“งั้นก็ต้องเสียใจด้วยนะคะ ก็ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินคำว่าคนโง่มีบุญวาสนาของคนโง่มั้ย?”น้ำหวานถอน หายใจ “เฮ้อ~เวลาคนมันจะดวงดี ฉุดยังไงก็ฉุดไม่อยู่ ฉันสนิทกับพิงกี้มาตั้งแต่เด็ก มิตรภาพของเราแน่นแฟ้น มาก ดังนั้นพิงกี้ถึงได้เป็นห่วงฉันเป็นใยฉันทุกเรื่อง ก็ เธอจะดีกับฉันอ่ะ จะทำยังไงได้ ไม่เหมือนใครบางคน ทั้งๆที่เป็นแค่หมาเยอรมันเชเพิร์ด แต่ดันจะแกลทำตัว เป็นหมาไซบีเรียน ฮัสกี ถึงจะสามารถมาทานข้าวได้ เป็นครั้งคราว ช่างน่าเวทนาจริงๆ”

” เตชิตหรี่ตา “นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอเห็น คุณอายุปูนนี้แล้ว สงสารคุณที่ถูกหลอกทั้งเงิน หลอก ทั้งตัวและถูกหลอกใจ ถึงได้รับคุณเอาไว้? ตอนที่ผมไม่ สบายก็พักอยู่ที่นี่ตั้งหลายเดือน คุณรู้หรือเปล่า?”

“อ๋อ……” น้ำหวานแกล้งทำเป็นเข้าใจขึ้นมาทันที (( “ถึงว่าล่ะเมื่อวานพิงกี้ยังบอกอยู่เลยว่าไม่ชินที่บ้าน เงียบเกินไป บอกว่าอยากจะไปเอาหมามาเลี้ยงตัวหนึ่ง อยู่เลย”

เตชิต

เขาหมดคำพูดโต้ตอบ!

ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่รู้ว่าวันนี้ถูกสะกิดอารมณ์อะไร หรือเปล่า ปากจัดกว่าปกติเยอะเลย

ช่างเถอะ
ผู้ชายดีๆไม่ทะเลาะกับผู้หญิง เตชิตปลอบใจตัว เองอยู่ในใจอย่างนี้

เพียงแต่ เขาหยุดแล้ว น้ำหวานกลับไม่ยอมหยุด

“คุณเตชิต เห็นแก่ที่เราเป็นคนรู้จักกัน ฉันขอ เตือนคุณคำหนึ่งเถอะ ถ้าคุณไม่ชอบคุกกี้ชาเขียว ก็ อย่าฝืนตัวเองอีกเลย ไม่แน่สักวันคุณอาจจะสามารถหา พายถั่วแดงที่คุณชอบเจอก็ได้ ไม่ใช่เหรอคะ?

เดิมทีเตชิตยังพิงอยู่ที่โซฟาอย่างชิวๆ แต่พอได้ ยินคำพูดของน้ำหวาน แววตากลายเป็นเฉียบคมขึ้นมา ทันที ร่างกายก็เกร็งขึ้นมาอย่างห้ามใจไม่ได้ เหมือน จิ้งจอกที่ถูกทิ่มโดนจุดที่บาดเจ็บ

เขาจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “คุณนี่ช่างสังเกตจังเลยนะ ไม่ นึกเลยว่าจะรู้ว่าผมชอบทานพายถั่วแดง ทำไม?ใกล้ จะอายุปาเข้าไปสามสิบ ไม่มีผู้ชายไม่ได้แล้ว ดังนั้นจึง อยากลงมือกับผม? แต่เสียดาย ผมไม่ชอบผู้หญิงเป็น ห่วงผมอย่างมีเจตนาอย่างอื่น”

น้ำหวานเบะปากมองบน “ถึงฉันจะอายุปูนนี้แล้วก็ ไม่มีเจตนาอื่นกับคุณหรอก! คุณวางใจเถอะ ตอนนี้ฉัน ยังถือว่ามีเงินอยู่นิดหน่อย ถึงหาหนุ่มเอ๊าะๆไม่ได้ แต่ก็ ไม่เอาทหารเกษียณอย่างคุณหรอก”

เตชิต “…”
เขาถือว่าได้แน่ใจแล้วจริงๆ

ว่าอะไรเรียกว่า มีแค่สตรีและคนถ่อยที่เข้าได้

ยาก!

เวลาพลังแห่งการต่อสู้ของผู้หญิงแข็งแกร่งขึ้น มา แกร่งยิ่งกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์เสียอีก ตอนนี้ยังไม่ ได้กลับไปที่หน่วยสืบหมาป่าแดง หัวหน้าของหมาป่า แดงในอดีต ตอนนี้ยังนั่งกินนอนกินอยู่ที่บ้านอยู่เลย สามารถใช้คำว่า “เกษียณ”มาเปรียบเปรยจริงๆ

เจ็บจนปวดตับจริงๆ

แต่แล้ว เตชิตกำลังเตรียมกู้คืนศักดิ์ศรีสักหน่อย ป้ามะลิก็ได้ตะโกนว่า “คุณเตชิต คุณน้ำหวาน มาทาน ข้าวได้แล้วนะคะ”

“โอเคครับ” เตชิตตอบคำหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้น เดินมาที่ตรงหน้าของน้ำหวาน จู่ๆเขาโน้มตัวห้อมล้อม เธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาพราวเสน่ห์จ้องมองเธอ แฝง ด้วยการหยอกล้อที่มีความหมายลึกซึ้ง

น้ำหวานกลั้นหายใจไว้

เขาเข้าใกล้เกินไปแล้ว!

ความรู้สึกที่แทบจะหยดหายใจได้คืบคลานเข้ามาหาอีกแล้ว เบาะโซฟานุ่มกว่าประตูเยอะเลย น้ำหวาน พยายามถอยไปด้านหลังอย่างสุดฤทธิ์ พยายามรักษา ระยะห่างกับเตชิต แต่ว่าก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงลม หายใจที่อบอุ่นของเขา

แผ่นหลังมีเหงื่อซึมออกมา ใบหน้าเธอแดงก่ำขึ้นมา อย่างควบคุมไม่ได้

ในขณะนี้เอง เสียงที่แฝงด้วยความซับซ้อนและ ประหลาดใจของพิงกี้ดังขึ้น “พวกคุณกำลังทำอะไรกัน คะ?”

ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆในใจมีความรู้สึกตื่นเต้นเหมือน ถูกจับได้ว่าเป็น

“เปล่า ไม่ได้ทำอะไร?” น้ำหวานตอบไปด้วย และ

ใช้มือและเท้าผลักเตชิตออกอย่างแรงด้วย

ใครจะไปรู้ ขาของเธอเพิ่งถีบโดนเข่าของเขา ข้อศอกดันไปโจมตีโดนมือที่เขายันไว้อยู่ข้างกายเธอ พอจุดโฟกัสทรงตัวไม่อยู่ เตชิตแบกร่างกายไว้ไม่ไหว ก็ได้ล้มลงมาที่ด้านหน้า ทับอยู่บนร่างกายของเธอพอดี

ริมฝีปากที่อบอุ่นของเขา แนบอยู่ที่แก้มร้อนผ่าว

ของเธอพอดี

“อ๊า!”
น้ำหวานร้องตกใจออกมาเสียงหนึ่งโดยที่ไม่คิด

เลย

แต่เตชิตกลับสงบนิ่ง

เขารีบลุกขึ้นมาอย่างไว เช็ดริมฝีปากด้วยความ รังเกียจ และจ้องมองเธอด้วยความดุร้าย “คุณร้องกรี๊ด กร๊าดทำไม? ถ้าดูจากหน้าตาแล้วผมเป็นผู้เสียหาย มากกว่า คุณมีอะไรน่าตกใจด้วย!”

“ใครพิศวาสหน้าตาคุณไม่ทราบ?” น้ำหวาน หายใจกระหืดกระหอบ เธอลุกขึ้นมาอย่างไว และผลัก เขาออกอย่างแรง “คุณนึกว่าฉันพิศวาสหน้าตาคุณ มากงั้นหรอ? ฉันจะบอกคุณให้ ฉันไม่ชอบผู้ชายที่มี ความเป็นผู้หญิงมากกว่าฉันหรอก! ถูกคุณจูบทีหนึ่ง หลายวันนี้ฉันคงไม่กล้าออกจากบ้านเลย กลัวเดี่ยว ออกไปเดินเล่นแล้วถูกหมาบ้าที่ข้างนอกกัด!”

“ใช่ๆๆ ผมหน้าตาดีกว่าคุณ เลยทิ่มแทงโดน ศักดิ์ศรีที่น่าสงสารของคุณใช่มั้ยล่ะ? งั้นก็ต้องขอโทษ ด้วยนะ!” เตชิตย้อนกลับด้วยรอยยิ้ม สายตาเหลือบ มองหน้าอกของน้ำหวานทีหนึ่ง “คุณก็อย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีหน้าอกเล็กกว่าผมหรอก ถ้าไม่ใช่ คุณใช้มือเท้าร่วมกันมาสร้างอุบัติเหตุ เมื่อกี้ผมก็ไม่ พลาดหรอก ผมว่าคุณวางแผนกระทำมิดีมิร้ายกับผม มากกว่ามั้ง?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ