บทที่474: คนมอบให้คุณ อย่าทำให้ตายก็พอ
พอคุยโทรศัพท์เสร็จ น้ำหวานกุมมือถือไว้และเดิน ไปที่ทิศทางของรถ
เพื่อไม่ดึงดูดสายตาของผู้คน รถตู้ได้ดับ เครื่องยนต์จอดรอไว้ ภายใต้แสงจันทร์ รถตู้คันเล็กๆ เหมือนสัตว์ใหญ่ที่แอบซ่อนตัวอยู่ แต่ก็เหมือนกรงที่คับ แคบ ทำให้เธอแค่ดูก็หายใจลำบาก
ในใจรู้สึกอัดอั้น หายใจลำบาก
น้ำหวานไม่อยากขึ้นรถ ไม่อยากเผชิญกับสายตา แปลกๆของเควินและรังสิต
แม้กระทั่ง เธอก็ไม่อยากได้ยินพิงกี้ถามเธอว่า สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง พูดอะไรกับดุสิต…….ถึงรู้ ทั้งรู้อยู่ว่าเพื่อนรักคนนี้เป็นห่วงเธอจากใจจริง แต่ตอนนี้ เธอไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น แค่อยากอยู่เงียบๆคนเดียว สักพัก
ดีที่สุดสามารถอยู่ในที่ๆมีเธอแค่คนเดียวก็พอ
เสียดาย ตอนนี้ก็แค่ได้แค่คิดเท่านั้น
น้ำหวานเดินไปที่ด้านหน้ารถอย่างมีเรื่องหนักอก หนักใจ ประตูของรถตู้เลื่อนออกอยู่ตรงหน้าเธอ พิงกี้ ชะโงกออกมาครึ่งตัว กวักมือมาหาเธอ “รีบขึ้นรถเร็ว นี่ ก็ดึกมากแล้ว เรารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“เรายังจะกลับไปอีกเหรอ?” น้ำหวานประหลาด
ใจ
ห้องลับชั้นใต้ดินที่ศาลเจ้าซ่อนเร้นมาก เธอยังนึก ว่าพวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอด
คิดไม่ถึงว่าจะย้ายถิ่นฐาน
“อืม ถึงแม้ที่นี่ซ่อนเร้นมาก แต่ไม่เหมาะกับการ สอบสวนต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้น เพื่อจะได้เลี่ยง ไม่ทำให้ผู้เสียหายพวกนั้นตกใจด้วย นอกเหนือจาก นี้ พวกเราก็ต้องไปหาที่พักผ่อน อยู่ในศาลเจ้าหลับไม่ สบาย” พิงกี้อธิบาย
น้ำหวานหัวใจหวิวๆ
วันนี้เกิดเรื่องมากมาย สมองเธอเบลอไปหมด ไม่ ได้คิดถึงด้านนี้ ทันใดนั้นเธอรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะ ก่อนมาฉันไม่ให้พูดสถานการณ์ของทางนี้ให้ชัดเจน ให้ พวกเธอมาเสียเที่ยวเลย
“นี่มีอะไรต้องขอโทษด้วย? เธอช่วยคนเอาไว้ เยอะขนาดนี้ สามารถจาลึกไว้ในประวัติศาสตร์แล้ว ชัดๆ มาๆๆ รีบขึ้นมาเร็ว แสดงความฉลาดของเธอออก มาอย่างเต็มที่มาช่วยพวกเราออกไอเดียหน่อย ต่อจาก นี้เราจะไปไหนดี?”
พิงกีดึงนําหวานข็นรถ และเร่งให้รังสิตสตาร์ท รถยนต์
นั่งอยู่บนรถ น้ำหวานย้อนนึกถึงข้อมูลที่ได้มา หลายวันนี้ หลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีก็ได้เสนอสถาน ที่หลายที่ๆค่อนข้างสงบและเปลี่ยว ให้ทุกคนสามารถ ได้พักผ่อนก่อนชั่วคราว
สุดท้าย ผ่านการเห็นด้วยจากเควิน พวกเขาตัดสิน ใจไปที่ฟาร์มเลี้ยงไก่ร้างใกล้ๆแถวนี้
ฟาร์มเลี้ยงไก่นี้เป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ที่คนในหมู่บ้าน จบปริญญาแล้วกลับมาทำธุรกิจที่นี่ แต่เสียดายเด็ก จบใหม่คนนั้นยังไม่มีเทคนิกที่ล้ำสมัย และไม่มีความ สามารถในการบริหาร เพิ่งจะเลี้ยงได้สองสามปี ธุรกิจก็ ล้มละลายแล้ว
เรื่องที่ฟาร์มเลี้ยงไก่ล้มละลายเคยเกิดเรื่อง อาละวาดจนใหญ่โต มีพนักงานมากมายหลังจากฟาร์ม เลี้ยงไก่ล้มละลายได้มาขอเงินเดือน แถมยังอาละวาด ถึงขั้นมีคนเสียชีวิตด้วย
ตอนนี้ที่นั่นเงียบจนไม่มีคนไม่พอ แถมยังลือกัน ว่าเพราะฟาร์มเลี้ยงไก่เคยมีคนตาย จึงมีผีออกมา อาละวาดอยู่เป็นประจำ ก็เลยไม่ค่อยมีคนกล้าไปเดิน ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น
ถ้าไปพักอยู่ที่นั่นล่ะก็ ไม่เพียงแต่สามารถหลบ เลี่ยงสายตาจากผู้คนได้ สอบสวนคนขึ้นมาก็สะดวก
อย่างไรก็ตาม ถึงสอบสวนผู้ชายดุร้ายก็จะต้องใช้ วิธีการที่ทําให้เขาร้องโหยหวนแทบตาย คนอื่นก็มีแต่ จะนึกว่าฟาร์มเลี้ยงไก่มีผีออกมาอาละวาดอีกแล้ว ไม่ ได้เอามาใส่ใจไม่พอ ไม่แน่อาจจะยังไม่กล้าเข้าใกล้เลย ด้วยซ้ำ
แต่ว่าที่นั่นก็มีความเสี่ยงอยู่ เพราะพื้นที่ของที่นั่น กว้างขวางมาก ที่ๆสามารถซ่อนตัวมีไม่มาก ต้องการ กำลังพลมากมายในการคุ้มการ ถ้าหากคนของ องค์กรSCลงมือที่นั่น ก็ยากที่จะคุ้มกันเหมือนกัน
แต่ว่าปัญหานี้ ขอแค่พายุพากองกำลังพิเศษส่วน ใหญ่มา ก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว
ฟาร์มเลี้ยงไก่อยู่อีกทิศทางหนึ่งของหมู่บ้านB ทาง ที่จะไปต้องผ่านหมู่บ้านB
หลังจากรถขับผ่านร้านปิ้งย่าง ภายใต้คำแนะนำ ของพิงกี้ รถได้จอดลงที่ข้างทาง และรังสิตก็แกล้วทำ เป็นคนในหมู่บ้านลงไปซื้ออาหารกลับมาถุงเบ้อเริ่ม
สำหรับนักกินอย่างพิงกี้ พวกเขาลงจาก เฮลิคอปเตอร์ก็ไม่ได้ทานข้าวมาทั้งวันเลย อันนี้ทนไม่ ได้ เธอยิ่งรู้สึกน้ำหวานในตอนนี้ถ้าสามารถกินอะไรสักหน่อย ดื่มเหล้าลงไปสักหน่อย ไม่มีอารมณ์อาจจะ ฟื้นฟูกลับมาดีขึ้นก็ได้
เหล้าเป็นของดีที่เรงปฏิกิริยาของอารมณ์จริงๆ ด้ กว่าอัดอั้นอยู่ในใจ
ทั้งสี่คนนั่งรถมุ่งหน้าไปที่ฟาร์มเลี้ยงไก่ และนำปืน ย่างหม่าล่ที่หอมฉุยน่าทานไปด้วย
พอถึงฟาร์มเลี้ยงไก่ ที่นอนยังไม่ได้จัดเตรียมสอ ทั้งสี่ก็ได้หาพื้นที่ว่างในฟาร์มเลี้ยงไก่ อาศัยแสงไฟของ มือถือ จากนั้นก็เริ่มกินปิ้งย่างกันขึ้นมา
พอกินเสร็จ เควินกับรังสิตได้ทั่วผู้ชายคร้ายไป สอบสวน พิงกี้กับน้ำหวานก็คอยดูอยู่ข้างๆ
วิธีการสอบสวนของหน่วยสืบลับ คนปกติทนไป ไหวจริงๆ ถึงบุคลากรขององค์กรSCที่ผ่านการฝึกฝน มา ภายใต้ความเจ็บปวดก็ได้แต่พูดออกมา หมดเปลือก
ผู้ชายดุร้ายคนนี้ชื่อเปา ก็ไม่รู้ว่าเป็นชื่อฉายาหรือ ว่าอะไร แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ลูกพี่ของเขาคือพี่ใหญ่ ก็คือผู้ชายที่หน้าตาร้ายๆ จมูกเหยี่ยว น้ำหวานเคยเจอคนนั้น
ถ้าพูดอย่างเคร่งครัด นายเปากับพี่ใหญ่ต่างก็ไม่ถือว่าเป็นคนขององค์กรSC
ว่ากันว่าพี่ใหญ่คนนั้นคือเกิดในหมู่บ้านB ต่อมาพอ หาเงินได้หน่อยก็ไปจากหมู่บ้านB ตอนนี้เพราะจะ“ทำ มาค้าขาย ถึงได้กลับมาที่บ้านเกิดใหม่
แต่ว่า สิ่งที่พี่ใหญ่นำพามาให้กับหมู่บ้านไม่ใช่โอ กาศในการทําธุรกิจ แต่เป็นการทำลาย
ปกติเขาจะรับผิดชอบ การตลาดของหมู่บ้านB รวบรวมสินค้าจากในมือของเส้นสายล่าง หลังจากได้ รับสินค้าก็จะติดต่อเส้นสายบนของตัวเอง คอนเฟิร์ม สถานที่และวันเวลาในการทำข้อตกลง หลังจากทำข้อ ตกลงเสร็จก็ถือว่าทำมาค้าขายได้งานหนึ่ง
ครั้งนี้พี่ใหญ่ติดต่อกับตระกูลภักดีวัฒนากุล ตระกูลภักดีวัฒนากุลก็เลยส่งน้ำหวานมาทำการตกลง
แตกต่างกับการทำข้อตกลงระหว่างองค์กรSCและ ตระกูลภักดีวัฒนากุลที่ผ่านๆมา การทำข้อตกลงของ ครั้งนี้ได้เพิ่มมาอีกหนึ่งฝ่าย
การทำข้อตกลงของเดิมทีคือพี่ใหญ่เอาสินค้าให้ น้ำหวาน น้ำหวานรับผิดชอบเป็นตัวกลางนำสินค้าไปส่ง ให้กับองค์กรSC จากนั้นก็จ่ายส่วนแบ่งให้กับพี่ใหญ่
ที่พวกเขาคิดไม่ถึงคือที่น้ำหวานตรงนี้จะเกิดปัญหา อาศัยโอกาศที่เป็นตัวกลาง เธอสะดวกยิ่งกว่า ก่อนหน้านั้น ยิ่งเอาสินค้าไปซ่อนโดยเร็วจนทําให้คนตั้ง ตัวไม่ทัน
ตอนนี้ไม่เพียงแต่พี่ใหญ่กำลังตามหาน้ำหวาน อยากแบ่งสินค้ามาจากในมือของน้ำหวาน ตัวเชื่อมต่อ ขององค์กรSCก็กำลังตามหาน้ำหวานอยู่เหมือนกัน ทั้ง สองฝ่ายแทบอยากจะเอาน้ำหวานให้ตายเลย
เพราะนายเปาคนนี้เป็นแค่เด็กวิ่งงานที่ไม่มีความ สำคัญอะไร จุดสำคัญก็ยังอยู่ที่พี่ใหญ่กับตัวเชื่อมต่อ ขององค์กรSCในครั้งนี้ เพราะฉะนั้นถึงสวบสวนนายเปา ยังไง ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรหรอก
“เรื่องของผมสอบสวนได้พอสมควรแล้ว คนมอบ ให้คุณ อย่าทำให้ตายก็พอ”
พอสอบสวนเสร็จ เควินใช้ทิชชูเปียกเช็ดมืออย่าง เอื่อยเฉื่อย และพูดกับน้ำหวานอย่างราบเรียบ
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูสงบ เสียงเยือกเย็นและ หนักแน่น แตกต่างจากความเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้า ใครทั้งสิ้นและแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวของที่ ผ่านมา
สถานการณ์ของครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง
น้ำหวานถูกนายเปาย่ำยี นี่เป็นการทำร้ายที่หนัก หนาสำหรับผู้หญิงมาก พูดตามหลัก ต้องยื่นอุทรณ์ให้ กฏหมายมาลงโทษถึงจะดีที่สุด แต่ว่าสถานการณ์อย่าง ตอนนี้ น้ำหวานไม่เหมาะกับการไปแจ้งตำรวจ ถึงจะแจ้ง ความ เกี่ยวโยงถึงองค์กรSC ก็จะกลายเป็นว่ายิ่งบาน ปลายและรับ อยาก
สู้มีแค้นแก้แค้นดีกว่า
“ขอบคุณค่ะ” เห็นได้ชัดว่าน้ำหวานก็รู้เรื่องพวกนี้
เธอยิ่งรู้ว่าเควินมีนิสัยยังไง เข้าใจว่าที่เขาตัดสินใจ นี้แบบนี้ออกมาไม่ใช่ให้หน้าเธอ………
ไม่ เควินอาจจะเห็นแก่ที่เธอทำลายการค้า กับองค์กรSCครั้งแล้วครั้งเล่า และได้ช่วยเหลือคน มากมาย เลยให้หน้าเธอ แต่ว่า ที่สำคัญกว่าคือเพราะ เธอคือเพื่อนของพิงกี้ ดังนั้นเขาถึงได้ดูแลเธอมากเป็น พิเศษ
พอคิดตรงนี้ได้ น้ำหวานก็ไม่อยากทำให้มัน สามหาวเกินไป ให้เควินต้องทำตัวลำบาก
ถึงนายเปาจะสมควรตายมากแค่ไหน สุดท้ายก็ ต้องนำตัวกลับไปมอบให้กับตำรวจ เธอก็ไม่อยากทำให้ เขาตายจริงๆ ไม่งั้นเธอเองกลับยังต้องเจอโทษฐานฆ่า คนตายด้วยซ้ำ
“ฉันจะพยายามให้ความร่วมมือกับความ เคลื่อนไหวของพวกคุณ ฉันก็ไม่ต้องนำตัวไอ้สารเลวที่ สมควรตายคนนั้นไปโดยเฉพาะหรอกค่ะ ฉันขอแค่ได้ ระบายความแค้น ตอนนี้พวกคุณสะดวกก็พอค่ะ”
“โอเค ได้” เควินเห็นด้วย
ยุ่งกับงานมาทั้งวัน ตอนนี้งานที่อยู่ในมือก็ถือว่าจบ ลงชั่วคราวแล้ว ในที่สุดก็ได้พักผ่อนแล้ว
ห้องพักของพนักงานในฟาร์มเลี้ยงไก่เป็นห้องแถว หาห้องที่ดูแล้วสะอาดหน่อย ปัดกวาดเช็ดถูกหน่อยก็ สามารถนอนได้แล้ว เพื่อป้องกันมีคนมาชิงตัวผู้ชาย ดุร้ายไป จำเป็นต้องมีคนเฝ้ายามดึก น้ำหวานจึงเสนอ ตัวเอง
“เธอไปนอนดีกว่านะ” พิงกี้เกลี้ยกล่อม “ตอนนี้ เธอไปพักผ่อนดีๆ พรุ่งนี้ถึงจะมีเรี่ยวแรงรับมือกับเรื่อง ที่มากกว่า ไม่ใช่หรอ?”
“แต่ฉันนอนไม่หลับ” น้ำหวานส่ายหัว “พวกเธอ ไปนอนเถอะ ฉันนั่งคิดเรื่องราวอยู่คนเดียวดีกว่าไปนอน ถ้าฉันเบื่อขึ้นมาจริงๆก็ไปลงมือกับไอ้สารเลวนั่น ไป ระบายความแค้นใส่มันหน่อยก็พอแล้ว แน่นอน ถ้าพวก เธอเชื่อใจฉันนะ”
น้ำหวานพูดถึงขั้นนี้แล้ว พิงกี้ก็ย่อมไม่กล้าเกลี้ยกล่อมต่อแล้ว
เกลี้ยกล่อมอีก เธอกลัวน้ำหวานจะคิดว่าเธอไม่ เชื่อใจเธอ ดังนั้น ถึงไม่กล้าให้เธอมาเฝ้ายามดึก
พิงกี้กับเควินเดินเข้าไปในห้องนอน ในใจเธอเต็ม ไปด้วยความเป็นห่วง
พอปิดประตูห้องนอน เควินตบที่ไหล่และพูดปลอบ ใจเธอ “ ไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อนของคุณหรอก เธออยาก อยู่คนเดียวก็ให้เธออยู่คนเดียวเถอะ มีรังสิตคอยเฝ้าอยู่ ตลอด อย่างน้อยก็ไม่เกิดอันตรายอะไรขึ้นกับเธอหรอก
“แต่ว่า……” พิงกี้ค่อนข้างลังเล “ถ้าเธอเห็น รังสิตก็เฝ้าอยู่ด้วย จะคิดว่าเราไม่เชื่อใจเธอหรือเปล่า คะ?”
สถานการณ์แบบนี้ของน้ำหวาน ถ้าบอกว่าเธอเป็น ผู้บริสุทธิ์ พิงกี้ย่อมเชื่ออยู่แล้ว แต่คนอื่นอาจจะไม่คิด เหมือนเธอเสมอไป
ก่อนหน้านี้ ทั้งเควินและรังสิตต่างก็สงสัยน้ำหวาน แถมยังแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดมาก เธอกลัวน้ำหวาน จะคิดมากจริงๆ พอเป็นแบบนี้ก็กลายเป็นว่ายิ่งทิ่ม แทงใจน้ำหวานอีกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
น้ำหวานในคืนนี้เจ็บช้ำมามากพอแล้ว เธอไปอยาก เห็นน้ำหวานต้องเสียใจไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ
“ไม่หรอก เธอรู้ดีแก่ใจ แยกแยะความหวังดีและ การป้องกันตัวได้อยู่
..อืมๆ”
จุดนี้ พิงกี้ก็มีความเชื่อมั่นน้ำหวานอยู่
น้ำหวานยืนอยู่ในค่ำคืนที่มืดมนไปพักหนึ่ง จากนั้น ก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องที่ขังนายเปาไว้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ