บทที่499: แผลใหญ่มาก
ห้องของน้ำหวานอยู่ชั้นล่าง ห้องของเตชิตอยู่ชั้น สอง ปกติทั้งคู่จะเจอหน้ากันก็แค่เวลาทานข้าวเท่านั้น นอกเหนือจากเวลานั้นก็แทบจะไม่ได้คลุกคลีอยู่ด้วย กันเลย
เพราะว่าต้นข้าวกลัวที่จะเจอหน้าผู้ชายแปลกหน้า น้ำหวานจะเอากับข้าวไปให้เธอที่ห้องล่วงหน้า อย่างนี้ก็ ยากที่จะได้เจอหน้ากันแล้ว บางทีสองสามวันไม่ได้เจอ หน้าครั้งหนึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
พอเป็นแบบนี้ ที่จริงก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนที่น้ำหวาน เคยจินตนาการไว้ตั้งแต่แรกเลย
น้ำหวานรู้สึกโล่งอกไปที
เรื่องที่เธอประสบพบเจอก็พอๆกับต้นข้าว แต่เธอ เข้มแข็ง และโตกว่าต้นข้าวอยู่ประมาณสิบกว่าจะยี่สิบ ปี ย่อมไม่เกิดความหวาดกลัวกับผู้ชายแปลกหน้าอยู่ แล้ว แต่ถ้าจะเข้าหากับเตชิตตั้งแต่เช้ายันเย็น เธอก็มี ความกดดันมากอยู่เหมือนกัน
สถานการณ์ของตอนนี้ ผ่อนคลายกว่าที่เธอเคย จินตนาการเสียอีก……พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพื่อลด ความยุ่งยาก และไม่อยากให้ความวุ่นวายของตัวเอง มากระทบต้นข้าว ตอนแรกเธอก็ไม่รับปากเข้ามาอยู่ที่ บ้านของเตชิตหรอก
แต่ว่า เรื่องเรียนของต้นข้าวไม่ได้แก้ไขสักที นี่ก็ เป็นเรื่องปวดหัวมาก
น้ำหวานคิดๆดูแล้ว ตัวเองต้องหาโอกาศคุยกับเต ชิตสักหน่อยแล้ว
เธอยังคิดหาข้ออ้างที่จะคุยกับเตชิตไม่ได้ เตชิตก็ มาหาถึงที่พอดี
“น้ำหวาน คุณว่างมั้ย? ผมมีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย
เสียงของเตชิตดังมาจากนอกห้อง
น้ำหวานเปิดประตูออกมาดูปุ๊บ เตชิตกำลังยืนอยู่ที่ หน้าห้องด้วยความกลัดกลุ้มใจ ในมือยังถือเบตาดีนและ ผ้าก๊อซไว้ แค่ดูก็รู้ว่าจะให้คนช่วยทำแผลให้
“คุณเป็นอะไรคะ?” เธอขมวดคิ้วถาม
“ที่หลังผมถูกข่วนโดนแผลๆหนึ่ง ผมเอื้อมไม่ถึง
ทำแผลไม่ได้ คุณช่วยผมดูหน่อย” เตชิตอธิบายเสร็จ เอาของยัดไปที่มือเธอ และดึงเธอออกจากห้องนอนเลย
“พี่น้ำหวานคะ!”
ต้นข้าวที่อยู่ในห้องรีบวิ่งมาดึงแขนเสื้อของน้ำ หวานไว้ ดวงตากลมโตจ้องเตชิตไว้ เหมือนหมาป่าน้อยที่ดุร้าย กำลังปกป้องอาหารของตัวเองอยู่
ถึงแม้น้อยมากที่เตชิตจะได้ใกล้ชิดต้นข้าว แต่อยู่ โชายคาบ้านเดียวกันมาหลายวัน เขาก็ถือว่าเข้าใจ เด็กน้อยคนนี้อยู่ รู้ว่าเธอไม่พอใจที่ตัวเองดึงน้ำหวานไป
นาทีนี้เห็นต้นข้าวจ้องมองเขาไว้ เขารีบยกมือทั้ง สองข้างขึ้นอย่างยอมจำนน “พี่เป็นคนดีนะ หนูดูดวงตา พี่สิว่าซื่อสัตย์มากแค่ไหน พี่แค่ยืมตัวพี่น้ำหวานของหนู ไปแป๊บเดียวเอง ให้เธอช่วยพี่ทำแผลหน่อย โอเคมั้ย ถ้าไม่ทำแผล พี่จะมีเลือดไหลออกมาและเจ็บมากเลย
ต้นข้าวเมินใส่ มองน้ำหวานด้วยความดื้อดึง “พี่น้ำ หวาน!”
ถ้าพี่น้ำหวานไม่ยอม เธอก็จะปกป้องพี่สาวของตัว
เอง!
“พี่ไม่เป็นไรจร้า” น้ำหวานลูบศีรษะของต้นข้าว เบาๆ “ต้นข้าวอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องก่อนนะ พี่เตชิตเจ็บ แผล พี่จะช่วยพี่เตชิตทำแผลแป๊บเดียวก็กลับมาแล้ว โอเคมั้ยคะ?”
“ไปกี่นาทีคะ?”
“ไม่กี่นาที…..เอ่อ ประมาณจะครึ่งชั่วโมงก็กลับมาแล้วค่ะ” น้ำหวานกะว่าจะคุยเรื่องฝากเรียนของต้น ข้าว
ครึ่งชั่วโมงก็ไม่ถือว่านาน และก็อยู่แค่ที่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ไปที่ไหนไกล
ต้นข้าวลังเลไปครู่หนึ่งก็ได้ปล่อยมือ “
ค่ะ”
“เด็กดี” น้ำหวานพูดให้รางวัล ต้นข้าวเผยรอยยิ้ม ที่เชื่อฟังเป็นเด็กดีออกมา ดูแล้วไร้เดียงสามา
พอน้ำหวานกับเตชิตเดินไปไกล เธอรีบปิดประตู ผ่านไปหนึ่งวินาทีก็เปิดประตูออกอย่างเงียบๆ สำรวจทั้ง สองจากช่องโหว่ของประตู
สักพัก ไม่เห็นเตชิตทำท่าทางที่เกินไปกับน้ำหวาน เธอถึงตบที่อกเบาๆ แล้วโล่งอกไปทีเหมือนคนแก่แดด
แต่ว่าต้นข้าวก็ไม่ค่อยพอใจเตชิตที่มาแย่งพี่สาว กับตัวเอง เธอพูดพึมพำเสียงเบา “ยังเรียกตัวเองว่าพี่ ชายอีก เป็นลุงแล้วแท้ๆ
มีแค่พี่ชายที่สามารถแต่งงานกับพี่สาว แต่ลุง แต่งงานด้วยไม่ได้ เธอรู้อยู่!
นําหวานนึกว่าแผลของเตชิตสาหัสมาก มองดูเขา ถอดเสื้อออก เธอใช้เวลาหลายนาทีถึงหา“แผลใหญ่” ที่เขาบอกว่าถูกข่วนเจอ!
แค่ถลอกนิดหน่อย แม้แต่รอยแดงก็ใกล้จะจางลง ไปแล้ว!
“แผลสาหัสมากเลยใช่หรือเปล่า?” เตชิตเอามือ ข้างนึงวางไว้บนราวจับโซฟา และถอนหายใจด้วยความ กลัดกลุ้ม “เฮ้อ~สาหัสแล้วจะทำไงได้ ขี้เกียจวิ่งเข้าโรง พยาบาล คุณใช้เบตาดีนฆ่าเชื้อให้ผมโดยตรงเถอะ
มีแผลถลอกก็ต้องไปหาดนัย ถ้าอย่างนั้นก็เสีย เวลาเกินไปแล้ว
ในฐานะที่เป็นชายชาติหทาร เขายอมแบกรับเอา
ไว้เอง
น้ำหวานเหลือบมองแผลของเขาทีหนึ่ง พยักหน้า อย่างไปต่อไม่ถูก “ก็ใช่น่ะสิ คุณได้รับบาดเจ็บสาหัส มาก ถ้าคุณมาช้าอีกหน่อย แผลของคุณก็ใกล้จะสมาน กันหมดแล้ว”
แผลใกล้จะสมานกันหมดแล้ว
ใกล้จะสมานกันหมดแล้ว
สมานกันหมดแล้ว
เตชิต “
ไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อน เตชิตกระแอมที หนึ่ง “เอ่อ แผลสมานก็ถือเป็นเรื่องดีนะ คุณว่าถูกมั้ย?
“อืม ใช่”
อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นไม่ก้มหัวให้ไม่ได้ ยังต้อง ข้อร้องให้คนช่วยเหลืออยู่เลย น้ำหวานทำแผลให้เต ชิตอย่างละเอียด แต่ไม่ได้ใช้ผ้าก๊อซที่เขาเอามา ใช้แค่ พลาสเตอร์ติดแผลให้เขา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอตบที่หลังเขาเบาๆ “ใส่ เสื้อได้แล้วค่ะ ถ้าคุณอาบน้ำเสร็จ พลาสเตอร์เปียกอีกก็ เรียกฉันมาเปลี่ยนให้คุณก็แล้วกัน”
“หุ่นผมดี คุณเลยอยากมองนานๆหน่อยใช่มั้ย ล่ะ?” โรคหลงตัวเองของเตชิตกำเริบอีกแล้ว
” น้ำหวานหายใจลึกๆทีหนึ่ง “ใช่สิ ไม่ เพียงแค่อยากดูนะคะ แต่ยังอยากจับด้วย คุณให้มั้ย?”
เตชิต “ ….คุณนี่เป็นกุลสตรีหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?”
“แล้วคุณให้โอกาศฉันได้เป็นกุลสตรีหรือยังล่ะ?”
เตชิต “……….
น่าโมโหจริงๆ ช่วงนี้ต่อปากต่อคำแพ้ยัยบ๊องคนนี้
ตลอดเลย
คาดไม่ถึง เขากำลังครุ่นคิดอย่างสุดฤทธิ์ว่าจะ สวนกลับยังไง น้ำหวานก็ได้เอาแก้วชายัดไปที่มือของ เขาแล้ว ดวงตาคู่โตแฝงด้วยความอ้อนวอนและกระสับ กระส่าย “คุณเตชิต ฉันขอปรึกษากับคุณเรื่องหนึ่งได้ มั้ย?”
“คุณพูดมา” เตชิตถือว่าอารมณ์ดีอยู่
“ คืออย่างนี้ค่ะ ตอนนี้ต้นข้าวก็ห้าหกขวบแล้ว (( ก่อนหน้านั้นยังไม่เคยเข้าเรียนมาก่อนเลย เพราะฉะนั้น อยากให้คุณช่วยฝากเธอเข้าเรียนที่อนุบาลจะได้มั้ย คะ?” น้ำหวานรีบพูดเสริม “ฉันรู้ว่าค่าเทอมของที่นั่น ค่อนข้างที่จะแพง แต่ว่าค่าใช้จ่ายตรงนี้ฉันสามารถแบก รับเองได้ค่ะ”
อยู่ในเมืองหลวง ตระกูลกิจโอสถย่อมไม่ใช่ตระกูล ใหญ่โตมีชื่อเสียงอะไรอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นขายที่ดิน ที่บ้านเกิดได้ น้ำหวานกับมานพมาแบ่งๆกัน ในตัวก็มีเงิน จำนวนไม่น้อยอยู่
บวกกับมานพทำธุรกิจอยู่ที่อเมริกาก็ถือว่าไปได้ สวยอยู่ แถมยังดีกับเธอที่เป็นน้องสาวมาก สมทบทุน ให้เธออยู่เป็นประจำ ตามกำลังของเธอในตอนนี้ เธอ สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายของเธอกับต้นข้าวได้อยู่
“เรื่องนี้?” เตชิตยักคิ้ว “ค่าใช้จ่ายน่ะไม่ใช่ปัญหา แต่อนุบาลของที่นี่ผูกมัดกับเจ้าของบ้าน ชื่อของต้นข้าว ไม่ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ อยากเข้าเรียนก็ค่อนข้างที่ จะยากหน่อย”
ที่จริง คำพูดที่เขาพูดมันชักจะไม่ค่อยซื่อสัตย์แล้ว
L.K.Crystal วิลล่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปก็จะ สามารถเข้าอยู่ได้ คนที่พักอยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนมีฐานะ ร่ำรวยมาก แค่ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ไม่กล้าไม่ให้หน้า พวกเขาหรอก และไม่ต้องใช้ทะเบียนบ้านอะไรเลย เขา แค่ไปพูดทักทายคำหนึ่งก็พอแล้ว
แต่เขาพูดให้มันฟังดูยากลำบากมาก ก็เพื่ออยาก ให้น้ำหวานก้มหัวให้เขา ฮ่มๆ……อย่างน้อยก็อ่อนโยน กับเขาหน่อยก็ได้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ