บทที่493: สามวันสามคืน
“ฉันวางแผนกระทำมิดีมิร้ายคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?” นํ้าหวานกระหืดกระหอบ
เธอไม่ชอบผู้ชายที่หน้าด้านไร้ยางอายขนาดนี้
เตชิตสีหน้าเรียบเฉยเหมือน“ผมมองทุกอย่างทะลุ ปรุโปร่งแล้ว ” เขาพูดประชดประชัน “เหอะๆ! เดิมทีผม แค่อยากให้คุณดูหน้าผมดีๆ เผชิญหน้ากับเสน่ห์ของ ผมสักหน่อย แต่ปรากฎว่าคุณกลับฉวยโอกาศเอาหน้า บานๆของคุณมาข่มขืนปากของผม คุณว่านี่ไม่ใช่การ วางแผนกระทำมิดีมิร้ายกับผม แล้วมันคืออะไร?”
น้ำหวานประชดประชันกลับ “อุ๊ย ปากคุณนี่เก่ง จังเลย สามารถคายงาช้างออกมามั้ย?” ปากสุนัขย่อม คายงาช้างออกมาไม่ได้อยู่แล้ว
ด่าเขาเป็นหมาอีกแล้ว
ถึงเขาจะเป็นหมา แต่ก็เป็นหมาที่หล่อเหลาชาญ ฉลาดและน่าเกรงขาม!เป็นหมาแล้วจะทำไม? หมาเป็น เพื่อนรักของมนุษย์! สุนัขทหารยิ่งเป็นเพื่อนรักของชาย ชาติทหาร!ตอนนี้โลกวุ่นวายเกินไป หมามีชีวิตดำรงอยู่ ได้ยากลำบากจริงๆ เขาที่เป็นสุนัขทหารตัวหนึ่งยังต้อง คอยรับมือกับการเกิดอุบัติเหตุ ถูกคนมาข่มขืนด้วยการ จูบอีก ช่างลำบากจริงๆ!
เตชิตทําหน้าหงอย “คุณแน่จริงก็คายออกมาอัน หนึ่งสิ?”
น้ำหวาน “ฉันไม่คาย
“คุณไม่คายแล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ผมคาย? ผม ก็ไม่คายหรอก”
“คุณคายไม่ออกมากกว่ามั้ง?”
“งั้นคุณคายออก ก็คายออกมาหนึ่งอันสิ”
จากนั้น สงครามน้ำลายระหว่างทั้งคู่ก็ยิ่งอยู่ยิ่ง ปัญญาอ่อนขึ้นมา จมเข้าไปวงจรที่วนซ้ำไม่รู้จักจบสักที
ป้ามะลิยกอาหารมาวางที่โต๊ะเรียบร้อย รอแล้วรอ เล่าก็ไม่มีใครมาสักที เธอเดินมาดูด้วยความแปลกใจ กลับถูกพิงกี้ที่ดูละครอยู่ข้างๆดึงตัวเอาไว้
“คุณผู้หญิง?” ป้ามะลิไม่เข้าใจ
พิงกี้ปิดปากแอบหัวเราะ ชี้ไปยังทั้งคู่ที่กำลังถก เถียงกันอยู่บนโซฟา “ป้าว่าถ้าฉันโยนลูกบอลไปลูก หนึ่ง พวกเขาจะแย่งขึ้นมามั้ย?”
ป้ามะลิคิดๆแล้วอดขำไม่ได้ “ ไม่แน่อาจจะแย่ง จริงๆด้วยค่ะ”
“ผมไม่แย่งหรอก!”
“ฉันไม่แย่งหรอก!”
น้ำหวานกับเตชิตเถียงจบ พอสงบลงทั้งคู่ก็ได้ยิน คำสนทนาของพิงกี้กับป้ามะลิ ทันใดนั้นต่างก็ส่งเสียง ออกมาด้วยความไม่พอใจ
มีความเข้าใจซึ่งกันและกันมาก
พิงกี้หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “แหม~คุณสองคนนี้ใจ ตรงกันเลยนะ!”
“เชอะ~ใครใจตรงกับเขามิทราบ?”
“อื้อ~ใครใจตรงกับเธอมิทราบ?”
ต่างคนต่างพูดออกมาเสียงเดียวกันอีกแล้ว
เรื่องที่ไพโรจน์และคุณหญิงดวงใจฆ่าตัวตายใน คุก สุดท้ายก็ปิดดุสิตไว้ไม่อยู่
ถึงตอนนี้ตระกูลภักดีวัฒนากุลตกอยู่ใน สถานการณ์ที่อันตรายมาก แต่ถึงเรือจะแตกก็ยังมี ตะปูอยู่สามพันตัว สามารถเอาผลประโยชน์ออกมาได้ เพราะเหตุนี้ก็ย่อมมีคนมาประจบสอพลอดุสิตอยู่แล้ว นึกว่าจะสามารถได้ค่าตอบแทนอะไรมาบ้าง
แต่ดุสิตคิดไม่ถึงเยอะขนาดนั้นแล้ว
หลังจากรู้ข่าวพ่อแม่ฆ่าตัวตาย ดุสิตนั่งอยู่ในบ้านที่ ว่างเปล่ามาสามวันติดต่อกัน เขาปิดสวิตทช์ไฟของห้อง นอนทิ้ง ปิดผ้าม่านให้มิดหมด สายโทรศัพท์บ้านก็ดึง ออกหมด มือถือก็เครื่อง…….ตัดขาดทุกช่องทางของ การติดต่อ แสงอาทิตย์ทั้งหมดถูกสกัดกั้นอยู่นอกห้อง เขาเอาวิลล่าที่ว่างเปล่าดัดแปลงเป็นโลกที่โดดเดี่ยว
ไม่พูดจา ไม่ร้องไห้ ไม่หัวเราะ………
เขานั่งอย่างเงียบสงบอยู่อย่างนี้
ไม่ทานข้าวและไม่ดื่มน้ำมาสามวันสามคืน เขา เหมือนจากคนได้กลายมาเป็นหินที่เยือกเย็น ไม่มีความ เคลื่อนไหวของอารมณ์ ราวกับว่าสามารถนั่งอยู่อย่างนี้ จนชั่วนิรันดร์
อาจจะเพราะอารมณ์อยู่ในเชิงลบเกิน เขาถึงขั้น ไม่รู้สึกหิวและไม่รู้สึกกระหายน้ำเลย
ร่างกายอ่อนเพลียมาก ความรู้สึกที่ทารุณตัวเอง แบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกสบายใจ ดูเหมือนว่าความ ละอายใจจะลดลงมาหน่อยหนึ่งแล้ว หลับตาลง นึกย้อน ถึงไพโรจน์ที่ตะคอกและระเบิดอารมณ์ใส่เขา เพื่อให้ เขาประนีประนอม และคำพูดที่เกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด ของคุณหญิงดวงใจ รู้สึกเหมือนก็ไม่ได้จี้จนหัวใจเขา เจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว
ถ้าไม่ใช่เสียงกริ่งของประตูดังขึ้น ดุสิตอาจจะจม อยู่ในความคิดของตัวเอง และหิวโซตายอยู่ในบ้าน
“ดึงด่อง ดึงด่อง ดึงด่อง……
ได้ยินเสียงกริ่ง ดุสิตที่นั่งอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมา แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เสียงกริ่งดังขึ้นติดต่อ กันหลายครั้ง สุดท้ายได้กลายมาเป็นเสียงตบประตูด้วย ความหงุดหงิด
ดุสิตก็ยังไม่ขยับอีกเช่นเคย
ด้านนอกมีเสียงสนทนาก้องมา มีคนพูดว่า “หัวหน้าครับ ไม่รู้ว่าด้านในมีคนหรือเปล่า หรือเราบุก เข้าไปโดยตรงเลยมั้ย?”
“ถ้าเกิดข้างในมีกับดักจะทำยังไง?” อีกคนไม่เห็นด้วย
ฟังถึงตรงนี้ ดุสิตหัวเราะเยาะ
กับดัก?
สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไปวางกับดักคนอื่น ใช้ในคำศัพท์ของเกมส์คือ Experience pointมั้ง?
สุดท้าย ประตูก็ถูกพัง
“ไม่มีคน”
“ฉันขึ้นไปค้นที่ชั้นบน ส่วนพวกนายค้นที่ชั้นล่าง
“ครับ หัวหน้าพายุ
“รับทราบครับ!”
นาทีที่ประตูถูกพัง เสียงของคนตะเกียกตะกาย ก้องเข้ามาในหูของดุสิต เขามองไปยังทิศทางของ ประตูด้วยความสับสนและเชื่องช้า แว๊บแรกก็เห็นแสงที่ แยงตาอยู่ด้านหลังของคน
ตอนที่ดุสิตหรี่ตาสำรวจคนที่มา พายุก็ได้พาทีม ของเขามาถึงที่ตรงหน้าของดุสิตแล้ว
“ดุสิต?” พายุยื่นขาออกไปเตะดุสิต แววตาแฝง ความความหงุดหงิด “ทำไมนายถึงปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นแบบนี้? หลายวันมานี้นายไม่ออกไปเลยเห รอ? อ้อ~ใช่ ทำไมเมื่อกี้นายถึงไม่เปิดประตู หรือนาย ห้องนี้จะมีกับดักจริงๆ?
พายุพูดคุยกับดุสิตไปด้วย และส่งสัญญาณให้ลูก น้องไปด้วย
สมาชิกที่เหลือสองคนอยู่ด้านหลังของพายุ ส่วนที่ เหลือไปตรวจค้นที่อื่นด้วยความระมัดระวัง
พายุนั่งลงมาที่ตรงหน้าของดุสิต จ้องมองดุสิตที่ ดวงตาไม่มีแวว เขายื่นมือโบกไปมาอยู่ที่ตรงหน้าเขา “เฮ้ย นายได้ยินที่ฉันพูดมั้ยเนี่ย?”
มองดูดุสิตที่เป็นแบบนี้ พายุก็รู้สึกบ้านภักดีวัฒนา กุลต้องไม่มีกับดักสิถึงจะถูก แต่เพื่อความปลอดภัย เขา ก็ไม่ได้ชะล่าใจ
ตอนนี้สมาชิกต่างก็ไปค้นหาตรวจสอบแล้ว เขาก็ สามารถขุดคุ้วโลกในใจของดุสิตแล้ว
แต่ไม่ว่าพายุจะพูดยังไง ดุสิตก็ไม่มีปฎิกิริยาอะไร ตอบโต้เลย
สุดท้ายพายุก็หมดอารมณ์ที่จะพูดต่อ เขาลุกขึ้น แล้ว“เชอะ” คำหนึ่ง จากนั้นก็พูดพึมพำว่า “ ต่างก็ ผู้ชายก็ด้วย ก็ไม่รู้ทำไมนิสัยถึงได้ต่างกันขนาดนี้ ถึงว่าล่ะช่วงนี้น้ำหวานถึงได้ไม่สนใจนายเลย มัวแต่ไปต่อ ปากต่อคำกับเตชิตไอ้สารเลวนั่นอย่างมีความสุข”
ก็ไม่รู้ว่าพายุเป็นอะไรไป เผชิญหน้ากับดุสิตที่เป็น แฟนเก่าของน้ำหวาน ที่จริงในใจมีอารมณ์ที่พูดไม่ถูก
บางที อาจจะเพราะเขาเคยมีใจให้กับน้ำหวานมั้ง?
ตอนนั้นเขาไม่รู้ตัวว่านั่นคือความชอบระหว่างชาย หญิง อีกอย่างตอนนั้นน้ำหวานก็ได้คบกับดุสิตอยู่ ถึงรู้ก็ ไม่มีประโยชน์
ตอนนี้..
เขาก็พูดไม่ถูก
ดุสิตกับน้ำหวานเลิกกันแล้ว ความรู้สึกที่หัวใจเต้น ตุ้มๆต่อมๆเพื่อน้ำหวาน รู้สึกว่าก็สงบลงไปไม่น้อยแล้ว
แต่ว่า ทุกครั้งตอนที่เห็นน้ำหวานต่อปากต่อคำกับ เตชิต ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกตัวเองไม่มี จุดยืนที่จะไปทำแบบนั้น เพราะฉะนั้นความรู้สึกแบบนี้ ถูกสะกดเอาไว้อยู่ในใจตลอด
“นี่นายว่าอะไรนะ?” นาทีนี้ จู่ๆเสียงแหบแห้งดัง ขึ้นมาขัดจังหวะความยุ่งเหยิงในใจของพายุ
พายุมองไปตามเสียง เผชิญหน้ากับเวงตาที่แดงก่ำ และเต็มไปด้วยความอิดโรยของดุสิต
“อะไรๆ?” พายุย้อนถาม
“เมื่อกี้นายบอกว่าช่วงนี้น้ำหวานอยู่กับเตชิต แถม ยังมีความสุขมากด้วย?” ดุสิตฝืนลุกขึ้นมา มองพายุ ด้วยความดื้อด้าน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ