บทที่473: ไม่ใช่หยั่งความคิด แต่เป็นของจริง
พวกเขาทั้งสี่ลงจากรถ เดินเข้าไปในหมู่บ้าน และ เห็นศาลเจ้าของหมู่บ้าน
นี้ก็คือสถานที่ๆเป็นความลับที่น้ำหวานบอก
ในหมู่บ้านที่หลับไหลกันหมดมีไฟสว่างอยู่แค่ไม่กี่ ดวง ด้านนอกมืดสนิทหมด มีแค่ต้นไทรย้อยใบคู่ต้นนั้น ที่ไม่รู้ว่ามีอายุเก่าแก่กี่ปีแล้ว ภายใต้แสงจันทร์แกว่งไป แกว่งมากระทบเป็นเงาต้นไม้
ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลมีแสงไฟสีเหลืองสว่างอยู่ เป็นแสงไฟสว่างหนึ่งเดียวในยามค่ำคืน
ไฟดวงนี้ เหมือนโคมไฟของประภาคารอย่างไร อย่างนั้น ทำให้คนรู้สึกอบอุ่น
เดินมาถึงที่ศาลเจ้าแล้วรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ศาลเจ้านี้เล็กมาก แต่มีครบทุกอย่าง ด้านในจัด วางได้สะอาดเรียบร้อย เจ้าแม่กวนอิมที่มีเมตตานั่งขัด สมาธิอยู่ โต๊ะด้านหน้ามีผลไม้วางอยู่หลายจาน
ดูออกว่าผู้คนของหมู่บ้านนี้ชอบมาไหว้ที่นี่อยู่เป็น
ประจำ
แต่ว่า………
พวกเขามาที่นี่ทำไม?
มาไหว้พระหรอ?
รังสิตกำลังอยากจะถาม ยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ก็ เห็นน้ำหวานเลื่อนโต๊ะที่ไหว้บูชาผลไม้ออก เผยให้เห็น กระเบื้องหินชนวนที่กรีดได้เรียบร้อยบนพื้น
ต่อมา เธอก้มตัวลงไปกดปุ่มเปิดปิดที่ผนังด้านหลัง ของโต๊ะไหว้ผลไม้ ทันใดนั้นพื้นด้านหน้าโต๊ะไหว้ผลไม้ ก็ส่งเสียงเคลื่อนย้ายออกมา
พอเครื่องกลหยุดแล้ว น้ำหวานชี้หินชนวนที่มีรูป ทรงยาวประมาณครึ่งตารางเมตร “ย้ายหินชนวนชิ้นนี้ ออก ด้านล่างมีทางใต้ดิน คนที่ฉันซ่อนเอาไว้อยู่ในนั้น เลยค่ะ”
หยุดไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดย้ำอีก “แต่ว่า พวกเขา ซ่อนอยู่ในนี้มาสองสามวันแล้ว กินนอนถ่ายหนักถ่าย เบาอยู่ในนั้นหมด กลิ่นอาจจะไม่ค่อยพึงประสงค์เท่า ไหร่นะ”
“ข้างล่างนี้มีห้องลับ?” รังสิตตะลึงงันมาก “คุณ นี่เก่งจริงๆเลยครับ ที่ๆซ่อนเร้นขนาดนี้ยังถูกคุณค้นพบ จนได้”
เขานึกว่าด้วยความสามารถของน้ำหวานมากสุดก็แค่ให้ผู้เสียหายเหล่านั้นไปหลบซ่อนตามบ้านของคนใน หมู่บ้านนี้ คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ห้องลับที่ชั้นใต้ดินก็ถูกเธอ หาเจอจนได้
เยี่ยมจริงๆเลย!
“ก็แค่บังเอิญค่ะ” น้ำหวานไม่อยากพูดเยอะ พูด พอเป็นพิธีหาเดียวก็เม้มปากไว้
สามารถหาที่นี่เจอ ก็ต้องยกให้กับเธอที่เดินหว่าน เสน่ห์ไปทั่ว แต่ก็เพราะเธอหว่านเสน่ห์ไปทั่ว คนอื่นต่าง ก็นึกว่าเธอเป็นผู้หญิงสำส่อน นึกว่าถึงเธอถูกกระทำ นําเรา ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร………..
หลับตาลง น้ำหวานกลืนความเจ็บปวดของในใจลง
ไป
เธอยังจําได้ ตอนนั้นอยู่ในห้องน้ำ เสียงที่ได้ใจและ ไม่เกรงกลัวเพราะมีที่พึ่งของผู้ชายดุร้ายคนนั้น
เขาพูดว่า “มึงใส่เสื้อผ้าสวยๆทุกวันออกไปแรด ข้างนอก ก็ไม่ใช่อยากให้ผู้ชายอี๊บมึงเหรอ? กูจะให้ มึงได้สมหวัง อิ๊บมึงให้ตายเลย กูจะบอกให้มึงรู้อย่าง ชัดเจนเลยนะ นี่ก็คือพิธีตัดไม้ข่มนามที่กูทำให้มึง ถ้ามึง ฉลาดพอล่ะก็มอบสินค้าออกมาซะดีๆ!”
แต่นี่สำหรับเธอไม่ใช่ทำพิธี แต่เป็นการทำลายอย่างสิ้นเชิง!
นึกถึงตรงนี้ นํ้าหวานก็เกิดความแค้นขึ้นมา
เธออยู่ที่หมู่บ้านBประมาณห้าวันแล้ว
ในห้าวันนี้ เธอเดินเล่นอยู่บนถนนทุกวัน เพราะแต่ง ตัวสวยสดงดงาม เดิมทีหน้าตาก็ไม่เลวอยู่แล้ว เฉลี่ย ทุกๆสิบนาทีผู้ชายก็จะเกิดความแปลดใจกับเธอ หรือว่า อิจฉาความสวยของเธอและมาพูดคุยกับเธอ ดังนั้นคน ที่เธอได้ติดต่อก็มีเยอะมาก
พอมาแบบนี้ ข่าวที่เธอได้รับจึงเยอะมาก ช่องว่างที่
สามารถปฏิบัติการก็ยิ่งกว้างขวางขึ้น อาศัยความสะดวกแบบนี้ เธอรู้จักผู้ชายคนหนึ่ง
ได้ยินเขาบอกว่าสมัยเด็กๆเขาเคยเห็นห้องลับที่ศาลเจ้า นี้อย่างจับพลัดจับผลู จากนั้นเธอก็เกิดความคิดนี้ขึ้นมา
แน่ใจแล้วว่ามีห้องลับที่ว่านี้อยู่จริง อีกอย่างซ่อน เร้นมาก หลังจากที่รู้ว่ามีคนน้อยมากที่จะรู้ความลับนี้ เธอก็เลยอาศัยตอนกลางคืนเอา“สินค้า ที่อยู่ในมือมา ซ่อนไว้ที่ห้องลับแห่งนี้
แต่เสียดาย เพราะหมู่บ้านBเปลี่ยวมาก ตามความ สามารถของตัวเธอเอง ไม่สามารถส่งผู้เสียหายเหล่านี้ ไปในระยะเวลาอันสั้น ได้แต่ค่อยๆรอโอกาศ
ถ้าไม่สบโอกาศ งั้นเธอก็ต้องสู่โดยการที่อาจจะถูก
เปิดเผยตัวเอง แต่ก็จะต้องติดต่อกับพิงกี้ให้ได้
แต่ว่า เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าครั้งนี้จะแตกคอกับ องค์กรSC และพวกมันมาลงมือกับเธอโดยตรง ตอน แรกก็พี่ใหญ่มาตักเตือนเธอก่อน วันนี้ก็ส่งไอ้เดียรัจฉาน นี่มาข่มขู่เธออีก
ดูท่าแล้ว เพราะเธอซ่อนสินค้าไว้ กระตุ้นโดนฟาง เส้นสุดท้ายของพวกเขา
ตอนที่เธอปฏิบัติการระวังตัวมาก คนของ องค์กรSCรู้แค่ว่าเธอสลัดพวกเขาทิ้ง แต่ไม่รู้ว่าเธอทำ อะไร ต่อมาเธอไม่ยอมส่งสินค้าให้สักที พวกเขาถึงรู้ว่า สถานการณ์ไม่ดีแล้ว จึงสงสัยมาถึงที่ตัวเธอ
เพียงแต่อยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คนที่เธอ ติดต่อในแต่ละวันเยอะมาก ถึงคนขององค์กรSCที่รับ ผิดชอบเฝ้าจับตาดูเธอมีใจอยากจะสะกดรอยตามเธอ จับตาดูว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ก็ไม่มีเวลามาสนใจเลย ด้วยซ้ำ
ทุกวันคนที่ใกล้ชิดติดต่อกับเธอไม่ถึงร้อยก็หลาย สิบคนอยู่ จะสะกดรอยตามยังไง?
พอมาแบบนี้ องค์กรSCก็เลยใช้วิธีล่วงละเมิดเธอ บีบให้เธอมอบสินค้าออกมา…….
น้ำหวานดึงสติกลับมาจากความคิดที่ยุ่งเหยิง เผชิญกับสายตาที่เป็นห่วงของพิงกี้
เธอมองดูรอบๆ “คนล่ะ?”
รังสิตไม่อยู่
พิงกี้ชี้ไปที่ชั้นใต้ดิน “รังสิตลงไปแล้ว เควินกลัวว่า เราสองคนอยู่ที่นี่จะเกิดอุบัติภัยอะไรขึ้น เลยเฝ้าอยู่ที่ นอกศาลเจ้า”
..อืมๆ” น้ำหวานพยักหน้า
พิงกี้รู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเธอยังไม่ดีขึ้น แต่ยิ่งรู้ ว่าสิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้ไม่ใช่คำปลอบโยน แต่เป็น พื้นที่ส่วนตัว ได้แต่สะกดความกังวลของในใจไว้ และ อยู่เคียงข้างเธออย่างเงียบๆ
รังสิตที่ลงไปตรวจสอบดูสถานการณ์ไม่นานก็ขึ้น มาแล้ว แววตาเต็มไปด้วยความสงสาร
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” เควินเดินมาจาก
ด้านนอก
“สถานการณ์ยังถือว่าโอเคครับ ด้านในมีทั้งหมด ยี่สิบเอ็ดคน ผู้ชายสอง ผู้หญิงเจ็ด ที่เหลือล้วนแต่เป็น เด็กอายุไม่กี่ขวบเองครับ คุณน้ำหวานเตรียมน้ำดื่มและอาหารที่เพียงพอไว้ให้ ตอนนี้ไม่มีอันตรายอะไรครับ ร่างกายแต่ละคนก็แข็งแรงดีอยู่” รังสิตพูด “เพียงแต่ ต้องรีบอพยพคนพวกนี้โดยเร็ว อยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ใช่การ แก้ปัญหาที่ยาวไกลครับ”
“อืม” เควินพยักหน้า “พอพายุมา ให้เขารีบจัด เตรียมคนมาอพยพโดยเร็ว”
“ครับ!” รังสิตตอบ
ตรวจสอบสถานการณ์ของที่นี่เสร็จ แต่ไม่เหมาะ กับการอพยพในทันที ก็ได้แต่จากไปก่อน
พวกเขาเดินออกมาจากศาลเจ้า เตรียมตัวขับรถ
จากไป
เดินมาถึงครึ่งทาง เสียงโทรศัพท์ของน้ำหวานดัง
ขึ้น
เสียงเรียกเข้าที่ดังและชัด อยู่ท่ามกลางความ มืดมนเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างรู้สึกน่ากลัว ทำเอาพิงกี้ ตกใจและหันไปมองน้ำหวาน กลับพบว่าน้ำหวานที่ถือ โทรศัพท์ไว้อึ้งค้างไว้
แสงของหน้าจอส่องใบหน้าเธอจนสว่าง และส่อง ให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยการสับสนของเธอ
“เป็นอะไรไป? ใครโทรมาเหรอ?” พิงกี้ถาม
” น้ำหวานหายใจลึกๆทีหนึ่ง “ดุสิตโท
รมาน่ะ”
ก่อนหน้านั้นดุสิตก็เคยโทรมาอยู่ หลังจากผู้ชาย ดุร้ายส่งรูปไปให้เขา เขาก็โทรมาเลย ตอนนั้นคือเธอรับ สายไม่ได้ ตอนนี้คือเธอไม่อยากรับสาย
ถ้ารับสาย เธอไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง และไม่รู้ ว่าตัวเธอเองจะต้องพูดอะไร
ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับปัญหานี้
แต่ว่า เรื่องบางเรื่องยังไงก็ต้องเผชิญหน้าอยู่
พิงกี้ก็เป็นคนที่มีนิสัยยอมที่จะเจ็บอย่างมีสติก็ไม่ ยอมสะลึมสะลือถูไถไปตามเรื่อง ในฐานะที่เป็นเพื่อน ของพิงกี้ น้ำหวานก็เป็นแบบนี้ ไม่งั้นทั้งสองก็ไม่เข้ากัน ได้ขนาดนี้หรอก
“รับเถอะ ดูซิว่าเขาอยากจะพูดอะไร คืนนี้ก็ไม่มี ธุระอะไรแล้ว เธอโทรอยู่แถวนี้นะ พวกเราขึ้นไปรอเธอ ที่บนรถ” พิงกี้ฝืนยิ้มไปทีหนึ่ง และพูดอย่างมองโลกใน แง่ดี “ไม่แน่ เขาอาจจะอยากมาปลอบใจเธอก็ได้
“อืม”
หายใจลึกๆทีหนึ่ง ก่อนที่สายจะตัดทิ้งไป น้ำหวาน ได้กดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล น้ำหวานใช่มั้ย?”
ดุสิตที่อยู่ในสายเสียงค่อนข้างเบา ดูเหมือนว่า กำลังพยายามสะกดอารมณ์ต่างๆในใจไว้
“ใช่ ฉันเองค่ะ” น้ำหวานพูดสั้นๆ
กลัวพูดเยอะแล้ว ความตื่นตะลึงและความหวาด กลัวที่อยู่ในใจจะกดเอาไว้ไม่อยู่
“คุณ….ตอนนี้คุณยังโอเคมั้ย?”
“……….อืมๆ”
“รูปถ่ายที่ผมได้รับในวันนี้ คือคุณกำลังลองใจ ผมใช่มั้ย?” ดุสิตหัวเราะอย่างแข็งกระด้างทีหนึ่ง “น้ำ หวาน ถึงแม้ตอนนี้ผมอยู่ที่อเมริกา แต่ผมไม่ได้ไปมั่วที่ ข้างนอกจริงๆนะ คุณอย่าใช้วิธีนี้ขู่ผมสิ
“ฉันไม่ได้ขู่คุณ แต่เป็นของจริงค่ะ”
“งั้นคุณ….…..”
น้ำหวานหายใจลึกๆทีหนึ่ง ทนความเจ็บปวดของ ในใจไว้และเปิดปากพูด “ใช่ค่ะ”
ต่อจากนี้ ก็คือความเงียบงัน
ผ่านไปตั้งนานดุสิตก็ไม่ได้พูดจา มือของน้ำหวาน ที่กุมมือถือไว้ยิ่งอยู่ยิ่งแน่น สุดท้าย เธอใช้มืออีกข้าง ปิดปากตัวเองไว้แน่น เพื่อไม่ให้เสียงสะอึกสะอื้นออกมา จากปาก
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ