บทที่468หัวใจที่หลอมละลายเหลือเพียงเถ้าถ่าน
หมู่บ้านBเป็นหมู่บ้านที่สภาพแวดล้อมไม่ดี ถึงจะ เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของหมู่บ้าน โรงแรมของที่นี่ไม่ สามารถเทียบระดับกี่ดาวไม่ได้เลย
ในห้องๆหนึ่งที่กว้าง34ตารางเมตร ก็มีแค่ เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่าย ไม่ต่างกับเฟอร์นิเจอร์ของ ครอบครัวฐานะปกติเลย แต่ยังขาดความอบอุ่นของ บ้านด้วยซ้ำ
ในห้องไม่ได้เปิดไฟไว้
ถ้าเทียบกับเมืองหลวงที่พอถึงยามดึกก็เต็มไปด้วย แสงสี หมู่บ้านBที่เดิมทีก็มืดมากอยู่แล้ว บนถนนก็มีแต่ ไฟสีเหลืองที่ใช้มาไม่รู้กี่ปีส่องแสงสว่างอยู่ เว้นระยะ ทางไปช่วงหนึ่ง ยังมีไฟที่เสียดวงสองดวงเป็นช่วงๆ ทำให้แสงสว่างยิ่งน้อยมาก
ผ้าม่านหน้าต่างถูกปิดเอาไว้ แสงไฟของด้านนอก สาดส่องเข้ามาไม่ได้ ทำให้ในห้องยิ่งดูมืดมนเข้าไป ใหญ่
อาศัยแสงไฟริบหรี่มองไป ผ้าห่มบนเตียง6ฟุต ยุ่งเหยิงเป็นกอง ดูออกว่าเคยมีคนนอนแต่ไม่ได้จัดเก็บ บนโต๊ะข้างเตียงมีข้าวกล่องหลายกล่องวางอยู่ อาหาร ที่อยู่ในกล่องมีกลิ่นแปลกๆโชยออกมา ถ้าไม่ใช่ว่าใน ห้องเปิดแอร์ไว้ตลอด เกรงว่าคงจะบูดไปแล้ว
หัวมุมของในห้องที่มืดมน ร่างเงาเล็กๆหดเกร็ง ด้วยความหวาดกลัว ดวงตาไร้เดียงสามองทิศทางของ ห้องน้ำอย่างหมดหนทางและตื่นตระหนก ฟันกัดริม ฝีปากไว้แน่น
ในห้องน้ำ แสงไฟสว่างอยู่
มีเสียงคนแว่วมา
“อิกะหรี่ มึงยังไม่พูดอีกใช่มั้ย?” ผู้ชายที่กำยำ ล่ำสันสีหน้าดุร้าย มือข้างหนึ่งกำผมของน้ำหวานไว้ มือ อีกข้างตบที่ใบหน้าเธออย่างโหด และจ้องมองเธออย่าง ดุร้าย “คนที่มาคุยกับมึงเมื่อวานคือใคร ในใจมึงไม่รู้ จริงๆเหรอ?”
“ในแต่ละวันคนที่มาคุยกับฉันมีมากมาย ฉันจะรู้ ได้ยังไงว่าใครคือใคร? คนของที่นี่ล้วนแต่เป็นคนบ้าน นอก ไม่เคยเห็นโลกภายนอก เห็นผู้หญิงหน้าตาสวย อย่างฉัน มาพูดคุยกับฉันหน่อยมันจะมีอะไรน่าแปลก? แกอย่ามากระต่ายตื่นตูมขนาดนี้ได้ไหม?” น้ำหวานหัน หน้าไปอีกด้าน หลบฝ่ามือของผู้ชายที่กำลังจะตบหน้า เธออีก พร้อมตะคอกด้วยความโกรธ “ตอนนี้แกทำกับ ฉันแบบนี้ ทางที่ดีที่สุดอย่าให้ดุสิตรู้นะ ไม่งั้นแกได้เจอดี แน่!”
“มึงนึกว่ากูจะกลัวไอ้หน้าตัวเมียอย่างนายดุสิตเห รอ?” ผู้ชายที่ดุร้ายหัวเราะอย่างสามหาว “กูจะบอกมึงให้นะ มึงอย่าคิดว่าก่อนหน้านั้นนายดุสิตปกป้องมึงได้ ก็ จะสามารถปกป้องมึงได้ตลอดชีวิตนะ! มึงกับนายดุสิต ทำอะไรกันลับๆ คนของตระกูลภักดีวัฒนากุลรู้หมด แล้ว ตอนนี้นายดุสิตถูกควบคุมตัวเอาไว้แล้ว มันเองก็ ยังเอาตัวรอดยากเลย ยังจะมีความสามารถยื่นมือมา ถึงที่นี่ได้งั้นหรอ?”
“นี่แกว่าอะไรนะ?” น้ำหวานตื่นตกใจ และขัดขืน ขึ้นมา “เมื่อกี้แกพูดอะไรนะ ดุสิตเป็นอะไร?”
ดุสิตเป็นอะไร?
ทำไมถึงถูกควบคุมตัวเอาไว้
หรือว่า.
คิดถึงตรงนี้แล้ว ม่านตาของน้ำหวานหด ตัวสั่น อย่างควบคุมไม่ได้
“555 มึงคงไม่ใช่นึกว่าเรื่องหน้าไหว้หลังหลอกที่ มึงกับนายดุสิตทำไม่มีคนพบเห็นมั้ง? กูจะบอกมึงนะ อิกะหรี่ชั้นต่ำ ทุกอิริยาบทของมึงหนีไม่พ้นสายตาของ พี่ใหญ่หรอกเว้ย อย่าว่าแต่แผนการครั้งนี้ของมึงเลย แม้แต่เรื่องที่พวกมึงทำในก่อนหน้านั้นก็ถูกขุดคุ้ยออก มาหมดแล้ว!”
น้ำหวานเบิกตากว้าง มองดูเขาอย่างตะลึงงัน
ผู้ชายหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าไม่อยากให้คนรู้ ถึง ก็อย่าไปทำสิวะ! การค้าขายหลายครั้งของก่อนหน้านั้น ที่ผ่านมือมึงส่วนมากก็พังทลายไปหมด มันเป็นปัญหา ของมึงแท้ๆ แต่มึงยังไม่ยอมรับอีก! ฮี! พี่ใหญ่ขี้เกียจ ถือสามึง แต่กูไม่ใจดีขนาดนั้นหรอกเว้ย”
คำพูดของผู้ชายพูดอย่างชัดเจนมาก น้ำหวานรู้สึก ตัวเองเหมือนเรือลำเล็กๆบนพื้นผิวน้ำ ในคลื่นลมแรงมี อันตรายถึงขั้นเรือสามารถพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ ยิ่งคิด ยิ่งกังวล ยิ่งคิดยิ่งกลัว ความหวังเสี้ยวสุดท้ายของในใจ เธอใกล้จะถูกลบเลือนจนเกลี้ยงหมดแล้ว
ทางรอดสุดท้ายก็อยู่ที่บนตัวของพิงกี้แล้ว
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ตอนที่เธอทำการค้าขายก็จะ แต่งตัวโดดเด่นสะดุดตา ใส่เสื้อผ้าที่ไม่เข้ากันเดินอยู่ บนถนนตรอกซอย ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกที่ สะกดรอยตามเธอ สามารถถ่ายรูปส่งไปให้เควินดู
ขอแค่เควินได้รูปถ่าย พิงกี้ก็จะมีโอกาศเห็น ถ้า เธอเห็น บางทีก็อาจจะเข้าใจความหมายของท่าทางมือ นั้น……แต่ว่า โอกาศแบบนี้มันก็ช่างเล็กเกินไปแล้วมั้ง?
พอคิดถึงตรงนี้ น้ำหวานสีหน้าซีดเซียว
เธอไม่ขัดขืนอีกต่อไป กลับทำให้ผู้ชายดุร้ายได้ใจ
ขึ้นมา
“นังแพศยา มึงเชือฟังแต่แรกก็ดีแล้ว ตอนนี้รีบ บอกกูเร็ว เมื่อวานตอนที่มึงออกจากร้านอาหาร คนที่มา พูดคุยกับมึงได้พูดอะไรไปบ้าง?
น้ำหวานเม้มปากไว้แน่น
ผู้ชายคนนี้เป็นคนช่างสังเกต คนที่มาพูดคุยกับเธอ ในเมื่อวาน เป็นสายของหน่วยสืบลับจริงๆ
แต่ก็เพราะแบบนี้ เธอถึงพูดไม่ได้
“ถ้ามึงไม่พูด ก็อย่าโทษที่กูลงมือกับมึงนะ! พรุ่งนี้ พี่ใหญ่ก็มาแล้ว ถ้าก่อนพี่ใหญ่มาพวกกูยังถามอะไรจาก ปากมึงไม่ได้อีก แล้วกูจะบอกไปกับพี่ใหญ่ว่ายังไง?” ผู้ชายดุร้ายหมดความอดทน และกระชากผมของน้ำ หวานไว้แน่นอีกครั้ง “ขอแค่มึงพูดออกมาให้หมด ถึง เวลากูช่วยมึงพูดความดีต่อหน้าพี่ใหญ่หน่อย พี่ใหญ่ก็ ไม่ถือสามึงหรอก”
“ซี้ดดด.…………….” น้ำหวานเจ็บจนหายใจทางปาก
พี่ใหญ่ ก็คือผู้ชายจมูกเหยี่ยวที่รออยู่ในห้องของ น้ำหวานคนนั้น
ผู้ชายคนนี้บอกว่าพี่ใหญ่ไม่ถือสาเธอ จะเป็นไปได้หรอ ?
เพียงแต่บางทีหมาที่กัดคนไม่เห่า ก็มีแต่ไอ้บ้าคลั่ง เท่านั้นที่ชอบเห่าหอนและไล่กัดคนไปทั่ว
“นี่มึงดื้อด้านมากนักใช่มั้ย?”
“บอกมาเดี๋ยวนี้ ผู้ชายคนนั้นคือใคร!
“สินค้าที่มึงรับช่วงต่อครั้งนี้ มึงเอาไปซ่อนไว้ ที่ไหนก็บอกมาด้วย!
“มึงพูดสิวะ!”
ถามแล้วถามอีก น้ำหวานก็ไม่ยอมเปิดปากพูด ผู้ชายดุร้ายก็หมดความอดทนแล้ว
ตบไปที่หน้าของน้ำหวานอย่างแรงทีหนึ่ง จู่ๆเขา เปิดฝักบัวและเอาน้ำสาดไปที่หน้าของน้ำหวาน
น้ำที่เย็นเฉียบทั้งเร็วทั้งรีบ สาดอยู่ที่บนใบหน้า ของน้ำหวานอย่างแรง และขัดขวางช่องทางการสูด ออกซิเจนใหม่ๆของเธอด้วย เธอขัดขืนอย่างมั่วซั่ว รู้สึก อากาศในปอดค่อยๆลดลง ยิ่งอยู่ยิ่งหายใจลำบากมาก ยิ่งขึ้น
พออุณภูมิของน้าค่อยๆสูงขึ้น น้ำร้อนลวกอยู่บน ผิวของเธอ ยิ่งทำให้เธอทรมาน
“ยืดฮาดๆ ….…….” นําหวานหายใจไม่ทัน ได้แต่ อ้าปาก เหมือนปลาเกยตื้นที่พยายามหายใจ
“มึงจะพูดหรือไม่พูด?” ผู้ชายดุร้ายบีบเค้นเธออีก
ครั้ง
เขายิ้มอย่างร้ายกาจ และล้วงเข้าไปในคอเสื้อของ เธอ กุมหน้าอกนุ่มนวลของเธอไว้ นวดครึ่งอย่างโหด น้ำ สาดจนเสื้อเธอเปียกหมด เสื้อผ้าบางเบาใส่อยู่บนตัวก็ เหมือนไม่ใส่ เขามองดูหน้าอกของเธอ ความอัปลักษณ์ ที่ซ่อนอยู่ในกระดูกดำของผู้ชายก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา
“อย่ามาแตะต้องฉันนะ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
ถูกบีบจนถึงขั้นนี้ ความกลัวที่อยู่ในใจของน้ำหวาน ได้กลายมาเป็นความโกรธและความแค้น
เธอก็กลัว
กลัวตัวเองจะถูกผู้ชายย่ำยี ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอ ยอมตายอยู่ที่นี่ดีกว่า
“ในเมื่อพวกแกก็คิดว่าเป็นความผิดของฉันแล้ว งั้นฉันพูดหรือไม่พูดยังจะมีอะไรแตกต่างกันอีก?” ตอน นี้เธอไม่กลัวยั่วโมโหผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อยแล้ว “แน่จริง ก็ฆ่าฉันสิ ให้คนอื่นได้รู้ว่าแกก็แน่จริงเหมือนกัน!”
ในเมื่อตอนที่เลือกเส้นทางนี้ เธอก็เคยคิดแล้วว่า สักวันอาจจะต้องตาย
ที่จริงเธอก็สามารถเลือกที่จะไปจากดุสิตอยู่ พิงกี้ เคยสร้างโอกาสที่ดีมากให้กับเธอ แต่ว่า…….เธอจะทิ้ง ดุสิตลงได้ยังไง?
ไม่เพียงแต่ดุสิต ยังมีผู้บริสุทธิ์มากมายเหล่านั้น
น้ำหวานหลับตาลง น้ำตาไหลลงมาจากหางตา
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังจำได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยบุก เข้าไปในห้องลับของตระกูลภักดีวัฒนากุลโดยที่ไม่ได้ ตั้งใจ ภาพที่เห็นคือ เด็กผู้ชายที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาถูก กรีดท้องเป็นๆ อวัยวะภายในแต่ละอย่างถูกควักออกมา ใส่ในภาชนะแช่เย็นที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ
เพราะกลัวกระทบกับความสดใหม่ของอวัยวะ พวกเขาถึงขั้นไม่ฉีดยาชาให้เด็กผู้ชาย แต่ชำแหละเด็ก ผู้ชายสดๆเลย
วันนั้น ในห้องลับเต็มไปด้วยเสียงร้องด้วยความ ทรมานของเด็กผู้ชาย
ปีศาจพวกนั้น พวกมันไม่เพียงไม่รู้สึกกลัว กลับมี ความสุขเพราะเหตุนี้ คอยควักเอาอวัยวะของเด็กผู้ชายด้วย และหัวเราะอย่างกำเริบเสืบสานไปด้วย พูดคุยกัน ว่าต่อไปจะมีเงินเข้าบัญชีเท่าไหร่?
ในที่สุดเสียงร้องของเด็กผู้ชายก็ได้เงียบสงบลง
เพราะอวัยวะของเขาถูกควักออกไปเป็นๆ เขาทน พิศบาดแผลไม่ไหวจนทําให้เสียชีวิต
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอก็ฝันร้ายอยู่เป็นประจำ เคยคิดว่าจะไปจากดุสิต ออกห่างจากพวกปีศาจอย่าง ตระกูลภักดีวัฒนากุล แต่สุดท้าย……..วกไปวนมา เธอ กลับเลือกเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ออกห่างจากความชั่วแค่ต้องการโชค แต่ขัดขวาง ความชั่วกลับต้องใช้ความกล้าหาญ
เธอพูดโน้มน้าวดุสิตสำเร็จ ทั้งคู่เริ่มช่วยเหลือ ปล่อยตัวผู้เสียหายอย่างลับๆ มาจนถึงตอนนี้…
คิดไม่ถึง เธอก็ถูกจับได้แล้ว
แถมยังถูกจับได้เร็วขนาดนี้
หลับตาลง น้ำหวานยิ้มอย่างเย็นชา และพูดเสียง แหลม “พวกแกมันล้วนแต่เป็นปีศาจทั้งนั้น ปีศาจชัดๆ! รีบฆ่าฉันสิ ดีที่สุดก็เอาอวัยวะ
ของฉันไปขายด้วยเลย นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกแกถนัด ที่สุดแล้วเหรอ?”
“มึงจะรีบไปไหน? ไม่เพียงแค่มึงหรอก แม้แต่ไอ้ เด็กเวรที่มึงเก็บมาเลี้ยง กูก็จะลากมันไปที่ชำแหละด้วย เหมือนกันเว้ย!”
น้ำหวานอึ้ง
ต้นข้าว?
ไม่ ไม่ได้!
เธอตายก็ตายสิ แต่ต้นข้าวยังเด็กขนาดนี้ เธอไม่ ควรถูกคนพวกนี้ทำร้าย
ก่อนหน้านั้นน้ำหวานนึกว่าตัวเองจะไม่ถูกจับได้ ถึงกล้าเอาต้นข้าวมาเลี้ยง กะว่าถึงเวลาจะส่งต้นข้าวที่ ไร้พ่อแม่ไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ตอนนี้ เธอ คิดไม่ถึงว่าความหวังดีในชั่วขณะของตัวเอง จะกลาย มาเป็นทําร้ายต้นข้าว
เพราะใจร้อน ในใจของน้ำหวานก็มีความต้องการ เอาชีวิตรอดโผล่ขึ้นมา
เธอจะตายไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่งั้นต้นข้าวจะทำยังไง?
“ไม่ได้ แกห้ามทําอะไรเธอนะ!” น้ำหวานลืมตา ขึ้น จ้องมองผู้ชายดุร้ายด้วยความโกรธ “นอกจากดุสิต ฉันยังมีเพื่อสนิทคือภรรยาของเควิน เรื่องนี้แกก็น่าจะรู้ อยู่มั้ง? เธอต้องให้คนมาช่วยฉันแน่นอน ถ้าแกทำอะไร พวกฉัน พวกแกก็ไม่ได้ตายดีแน่!”
“อุ๊ย กูกลัวจังเลยว่ะ! ก่อนที่จะมีคนมาช่วยมึง งั้น ก็ให้กูได้ขึ้นสววค์ก่อนเถอะ?”ผู้ชายดุร้ายเปิดปากพูด อย่างหิ่นกาม
“นี่แกกล้าเหรอ?!
“มึงคอยดูแล้วกันว่ากูกล้าหรือไม่กล้า 555
“พี่ใหญ่ถือกฎเกณฑ์ที่สุดแล้ว ถ้าแกกล้าแตะเนื้อ ต้องตัวฉัน ไม่กลัวพี่ใหญ่จะลงโทษแกรึยังไง? ต้องรู้ ไว้นะ ตอนนี้ฉันยังเป็นผู้หญิงของดุสิตอยู่ ตระกูลภักดี วัฒนากุลก็ไม่มีทางละทิ้งดุสิตแน่นอน! ถ้าเกิดตระกูล ภักดีวัฒนากุลเจอหายนะ ไม่แน่ยังต้องเพิ่งฉันไปเป็นก ลางขอร้องเควินด้วยซ้ำ! ถ้าแกกล้าแตะเนื้อต้องตัวฉัน แก่แน่ใจเหรอว่าแกจะแบกรับความรับผิดนี้ไหว?”
มองดูอันตรายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว น้ำหวานก็ไม่มี เวลามาคำนึงอะไรแล้ว ควรพูดไม่ควรพูด ก็จำเป็นต้อง พูดออกมา
เธอได้แต่หวังว่าผู้ชายคนนี้จะกล่อมง่าย และสามารถขู่ให้เขากลัวได้
แต่เธอกลับไม่รู้ ผู้ชายพอความตื่นขึ้นสมอง สติ อะไรก็ดึงกลับมาไม่ได้
“แบกรับความรับผิดชอบไม่ไหวแล้วจะทำไม กูอัด อั้นมาไม่รู้กี่วันแล้ว ไม่อิ๊บมึงสักหน่อย วันนี้กูก็จะอัดอั้น ตันใจตายอยู่ตรงนี้แล้ว!” ผู้ชายดุร้ายถุยอย่างโหดที หนึ่ง
“มึงเชื่อฟังหน่อย ให้กูอี๊บมึงสักดีๆ ปรนนิบัติกู ให้ดีล่ะ ไม่งั้นถ้าทำเอามึงเจ็บ มึงอย่ามาโทษว่ากูไม่ ทะนุถนอมก็แล้วกัน”
“ผู้หญิงของนายดุสิตนี่หอมและนุ่มจริงๆเลยว่ะ! ผิวก็ขาวจั๊วะเนียนนุ่มด้วยโว๊ย คืนนี้กูได้เสพสุขอย่าง เต็มที่แล้วเว้ย 5555
ดึงเสื้อผ้าของน้ำหวานออก ผู้ชายดุร้ายใช้มือข้าง นึงจับข้อมือเธอไว้แน่น ขาทั้งสองหนีบร่างกายที่ขยับ ไปมั่วของเธอไว้ สนก็ไม่สนฝักบัวที่พ่นน้ำอยู่บนพื้น อย่างลวกๆ ปากที่เหม็นกลิ่นบุหรี่ได้จูบลงไปที่ริมฝีปาก ของน้ำหวาน
“ปล่อยฉัน……แกไสหัวออกไป!”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
น้ำหวานคอยขัดขืนและคอยร้องไห้ แต่เสื้อผ้าบน ตัวถูกฉีกออก ถูกกระชากออกจากบนตัวทีละชิ้นๆ ผ้าที่ สามารถห่อหุ้มร่างกายยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง สุดท้ายเธอถูก ถอดจนเปลือยกาย
เธอขัดขวางการยึดครองของผู้ชายไม่ไหว อยาก จะพูดอะไรต่ออีก แต่สมองขมุกขมัวไปหมดแล้ว
จะต้องเป็นแบบนี้แล้วจริงๆหรอ?
ใครก็ได้ช่วยเธอหน่อย
นาทีนี้ น้ำหวานหัวใจหลอมละลายเหลือเพียงเถ้า
ถ่าน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ