คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่541: ปล่อยเธอ!



บทที่541: ปล่อยเธอ!

มานพไม่แน่ใจ

เขาไม่มีสภาพจิตใจที่ดีขนาดนั้น และไม่มี ความมั่นใจขนาดนั้น

พิงกี้เป็นคนที่เห็นความชั่วเป็นศัตรู เธอ แยกแยะผิดถูก เขาทำเรื่องที่ไม่ควรทำและทำเรื่อง ที่ชั่วช้าเลวทรามขนาดนั้น เธอยังจะแคร์เขาเหมือน ที่ผ่านมาอีกมั้ย?

เมื่อกี้เธอร้องไห้หนักขนาดนั้น คงเพราะเขาที่ เคยเป็นคนจิตใจดีในใจเธอ นาทีนี้ได้ตายไปแล้ว ดัง นั้นเธอถึงได้เสียใจขนาดนั้นมั้ง?

ที่ยิ่งสำคัญกว่าคือ เธอไม่รักเขา

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา ถูกจำกัด อยู่แค่ที่ความเป็นเพื่อน หรือว่าความเป็นคนใน ครอบครัวแค่ส่วนเล็กน้อย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ ความรักเลยแม้แต่น้อย แต่ดัน มีแค่ความสัมพันธ์ ทางครอบครัวกับความรัก ที่สามารถให้คนละทิ้ง หลักการและฟางเส้นสุดท้าย ภายในระยะเวลาอัน สั้นได้มากที่สุด

มานพหลุบตาลง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแรงๆ หนึ่ง

ดีที่ไม่ว่าจะได้ผลลัพธ์ยังไง เขาก็ไม่เสียใจ และสามารถยอมรับอย่างจิตใจเยือกเย็นและไม่ สะทกสะท้าน

“เธอไม่มีทางรับปากหรอก” มานพพูดอย่าง เรียบเฉย

เสียงทุ้มต่ำ แฝงด้วยความเจ็บปวดที่ตัวเขาเอง ถึงจะเข้าใจ

“เพราะอะไร? ลูกพี่ยังไม่ได้ปรึกษากับเธอ เลย! อันดับแรกเราแลกเปลี่ยนตัวประกันก่อนเถอะ จากนั้นก็ค่อยๆพูดโน้มน้าวเธอ! พี่น้องทุกคนถูกบีบ จนถึงขั้นนี้แล้ว พวกเรายังไม่อยากตายกันนะ!” ได้ยินคำพูดเหมือนปฎิเสธของมานพ คนๆนี้ก็ร้อนใจ แล้ว

“กูจะเอาผู้หญิงคนนี้!” คนๆนี้ลุกขึ้นมากระทัน หัน ใช้ปืนเล็งพิงกี้ไว้ และพูดเองเออเอง ไม่ฟังความ คิดเห็นของคนอื่น “มึงนั่นแหละมาเปลี่ยนตัวกับไอ้ เด็กเวรนี่!”

อะไรนะ?
ให้พิงกี้มาเปลี่ยนตัวกับเด็ก?

พิงกี้กับเควินต่างก็มองหน้ากันไปมา ใครก็คิด ไม่ถึงว่าทางฝั่งของมานพจะเสนอข้อเรียกร้องนี้ออก มา

“ขอร้องคุณล่ะ คุณช่วยเปลี่ยนตัวกับลูกฉัน เถอะนะคะ!” ผู้หญิงที่ถูกจับเป็นตัวประกันเสมือน ได้พบการช่วยเหลือยังไงอย่างงั้น เธอร้องไห้เสียง ดังขึ้นมา คอยก้มกราบพิงกี้อย่างไม่หยุด “ขอร้อง คุณล่ะ ลูกของฉันยังเด็กอยู่เลย ขอร้องคุณมา เปลี่ยนตัวกับลูกฉันเถอะนะคะ! ขอแค่พวกคุณ รับปากปล่อยคนพวกนี้ไป พวกเราก็จะมีชีวิตรอด ไม่กระทบคุณหรอกค่ะ ขอร้องคุณล่ะ!

เสียงร้องไห้ที่โศกเศร้าและอ้อนวอนหนาวที่ กว่าสายลมยามดึก

“หุบปาก!” มานพตำหนิอย่างเย็นชา ใช้ปืนจ่อ ที่หน้าผากของเด็ก “ถ้าขืนเธอยังพูดมากอีก เชื่อมั้ย ว่าฉันยิงเด็กคนนี้แน่? ชีวิตของลูกชายเธอคือชีวิต แล้วชีวิตของคนอื่นไม่ใช่ชีวิตหรือไง?

คำตำหนิคำนี้ เห็นได้ชัดถึงท่าทีที่มานพให้ ความสำคัญกับพิงกี้และคอยปกป้องเธอ
ในใจเขา เธอต่างกับคนอื่น

ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อยากให้เธอมาเป็นตัว ประกัน

“ไม่ ไม่ได้! ลูกของฉันยังเด็กอยู่เลย ไอ้ พวกเดียรัจฉาน พวกแกทำแบบนี้ได้ยังไง? พวก แกปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยลูกฉัน…….ปัง ปอนด์ แม่จะปกป้องลูกเอง…..” ผู้หญิงตื่นตกใจ ปุ๊บ ก็ร้องไห้คลานไปทางเด็กผู้ชาย แต่กลับถูกคน กระชากผมไว้อย่างแรงแล้วลากกลับมาที่เดิม

คนๆนั้นตบเข้าที่หน้าเธออย่างโหด และตะคอก อย่างร้ายกาจ “นังแพศยา มึงเชื่อฟังดีๆหน่อย ไม่ งั้นกูยิงมึงทิ้งแน่! ถ้ามึงจะโทษก็โทษคนอื่นที่ไม่ยอม เปลี่ยนตัวกับลูกมึงเถอะ!”

“หยุดนะ!” มานพตะคอกออมาเสียงดัง

แต่ว่า สายไปแล้ว

ผู้หญิงคนนั้นถูกตบทีหนึ่งไม่พอ แต่ยังถูกยิง ไปนัดหนึ่ง ผู้หญิงกุมน่องที่ถูกยิงไว้อย่างเจ็บปวด เลือดสีแดงสดแข่งกันทะลักออกมาจากบาดแผล ไม่ นานพื้นก็เต็มไปด้วยเลือดของเธอ
นี่คือการตักเตือน โทษฐานที่เธอไม่เชื่อฟัง!

ถึงกลิ่นคาวของเลือดถูกสายลมพัดจางหายไป แต่ก็ยังสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่

คนๆนั้นดันยังพูดอย่างมีเหตุผล “ลูกพี่นี่จิตใจ เกินไปแล้ว เราจะดีกับตัวประกันเกินไปไม่ได้นะ! ดี เกินไป ไอ้คนพวกนี้ยังนึกว่าเราทำการกุศลเสียอีก! 555!”

อยู่ในยามคับขันแบบนี้ ความน่าเกรงขามและ ความน่าเชื่อถือของมานพ ไดเพังทลายลงจนถึงขั้น ต้องเผชิญกับอันตราย

สำหรับไอ้คนชั่วช้าที่ไม่กลัวอันตรายพวกนี้ ยัง มีเรื่องอะไรสำคัญกว่าการมีชีวิตรอดอีก?

ถ้ามานพควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ เป็นไปได้ สูงที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย แต่ก่อนหน้านั้นเควินทุ่มเทแรงใจควบคุม ก็เพื่อไม่ อยากให้ตัวประกันได้รับบาดเจ็บ และไม่อยากให้ ลูกน้องของตัวเองก็บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

“พวกนายหยุดเถอะ ฉันรับปาก!” จู่ๆพิงกี้เปิดปากพูด
“พิงกี้!” แทบจะในเวลาเดียวกัน เควินเรียกชื่อ เธออกมาด้วยความตื่นเต้น

พิงกี้กุมมือของเควินไว้ ส่ายหน้าและยิ้มอย่าง ขมขื่น “ตอนนี้ไม่มีหนทางอื่นแล้ว คนพวกนี้รู้ความ สัมพันธ์ของฉันกับพี่มานพแล้ว ถ้าฉันไม่ไปเป็นตัว ประกัน คนพวกนี้ต้องไม่ยอมเลิกลาแน่ๆ”

เธอไม่ได้พูดสาเหตุที่สำคัญกว่า

นั่นก็คือ ถ้าเธอไม่รับปากข้อเรียกร้องของไอ้ คนชั่วช้าเลวทรามพวกนี้ แต่เควินก็ยังยึดมั่นความ ในความคิดเห็นของตัวเองที่จะปกป้องเธอล่ะก็ เห็น ได้ชัดว่า ความน่าเชื่อถือและความน่าเกรงขามของ เควินที่อยู่ในหน่วยสืบลับก็จะลดลง

เขาจะถูกมองเป็นคนที่เพื่อเรื่องส่วนตัวแล้ว ไม่ คำนึงสถานการณ์โดยรวม

จุดนี้ เป็นสิ่งที่พิงกี้ไม่อยากเห็นและไม่อยากให้ มันเกิดขึ้น

ถึงแม้เธอรู้ว่าเควินไม่ได้มีจิตใจที่คำนึงถึงแต่ เรื่องส่วนตัว เพราะเธอเองก็เป็นคนบริสุทธิ์ที่ถูกลาก เข้ามาเกี่ยว ไม่มีใครสามารถเรียกร้องให้เธอไปตกอยู่ในอันตรายเพื่อคนอื่นได้ แต่ถึงจะอย่างนั้นแล้ว จะทำไม?

บางครั้ง ความลำเอียงของคนไม่แยกแยะเหตุ และผลเลยด้วยซ้ำ

ถ้าเธอมีชีวิตอยู่ดีๆ แต่ตัวประกันตาย คนอื่น ต้องกล่าวโทษเธอว่าเห็นคนจะตายแล้วก็ไม่ยอม ช่วยเหลือ กล่าวโทษเควินไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัว กับเรื่องงาน……..ในฐานะที่เป็นภรรยาของของ หัวหน้าหน่วยสืบลับ ราวกับว่าต้องแบกรับความรับ ผิดชอบบนตัวเขาถึงจะเป็นเรื่องปกติ

ยิ่งไปกว่านั้น เธอเองก็ทำเป็นไม่เห็นไม่ได้จริงๆ

ผู้ชายของเธอมีใจที่ซื่อตรงและเลือดอันร้อนรุ่ม เธอรู้สึกภาคภูมิใจ และยอมที่จะต่อสู้ไปพร้อมๆกับ เขา เธอรู้ว่าเขาก็ต้องรู้สึกภาคภูมิใจกับเธอเหมือน กัน

พิงกี้รับปากว่าจะไปแลกเปลี่ยนตัวประกัน สมาชิกของหน่วยสืบลับต่างก็เริ่มเป็นห่วงเธอขึ้นมา แล้ว

“คุณผู้หญิงต้องระวังตัวนะครับ”
“พวกเราจะไม่ให้คุณผู้หญิงเกิดอะไรขึ้น แน่นอนครับ”

“ขอบใจพวกนายนะ” พิงกี้ยิ้มอย่างสงบนิ่ง มองเควินอย่างมีเยื่อใยและปลอบโยน จากนั้นก็เดิน ไปหามานพ

เควินรีบเดินตามไป

เขาเป็นคนส่งพิงกี้ไปถึงที่มือของมานพด้วย ตนเอง และรับเด็กคนนั้นมาจากอ้อมอกของมานพ ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นและเคร่งขรึม

ตอนนี้ ตัวประกันก็แลกเปลี่ยนเสร็จแล้ว

แต่ว่า มานพไม่มีทางควบคุมตัวประกันทีเดียว สองคน พิงกี้เพิ่งยืนนิ่งที่ตรงหน้าของมานพ ก็ถูก ผู้ชายที่ยิงปืนใส่ตัวประกันหญิงคนนั้นแย่งไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าคนๆนี้ไม่เชื่อใจมานพ เขายิ้มและ พูดว่า “ลูกพี่ คนรู้จักเก่าของลูกพี่ ผมมาดูแลแทนดี กว่า แบบนี้ปลอดภัยกว่า
“ธงชัย นายยุ่งเกี่ยวมากเกินไปแล้วนะ?!? มานพหน้าบึ้ง ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ

ธงชัยกลับไม่แคร์ความไม่พึงพอใจของเขาเลย แม้แต่น้อย เขาแค่ยักไหล่ “นี่ก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ผู้ หญิงคนนี้มีความสามารถเหลือเกิน เป็นทั้งเพื่อนเก่า แก่ของลูกพี่ แถมยังทำให้เควินหลงจนหัวปักหัวป่า ถ้าพวกเราไม่กุมอยู่ในมือ งั้นวันนี้ก่อนที่จะหนีพ้นไม่ ต้องอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอดเหรอ? บางทางรอด กำอยู่ในมือของตัวเองวางใจกว่าเยอะ ผมกับพี่น้อง ทั้งหลายต่างก็ยังไม่อยากตายนะ!”

ไม่เพียงแต่ธงชัยคิดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าคนอื่น ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แม้กระทั่งยังมีคนคล้อยตาม แถมยังหัวเราะอย่างได้ใจขึ้นมา

มาพนโมโหจนหน้าเขียวหน้าดำ แต่ก็ทำอะไร

ไม่ได้

ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าความบุ่มบ่ามใดๆก็จะ ทำให้เรื่องมันกลายเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถ กอบกู้กลับมาได้

หลังจากพิงกี้กลายเป็นตัวประกัน ก็ได้ต่อรองเจรจาต่อ
ไม่นาน ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันได้

เหมือนที่มานพได้พูดในก่อนหน้านั้น พวกเขา ปล่อยตัวประกัน ส่วนเควินก็ปล่อยพวกเขา

ในเมื่อตกลงเงื่อนไขกันได้แล้ว งั้นก็ง่ายแล้ว

“พวกเราไป!” มานพกวักมือ ทันใดนั้นก็มีคน ตามเขาไปทันที

สายตาของเขามองไปที่พิงกี้ แต่ท้องฟ้ามืดเกิน เขาดูไม่ออกว่าแววตาของพิงกี้มีความผิดหวังหรือ เปล่า มีความเกลียงชังหรือเปล่า……เขาดึงสายตา กลับ ในใจเหลือแค่ความสิ้นหวังและเยาะเย้ยตัวเอง

แต่ว่า เดินไปสองก้าว จู่ๆพิงกี้ส่งเสียงร้องตกใจ ด้วยความโกรธ พริบตาเดียวก็ดึงดูดความสนใจ ของเขา

“ไอ้สารเลว นี่นายทำอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้!”

จู่ๆมานพหันไปมอง เห็นมือของธงชัยยื่นเข้าไป ในเสื้อของพิงกี้พอดี ดูเหมือนว่ากำลังจะ…………


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ