คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่457: ภาพลักษณ์เย็นชาพังทลายแล้ว



บทที่457: ภาพลักษณ์เย็นชาพังทลายแล้ว

พิงกี้เดินออกมาจากห้องน้ำ แว๊บแรกก็เห็นสีหน้า เยือกเย็นของเควิน และจงเจตที่หน้าตาเหมือนขับถ่าย ไม่ออกยืนอยู่ข้างกายเขา

“มีอะไรกันหรอคะ?” พิงกี้เดินมาและพูดด้วยรอย

ยิ้ม

ทันใดนั้น จงเจตแววตาสว่างขึ้นมาทันที เขามอง พิงกี้ด้วยความขอบคุณ นาทีต่อมาความทรงอำนาจที่ ทับอยู่บนตัวเขาพริบตาเดียวก็กลายมาเป็นลมใบไม้ผลิ แปรสายฝน อบอุ่นอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้

“ไม่มีอะไร แค่พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับคุณหมอจงเจต

เฉยๆ”

“ค่ะ” พิงกี้ควงแขนเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่ได้ ทำให้คุณหมอจงเจตกลัวใช่มั้ยคะ? ฉันดูสีหน้าของคุณ หมอจงเจตไม่ดีเลย…..คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกค่ะ เมื่อกี้คุณหมอจงเจตบอกแล้วว่าอาการของฉันไม่หนัก ไม่ใช่โรคซึมเศร้าค่ะ”

“โอเค”

“นี่ก็ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว เราไปหาอะไรทานสัก หน่อยดีกว่าไหมคะ?”

“ผมเลี้ยงครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” จงเจตละทิ้งความสูงส่งของการเป็นแพทย์ และรีบเปิดปากพูด อยากทำความดีชดเชยความผิดมาก “คุณพิงกี้อยาก ทานอะไรครับ ผมจะไปจัดเตรียมตอนนี้เลย”

“ไม่ต้อง แทนที่หมอจงเจตมาเลี้ยงภรรยาคนอื่น ทานข้าว สู้ไปหาเนื้อคู่ที่เหมาะสมให้ตัวเองดีกว่า ไม่งั้น ถึงคุณอยากจัดงานแต่งก็หาคนคัดเลือกที่เหมาะสมไม่ ได้นะ”

จงเจต

แหม

คนเมืองหลวงไม่ใช่ต่างก็บอกว่าเควินเป็นคนที่ เยือกเย็นเงียบขรึมเข้าใกล้ยาก เขาก็เหมือนเครื่องจักร กลที่เลือดเหล็กไม่มีความรู้สึกหรอ? นี่เขาเพิ่งจะรู้นะ เนี่ย ท่านประธานใหญ่ท่านนี้มีอารมณ์ฉุนเฉียวขนาดนี้ ด้วย!

แต่ว่า………….

ถ้าไม่มาใส่อารมณ์นี้ที่บนตัวเขาก็ดีแล้ว

หวังว่าคุณเควินจะเห็นแก่ที่เขายังมีประโยชน์ใช้ งานอยู่ อย่าจัดการเขาเลย
เควินย่อมไม่คิดจะจัดการจงเจตอยู่แล้ว

ไม่พูดว่าเขาเป็นคนใจแคบหรือเปล่า แค่พูดถึงจ เจตไม่ได้มีเจตนาร้ายสักหน่อย แค่ล้อเล่นเฉยๆ เขาก็ ไม่รู้สึกเรื่องนี้คุ้มค่าแก่การทำให้ใหญ่โตอะไร

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าจะต้อง

ทําด้วย

“คุณอยากทานอะไรเอ่ย?” เควินยื่นมือมาสัมผัส แก้มของพิงกี้ แววตารักใคร่

อาจจะเพราะช่วงนี้เธอเย็นชามากทำให้เขาไม่ คุ้นชิน ตอนนี้เขากลายเป็นว่ายิ่งอยู่ยิ่งชอบสัมผัสเธอ ราวกับว่าแบบนี้ถึงจะรู้สึกถึงการมีตัวตนของเธอ

ก็ไม่รู้ว่าแบบนี้ถือเป็นโรคชนิดหนึ่งหรือเปล่า บางที เขาก็อาจจะป่วยแล้วเหมือนกันแล้วก็ได้ ป่วยเป็นโรค หิวโหยเนื้อหนังมังสา

เขาเฝ้ารอตอนกลางคืนที่จะมาถึงนี้มาก

พิงกี้เอียงศีรษะเล็กน้อย เอียงหัวมองดูผู้ชายที่อยู่

ตรงหน้า

แต่เดิมเธออายุก็ยังน้อยอยู่แล้ว ยิ่งทำท่าทางนี้ ออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่าได้ชำระล้างเอาความเยือกเย็นบนตัวทิ้งไปหมด บนตัวเหลือแต่รสชาติ ของความน่ารัก แววตาที่มองเควินก็มีความสดใสเพิ่ม มากยิ่งขึ้น

เหมือน………

เธอในอดีต

ในใจของเควินค่อนข้างที่จะตื่นเต้น แต่สายตา กลับจ้องเธอเป็นเป็นพักๆ รอเธอมาตัดสินใจ จงเจตบอก แล้วว่าให้พิงกี้เสนอความต้องการของตัวเองออกมา นี่ก็ คือความคืบหน้าอย่างหนึ่ง

แสดงว่าเธอรับรู้กับโลกภายนอก ไม่ขับไล่และไม่ ปิดกั้นตัวเองอีก

“หรือว่า เราไปทานสุกี้กันดีไหมคะ?”

เผชิญกับสายตาที่สอบถามของเควิน พิงกี้ลังเล

เล็กน้อย

เธอไม่ได้คิดคำถามที่ว่าอยากจะทานอะไรมา ตั้งนานแล้ว ที่ผ่านมานานขนาดนี้ สถานการณ์ความ วุ่นวายของโลกภายนอกล้วนถูกเธอขจัดออกไปจาก โลกส่วนตัวของเธอ โดยปกติมีอะไรทานก็ทานอันนั้น อยู่ในสภาพที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่รู้จักหิวโหย
นาทีนี้เควินให้เธอจัดสินใจ เธอก็นึกถึงสุกี้เลย

หม้อสุกี้ใบใหญ่ที่น้ำแกงเดือดพลุ่งพล่านมีกลิ่น หอมของหม่าล่าโชยออกมา ผักและเนื้อสัตว์ต่างๆแค่ จุ่มลงไปไม่กี่วินาทีก็สามารถเอาเข้าปาก ถ้ามีน้ำจิ้ม สูตรเด็ดอีกถ้วยที่ถูกปากล่ะก็ รสชาติก็ยิ่งน่าประทาน เข้าไปใหญ่

อาจจะเพราะสภาพจิตใจเปลี่ยนแปลงไป เธอใน นาทีนี้แค่นึกถึงสุกี้ดวงตาก็สว่างขึ้นมาเลย

อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย

“โอเคครับ” เควินในตอนนี้ ไม่ว่าพิงกี้ที่อยู่ตรง หน้าจะพูดอะไร เขาก็จะตอบตกลงโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน ลย ยิ่งอย่าพูดว่าให้เขามองหน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้ของเธอ เลย เขามีแต่จะรู้สึกอารมณ์ดี

รอบๆคลีนิกของจงเจตเป็นย่านธุรกิจ ไม่ว่าจะทาน อะไรก็มีหมดทุกอย่าง

ทั้งคู่เดินหาร้านสุกี้ที่ชื่อเสียงไม่เลวอยู่ในห้าง ใน ระหว่างที่เดินเข้าไปเป็นช่วงเวลาทานข้าวพอดี คนที่ อยู่ในร้านพลุกพล่านไปมา ถึงเป็นแอร์เย็นเฉียบก็ไม่ สามารถปรับลดอุณภูมิของในร้านได้
เดินเข้ามาในร้านปุ๊บ พิงกี้ก็รู้สึกร่างกายมีเหงื่อซึม ออกมา

เควินสังเกตเธออยู่ตลอดเวลา ขมวดคิ้วถามว่า “ที่ นี่เบียดเสียดกันเกินไป ผมว่าเราไปทานร้านอื่นดีกว่า ไหม?”

เขากลัวเธอจะรู้สึกอึดอัด

“ไม่เอาอ่ะ เราทานอันนี้เถอะ” พิงกี้ส่ายหัว

เธอเริ่มถามหาที่นั่งกับพนักงานอย่างอารมณ์ คึกคัก แต่เสียดายเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนมาทาน ข้าวเยอะมาก จึงต้องรออีกสามโต๊ะ สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้แต่ รับบัตรคิวมา และนั่งรอเรียกคิวที่นอกร้าน

ดึงมือของเควินและเพิ่งนั่งลงมา มองดูหน้าตาที่ หล่อเหลาของเขา และสีหน้าที่นั่งแบบเคร่งขรึมไม่คุ้น ชิน พิงกี้ก็อดขำกร๊ากกออกมาไม่ได้

น้อยมากที่ทั้งคู่จะออกมาทานข้าวนอกบ้าน ถึงแม้ ทานข้าวก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน

เมื่อก่อนเควินจะทานแต่ร้านอาหารที่ไฮคลาส ไม่ ว่าไปถึงร้านไหนก็ได้รับการบริการที่ดีที่สุด

อยู่ในเมืองหลวง ไม่ว่าใครก็จะให้หน้าเควิน ถึงแม้จะไม่มีที่ว่าง ก็ต้องคิดหาวิธีเจียดที่นั่งออกมาให้เขาให้ ได้ ขอแค่เขาไปไหนก็คือจะทำให้ลูกค้าของที่นั่นเพิ่ม ขึ้นไม่น้อยเลย

แต่ตอนนี้ ทั้งคู่ก็เหมือนกับคนอื่นๆ ต้องต่อแถว เหมือนกัน ต้องนั่งรอเหมือนกัน

บางที มีเงินมีอำนาจก็ใช่ว่าจะใช้ได้ทุกที่

คุณสามารถเป็นราชาในแวดวงของคุณ แต่อยู่ ในแวดวงของคนธรรมดา ใครก็ไม่ให้หน้าคุณเสมอไป หรอก คนที่มีกิริยาท่าทางที่ดีงามมีแต่จะเห็นว่าตัวเอง เป็นคนธรรมดาที่รักอาหารอร่อย เพลิดเพลินกับอาหาร อร่อยที่ธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดา

นี่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง

เพียงแต่ พิงกี้ค่อนข้างที่จะเป็นหว่ง กลัวว่าเควิน จะไม่คุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้ เธอรู้สึกเกรงใจเล็ก น้อย “น้อยมากที่คุณจะได้มาทานข้าวในที่แบบนี้ อืม…..คุณรู้สึกไม่ชินหรือเปล่าคะ?”

เมื่อก่อนเธอก็ทานอาหารในที่แบบนี้อยู่เป็นประจำ อย่าว่าแต่ร้านสุกี้เลย แม้แต่ปิ้งย่างที่ร้านข้างทางเธอก็ ทานเป็นประจํา

แต่เควินล่ะ?
เมื่อครู่พิงกี้ไม่ได้นึกถึง แต่ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่นอก ร้านสุกี้ มีคนจ้องมองมาที่เควินอยู่บ่อยครั้ง เหมือน แปลกใจว่าทำไมคนแบบนี้ถึงมาโผล่อยู่ในร้านแบบนี้ ได้ เธอถึงพบว่าเควินที่สวมใส่ชุดสูทและทรงพลานุภาพ ช่างไม่เข้ากับร้านสุกี้แบบนี้เลย

เควินคุ้นชินแล้ว พอได้ยินคำพูดของเธอแล้วยิ้ม พร้อมส่ายหัว “นี่มีอะไรที่ไม่คุ้นชินด้วย?”

เมื่อครู่รู้สึกไม่ค่อยชินจริงๆ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว

ทานข้าวที่ไหนมันก็ทานข้าวเหมือนกันแหละ เมื่อ ก่อนตอนที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ข้างนอกทานข้าวแบบ ตากลมตากแดดก็ทานมาแล้ว ใบไม้ต้นหญ้าก็เคยกิน มาแล้ว ตอนนี้ได้นั่งทานข้าวอยู่ที่นี่ดีๆ ข้างกายยังมีสาว น้อยที่ชอบอยู่ด้วย ทำไมจะไม่ชิน?

“จริงอ่ะ?”

“จริง ขอแค่คุณมีความสุขก็พอ” เควินใช้นิ้วดีดที่ หน้าผากของพิงกี้ทีหนึ่ง

คำพูดนี้เขาพูดออกมาจากใจจริง

พิงกี้กุมศีรษะไว้ และเผยรอยยิ้มออกมา การโต้ตอบไปมาของทั้งคู่หวานแหววมาก บวกกับทั้งคู่ก็ชายหล่อหญิงงาม คนที่เดินผ่านไปมาอดไม่ได้ที่ จะอิจฉา และแอบถ่ายรูปและโพสต์ลงโซเชียลอย่าง ห้ามใจไม่ได้

หลังจากลงรูปในโซเชียล ก็มีเสียงเห่าหอนว่า อิจฉามามากมายจริงๆซะด้วย

ทั้งคู่ทานสุกี้เสร็จก็ประมาณบ่ายสามแล้ว

ออกมาจากร้านสุกี้ ใบหน้าขาวใสของพิงกี้อบจน แดงอมชมพูขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเธอเข้าใจผิดคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึก ความเศร้าหมองของในใจ ราวกับว่าถูกเสียงดังคึกคึก ของรอบๆตัวเอาไปด้วยไม่น้อย ได้เหงื่อออกไปรอบ หนึ่ง รู้สึกเหมือนอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย

“เควิน เราไปดูหนังสักเรื่องดีไหมคะ?” จู่ๆพิงกี้ได้ ดึงมือของเควินไว้และเสนอขึ้นมา

ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ น้อยมากที่จะได้มี โอกาศดูหนังด้วยกัน ยังไงวันนี้เควินก็ไม่เข้าไปที่บริษัท แล้ว เธอดีใจจนมีความคิดนี้โผล่ขึ้นมา

เควินพยักหน้า “โอเค”

ถึงแม้เขาอยากกลับบ้านเร็วๆ และกอดสาวสวยไว้ในอ้อมอก แต่พอเห็นใครบางคนอารมณ์คึกคักขนาดนี้ แล้วเขาจะทำให้เสียอารมณ์ได้ยังไงล่ะ? ตอนนี้เขาแค่ อยากเติมเต็มความต้องการของเธอทุกอย่าง ถึงแม้จะ เง่าไร้เหตุผล เขาก็มีแต่จะรู้สึกว่าน่ารัก

เพียงแต่ ตอนที่พิงกี้ไปซื้อตั๋ว เขาก็ได้โทรออกไป สายหนึ่ง

เรื่องบางเรื่อง ก็สามารถเตรียมการไว้ล่วงหน้า

แล้ว…….

วันทำงาน คนที่มาดูหนังมีจำนวนไม่มาก

พิงกี้กับเควินเดินเข้าไปในโรงหนัง พบว่ายังมีที่นั่ง ว่างเกินกว่าครึ่งเลย

หนังที่ทั้งคู่เลือกคือหนังรักโรแมนติก ที่นั่งก็เป็นที่ นั่งคู่รักแบบV.I.P ที่โซฟากว้างและปรับเอนลงไปนอน ได้ เงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวมาก บวกกับคน น้อย บรรยากาศแบบนี้เหมาะให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาก

โซฟาของที่นั่งV.I.P นิ่มมาก พิงกี้ไม่ได้ระวังตัว นั่ง ลงไปบนโซฟาใหญ่ รู้สึกว่าคนทั้งคนได้จมดิ่งลงไป เธอ นึกว่าโซฟาเสีย ภายใต้ความกังวลใจ อดไม่ได้ที่จะส่ง เสียงร้องตกใจออกมา
“คุณเป็นอะไร?”

เควินรีบยื่นมือดึงพิงกี้ที่จมดิ่งไปในโซฟามาไว้ใน อ้อมกอด มองเธอด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

(( ” พิงกี้ใบหน้าแดงก่ำ “ไม่เป็นไร ค่ะ……โซฟานิ่มเกินไป ฉันนึกว่าฉันจะตกลงไปเสีย อีก…….…….”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

เขายังนึกว่าเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตกใจจนนึกว่า ศัตรูหัวใจโผล่มาเสียอีก

“เหอะ…..” เควินรู้สึกว่าตัวเองก็ทำเรื่องเล็กให้ เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน ไม่สงบนิ่งเลย เขาควบคุมไม่ ได้ที่หัวเราะเสียงเบา “อืม ไม่ต้องห่วง ผมจะดึงคุณไว้ เอง”

“แล้วคุณหัวเราะอะไรคะ? ห้ามหัวเราะ!” พิงกี้ไม่ พอใจแล้ว

เธอรู้สึกก่อนหน้านั้นตัวเองยังถือว่าเป็นเจ้าหญิง เย็นชาอยู่ ตอนนี้คาดว่าเหลือแต่ภาพลักษณ์คนเป็น โรคประสาทแล้ว ไม่เงียบสงบเลย ขายหน้ามาก……. มันแตกต่างกันมากเกินไปแล้วมั้ง?
หรือว่า มีแต่ตอนที่เธอมีปัญหาทางจิต เธอถึงจะ รักษาภาพลักษณ์ที่เป็นเจ้าหญิงเย็นชาได้?

“โอเค ผมไม่หัวเราะก็ได้” เควินเคร่งขรึมขึ้นมา

พิงกี้ “,,,,,,,,

“อ้อ ใช่ คะแนนของหนังเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง? ก่อนคุณซื้อตั๋วได้ดูมั้ย? “เควินกระแอมทีหนึ่ง “นานๆที จะได้มาดูหนัง รู้สึกก็ไม่เลวเลยนะ”

พิงกี้ “

ถึงแม้เควินจะสีหน้าจริงจัง ไม่หัวเราะเธอแล้ว แต่ เธอก็รู้สึกยิ่งอยู่ยิ่งยั่งเหยิงแล้ว

ผู้ชายคนนี้นี่ ไม่มีคารมคมคายเลยจริงๆ

ถึงจะเปลี่ยนประเด็น นี่ก็แข็งกระด้างเกินไปหรือเปล่า?

ในขณะนี้เอง เสียงฉายภาพยนต์ได้ดังขึ้น แสงไฟ ที่เดิมทีมืดสลัวอยู่แล้วก็ได้ดับลงหมด ทั้งโรงหนังได้ เข้าไปอยู่ในความมืดและเงียบสงบ มีแค่หน้าจอที่ได้ เผยแสงสว่างออกมา
“เอาล่ะ หนังเริ่มฉายแล้ว ดูหนังกันเถอะ” เควินยิ้ม มุมปากในความมืดมน และกอดสาวน้อยที่โมโหจนขน ชี้ตั้งมาไว้ในอ้อมกอด “ผมเชื่อฟังคุณทุกอย่าง โอเค มั้ย?”

พิงกี้ “…”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ