บทที่476ทําไมดุสิตถึงมาได้?
“เธออย่ามาพูดว่านอนไม่หลับเลย ฉันว่าเธอเป็น ห่วงฉันมากกว่ามั้ง?” น้ำหวานพยักหน้า ลุกขึ้นมาจาก เก้าอี้ “ฉันไปเอาเก้าอี้ให้เธออันหนึ่ง
“ไม่ต้องๆ ฉันพกมาอยู่” พิงกี้แกว่งเก้าอี้พับบนมือ
ทั้งสองนั่งอยู่ในค่ำคืนที่มืดมน
พิงกี้ระมัดระวังมาก อยากปลอบใจ าหวาน แต่ก็ ไม่รู้ว่าสมควรเป็นฝ่ายพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ขึ้นมา ก่อนในตอนที่เธอกำลังสงบขนาดนี้ไหม? ถ้าน้ำหวานไม่ อยากคุยกับเธอ งั้นก็ไม่เท่ากับว่าเธอเอามีดไปกรีดซ้ำที่ หัวใจของเธออีกแผลหนึ่งเหรอ?
บางที เธออาจจะไม่ต้องการคำปลอบโยน อยู่เคียง ข้างอย่างเงียบๆอาจจะดีกว่า
พิงกี้ตัดสินใจที่จะไม่พูด หรือว่าถ้าพูดก็จะพูดแต่ ประเด็นธรรมดา จะทำให้อารมณ์ของน้ำหวานเลวร้าย ลงกว่าเดิมไม่ได้อย่างแน่นอน
พูดอะไรดีล่ะ?
ใช้สมองครุ่นคิดไปตั้งนาน พิงกี้ดวงตาเปล่ง ประกาย ในใจมีไอเดียเจ๋งอย่างหนึ่ง
“น้ำหวาน เธอยังจำแอ๊ปเปิ้ล เจ้าซาลาเปาน้อย ของฉันได้มั้ย? เธอไม่ได้เจอเขานานเลยใช่มั้ย? ฉันจำ ได้ว่าตอนนั้นเขาเพิ่งคลอดออกมาไม่นาน เธอยังหิ้ว ของขวัญเต็มกระเป๋าใหญ่มาให้เขาเลย ตอนนี้ของเล่น พวกนั้นยังวางอยู่ในห้องของเขาอยู่เลยนะ”
“เธอรู้มั้ยว่าเจ้าตัวแสบนั่นน่ารักและฉลาดมากแค่ ไหนมั้ย? ตอนนี้ฟันน้ำนมของเขาเริ่มขึ้นแล้ว น้ำลายยื่น ทุกวันเลย แถมยังชอบกัดคนด้วย อีกอย่างนะ ทุกครั้ง ถ้าฉันอยู่ต่อหน้าเขาแกล้งร้องไห้และฟ้องเขาว่าเควิน รังแกฉัน ครั้งต่อไปถ้าเขาเจอหน้าพ่อของเขา เขาก็งับ กัดเข้าไปที่หน้าของพ่อเขาเลย เพราะเหตุนี้ เควินเองยัง หลงกลหลายครั้งเลย 55555…….
“ยังมีอีกๆ…..….”
พิงกี้นั่งเม้าท์เรื่องของน้องแอ๊ปเปิ้ล ความเย็นชาที่ อยู่ในสายตาของน้ำหวานได้ค่อยๆจางลง
ถึงแม้ทำไม่ได้ที่จะอารมณ์ดีขึ้นมาในทันที แต่มี เพื่อนคอยอยู่เคียงข้าง ในค่ำคืนที่มืดมนนี้ก็เป็นการ ปลอบใจอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ทั้งคู่พูดคุยกันได้สักพัก สุดท้ายน้ำหวานก็ได้มี ความวู่วามที่อยากจะพูด จึงเป็นฝ่ายพูดเรื่องของวันนี้ ขึ้นมา
“พิงกี้ ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่เธอวางใจเถอะ ฉันไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นหรอก”
พิงกี้รีบพยักหน้า และกุมมือของน้ำหวานไว้แน่น “ใช่ เธอห้ามทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นเด็ดขาด อย่างนั้นมัน ไม่ใช่สไตล์ของเราเลย เธอว่าถูกมั้ย?! ข้างกายเธอยัง มีฉัน มีพี่มานพ ยังมีดุสิต พวกเราล้วนแต่เป็นคนที่เป็น ห่วงเธอทั้งนั้น คนเราอยู่บนโลกนี้ไม่มีทางที่จะไม่มีอะไร ผูกมัดหรอก ถ้าเธอทำเรื่องโง่เขลา พวกเราต้องเสียใจ แน่นอน โดยเฉพาะฉัน ถ้าเธอกล้าฆ่าตัวตาย ฉันก็กล้า ที่จะไปด่าหน้าสุสานเธอเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันเลย!”
“ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?” ถูกคำพูดของพิงกี้ ทำเอาอดขำไม่ได้ น้ำหวานเผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมา
แต่ว่า หลังจากเธอหัวเราะเสร็จก็ได้ก้มหน้าลง “พิ้งกี้ ฉันกับดุสิตคงไปกันไม่รอดแล้วล่ะ”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาบอกเลิกเธอเหรอ?” ทันใดนั้นพิงกี้ตะลึงงัน
พูดตามตรง จากที่เห็นปฏิกิริยาของน้ำหวานที่หลัง จากรับสายของดุสิตเสร็จ ในใจเธอก็มีการคาดเดานิด หน่อยแล้ว แต่พอได้ยินน้ำหวานพูดออกมาจริงๆ เธอก็ ยังรู้สึกโกรธเคืองอย่างไม่มีอะไรจะเทียบได้อยู่ดี
ก็เพราะน้ำหวานเจอเรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้ ดุสิตก็เลยจะขอเลิก?
เธอคิดมาตลอดว่าดุสิตก็แค่เป็นคนที่ไม่ค่อยร่าเริง แจ่มใสเท่าไหร่ ที่จริงคุณสมบัติประจำตัวถือว่าไม่เลว คิดไม่ถึงจริงๆเขายังมีความคิดแบบนี้ด้วย!
หลังจากแฟนตัวเองเจอเรื่องที่เจ็บปวดใจแบบนี้ เขาไม่เพียงไม่ปลอบใจ แถมยังมาขอเลิกด้วย นี่เป็น เรื่องที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำออกมาได้เหรอ?
“เปล่า…….” น้ำหวานส่ายหัว “เขาไม่ได้บอก เลิก แต่ฉันคาดว่าก็ใกล้แล้วล่ะ”
เธอเข้าใจดุสิตดี รู้ว่านาทีที่เขาเงียบกริบนั้น หมายความว่ายังไง
ถึงแม้ในปากไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่เธอรู้ ว่าถึงเขาไม่พูดไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่มีความคิดใดๆเลย เรื่องบางเรื่อง ก็เหมือนก้างปลาที่ติดอยู่ในคอ ทำให้คน ไม่อาจละเลยได้ทุกวินาที
“งั้นถ้าเขาจะเลิก เธอก็จะตอบตกลงหรอ?”
“ไม่งั้นจะให้ทำยังไงล่ะ?หรือยังจะให้ฉันหน้าด้าน หน้าทนตามตื้อเขา?” น้ำหวานย้อนถาม
พิงกี้เงียบกริบ
เธอสามารถเป็นเพื่อนกับน้ำหวานได้ ก็เพราะนิสัย เหมือนกันมาก
เธอทําไม่ได้ที่จะขอร้องอย่างต้อยต่ำเพื่อให้ผู้ชาย อย่าจากเธอไป น้ำหวานก็เหมือนกัน แบบนั้นมันไม่มี ศักดิ์ศรีเลย ความรักที่ไม่มีความอบอุ่นให้พูดถึง สำหรับ พวกเธอมันสูญเสียความหมายของการดำรงอยู่แล้ว แล้วจะไปฝืนทำไม?
ตอนที่พายุนำกองกำลังพิเศษมาถึงที่หมู่บ้านB ได้ ช่วยผู้เสียหายยี่สิบเอ็ดรายออกจากศาลเจ้าอย่างราบ รื่น ส่งตัวผู้เสียหายไปให้ตำรวจในท้องที่รับช่วงต่อและ ส่งกลับบ้านของแต่ละคน
แต่ว่า ปฏิบัติการของครั้งนี้เพราะนายเปาติดกับ ดักทำให้พี่ใหญ่เกิดการระมัดระวังตัว ไอ้ชั่วคนนี้ไม่รู้ไป ซ่อนอยู่ในภูเขาลูกไหน พวกเขาตามหามาหลายวันก็ หาไม่เจอ
แต่ว่าที่ต้องดีใจและควรจะฉลองคือ มีน้ำหวาน ออกหน้าเป็นตัวเชื่อมต่อ เควินนำทีมแอบแฝงตัวอยู่ด้าน หลัง แต่คำเดียวก็สามารถจับเชลยขององค์กรSCได้ สามสิบห้าคน สามคนในนั้นคือคนที่มีตำแหน่งระดับ ปานกลางขององค์กรSC สามารถได้ข้อมูลจากพวกเขา มาไม่น้อยเลย
ปฏิบัติการของครั้งนี้ ถือว่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
จัดการเรื่องของหมู่บ้านBเสร็จ เควินมอบหมาย หน้าที่ให้พายุจัดการเรื่องที่เหลือต่อ ส่งตัวอาชญกรของ องค์กรSCกลับเมืองหลวง ส่วนตัวเองกับพิงกี้และน้ำ หวานจะกลับไปก่อน
ตอนมา เควินได้นั่งเฮลิคอปเตอร์มาด้วยความเร่ง รีบ แต่ตอนกลับไม่ต้องเร่งรีบ ก็ย่อมไม่ต้องใช้วิธีที่ เปลืองแรงเปลืองเงินแถมยังไม่สะดวกด้วย
อีกอย่าง นั่งเฮลิคอปเตอร์ไม่ได้สบายขนาดนั้น นั่ง เฟิร์สคลาสบนเครื่องบินดีกว่า
เครื่องบินได้จอดลงสู่ท่าอากาศยาน เควินได้สั่งรถ ให้มารับตั้งนานแล้ว
เดินออกมาจากสนามบิน พิงกี้ดึงมือของน้ำหวาน ไว้ “น้ำหวาน เธอไม่ได้เจอเจ้าซาลาเปามาตั้งนานแล้ว เขาใกล้จะจําเธอไม่ได้แล้ว หรือว่าเธอไปพักที่บ้านฉัน สักช่วงหนึ่ง ช่วยฉันเลี้ยงเจ้าตัวแสบด้วย
“..……..โอเค” น้ำหวานรู้ว่าพิงกี้หวังดี กลัวเธออยู่ (( คนเดียวแล้วจะคิดฟุ้งซ่าน เธอก็ไม่อยากอยู่คนเดียว ไป เล่นกับแอ๊ปเปิ้ลก็ดีเหมือนกัน ดังนั้นจึงได้ตอบตกลงไป
แต่แล้ว ที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ หลังจากออกมาจากสนามบิน เธอกลับเห็นร่างเงาที่นึกว่าจะไม่มาโผล่ อยู่ที่นี่
“ดุสิตมาได้ยังไงเนี่ย?” พิงกี้พึมพำเสียงเบา
พวกเขาทั้งหลายยังไม่ได้ดึงสติกลับมา ดุสิตก็ก้าว เท้ายาวเดินมาแล้ว “น้ำหวาน เราคุยกันหน่อยได้มั้ย?”
นําหวานกัดริมฝีปาก แววตามีความลังเลแว๊บเข้า มา แต่ก็ยังส่ายหัวอย่างดื้อด้าน “ขอโทษด้วยค่ะ ตอนนี้ ฉันไม่มีอารมณ์คุยอะไรกับคุณ
แฝงด้วยอารมณ์ที่หลบหนี เธอมองไปที่พิงกี้อีก “ไหนบอกว่าจะให้ฉันไปช่วยเลี้ยงเจ้าซาลาเปาไม่ใช่เห รอ? เรารีบไปกันเถอะ”
พิงกี้ยังไม่ได้เปิดปากพูด ดุสิตก็ดึงข้อมือเธอไว้ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความโกรธ “น้ำหวาน นี่ คุณเป็นอะไรกันแน่? หลายวันมานี้ไม่รับสายของผมก็ แล้วไป กว่าผมจะสืบหาวันเวลาที่คุณจะกลับมาไม่ใช่ ง่ายๆ ผมอุตส่าห์มารับคุณ แต่คุณกลับมีท่าทีแบบนี้กับ ผมหรอ?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ