บทที่452: ในที่สุดก็สามารถเจ็บจนร้องไห้แล้ว
ซื้อสุสานให้ใคร ไม่ต้องพูดอย่างชัดเจนก็สามารถรู้แล้ว
พิงกี้อึ้งไปครู่หนึ่ง “แล้ว……ยังอยู่หรือคะ?”
“ยังอยู่” เตชิตพยักหน้า “ผมส่งไปเผาที่ ฌาปนสถานแล้ว ตอนนี้กล่องอัฐิเอาไว้ที่บ้านผมเอง”
“ขอบคุณที่คุณมีใจค่ะ งั้นก็ลำบากคุณแล้วนะ”
ในใจของพิงกี้สับสน
สิ่งที่เธอไม่กล้าเผชิญหน้า นึกไม่ถึงว่าเตชิตยัง จดจำไว้อยู่ แต่ว่า…….เธอไปที่สุสานของเด็กคนนั้นได้ และมอบดอกไม้ให้เขาได้จริงๆหรือ?
เธอถึงขั้นไม่กล้าถาม ลูกที่แท้งไปคือเด็กผู้ชาย
หรือเด็กผู้หญิงกันแน่
อยู่ในใจเธอ เด็กคนนั้นแค่มีใบหน้าที่พร่ามัว แต่ เธอไม่อยากยอมรับความจริงกับเรื่องที่แท้งลูกไป ยิ่งไม่ กล้าให้ใบหน้านั้นชัดเจนขึ้นมา เธอกลัวถ้าเห็นแล้วจะ ยิ่งเสียใจ
“เด็กเป็น เด็กเป็น……” พิงกี้อยากถามมาก แต่ก็
ไม่กล้าถามออกมา
มือที่วางอยู่บนหัวเข่าของเธอกุมไว้แน่นจนเจ็บ มาก เธอหยิบหมอนมากอดเอาไว้ในอ้อมอก ถึงรู้สึกว่ามี ความปลอดภัยขึ้น
“เป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ไม่ได้รับ ความทรมานอะไร ค่อนข้างที่จะสมบูรณ์แบบอยู่” เต ชิตเหมือนรู้ว่าพิงกี้กำลังกลัวอะไรอยู่ คาดหวังอะไรอยู่ เขาพูดคำนี้ออกมาอย่างระมัดระวัง
พิงกี้เงียบสงบไปนานมาก
ตอนที่เตชิตบอกว่าขอตัวกลับ เธอส่งเขาออกมา ในที่สุดก็เปิดปากพูด “ขอบคุณมากค่ะ”
“หืม?”
“สุสานซื้อไว้ที่ไหนคะ?”
“ขับรถจากที่นี่ก็ประมาณครึ่งชั่วโมงถึง ชื่อ สุสานT เป็นสุสานที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ ผ่านคนวงใน ถึงซื้อที่ๆดีที่สุดมาได้” เตชิตยิ้มมุมปาก “ที่นั่นเป็นที่ๆ ทิวทัศน์สวยงาม สงบมาก เด็กน่าจะชอบ
“ค่ะ”
“ผมไปก่อนนะ”
“ได้ค่ะ”
เตชิตเดินไปได้สองก้าว ก็ได้ยินพิงกี้ถามขึ้นมาอีก “ไปวันไหนดีคะ?”
“ผมกลับไปให้ซินแสดูฤกษ์งามยามดีก่อน ได้วัน เวลาที่แน่ชัดแล้วค่อยแจ้งคุณอีกที” เตชิตตอบ
“ได้ค่ะ”
ด้านหลังไม่ได้ส่งเสียงมาอีก เตชิตเพิ่งเดินไปถึง หน้าประตูบ้านของวิลล่าNo.1 ยังไม่ได้ก้าวเท้าออก จากประตูเหล็กสีดำ จู่ๆเบ้าตารู้สึกร้อน น้ำตาที่ร้อนระอุ เปียกชุ่มอยู่บนแก้ม
เขาด่า“เย็ดแม่ง”ไปทีและเงยหน้าขึ้นฟ้า พยายาม กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
พิงกี้มองดูเตชิตเดินจากไป เห็นเขาเงยหน้าขึ้นฟ้า แล้สใช้มือบังตาเอาไว้ ดูท่ากำลังร้องไห้แน่เลย
ตอนที่นั่งคุยกันเธอก็เห็นเขาตาแดงก่ำหลายครั้ง แล้ว ในใจยังคิดอยู่คนที่ทะลึ่งอย่างเขาอาจจะสามารถ ทนจนออกไปจากบ้านได้ แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ออกจาก ประตูใหญ่ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว
ขาดอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น………
แต่ว่ามองดูเตชิตไอ้โง่คนนี้ จู่ๆไม่รู้เพราะอะไร ใน ใจของพิงกี้เหมือนได้วางภาระลงไปเยอะมากแล้ว
ช่วงนี้เธอทําให้คนเป็นห่วงมากเลยใช่มั้ย?
เควินทำกับเธอราวกับว่าเธอคือตุ๊กตาคริสตัลที่เลอ ค่า แววตาพยายามทำให้อ่อนโยนและอบอุ่น ราวกับว่า มองเธอนานหน่อยก็กลัวว่าจะดูจนเธอเสีย ทุกครั้งที่ กอดเธอก็ปรับเปลี่ยนท่าทางต่างๆอย่างไม่รู้ตัว กลัวก็ แต่จะกอดจนเธอรู้สึกไม่สบาย……..
แม้แต่น้องแอ๊ปเปิ้ล สายตาที่มองเธอก็ยังแฝงด้วย การสํารวจที่อินโนเซ้นท์ ดวงตากลมโตจ้องมองเธอ แต่ ไม่กล้ากระโจนมาที่บนตัวเธอเรื่อยเปื่อยแล้ว
ส่วนเตชิต ถึงแม้เขาทำได้อย่างชิวๆมาก แต่ทุก เซลล์บนตัวเขาเขียนคำว่า “ระมัดระวัง”และ“ผิดอย่าง มหันต์”ไว้เต็มเลย กลัวว่าเธอจะรู้สึกไม่สบาย
รู้สึกเหมือน เธอไม่ควรจะให้คนเป็นห่วงมากเกินไป
เธอเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆหรือ?
ถึงแม้จะเป็นจริงๆ…………
ก็คงจะดีขึ้นได้อยู่มั้ง?
พอตกดึก เตชิตก็โทรมาแล้ว เขาโทรมาแจ้งวันที่ ส่งอัฐิไปที่สุสาน ฤกษ์งามยามดีก็คือมะรืนนี้
สามวันต่อมาพิงกี้กับเควินนัดรวมตัวกับเตชิตที่ หน้าบ้าน แล้วไปที่สุสานพร้อมกัน
เดินเข้ามาในสุสาน พิงกี้คุ้นกับกระบวนการ ทั้งหมดแล้ว
เพราะก่อนหน้านั้นก็เพิ่งจะผ่านงานศพของมาลาตี กับลิสาไป ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว
ทันใดนั้นพิงกี้รู้สึกว่า ครึ่งปีมานี้ตัวเองมีวาสนากับ สุสานเหลือเกิน
ตอนแรก เธอยังสงบนิ่งมาก
แต่พอตอนที่กล่องอัฐิสีดำเล็กๆถูกวางลงในหลุม เล็กๆนั่น ตอนที่ป้ายสุสานไม่มีชื่อถูกวางตั้งขึ้นมา จู่ๆพิง กี้ก็มีความรู้สึกอยากร้องไห้
เธอเดินไป นิ้วมือที่เรียวยาวลูบจับป้ายสุสานที่ เกลี้ยงเกลา ป้ายสุสานแผ่นใหญ่ไม่มีแม้แต่ตัวอักษรตัวเดียว ไม่มีใครรู้ว่าในสุสานนี้ฝังชีวิตน้อยๆที่ยังไม่ได้ ลืมตามาดูโลกไว้
พริบตาเดียวความเศร้าสลดใจที่สุดที่มาแบบ กระทันหัน ได้โจมตีหัวใจของพิงกี้
ก่อนหน้านั้นไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ แต่ก็เพราะเจ็บแบบอัด อั้น แผลในใจถูกปิดอยู่ภายใต้ผ้าก๊อซ อักเสบและเป็น หนอง ยังไงก็ไม่หาย ตอนนี้ภาพนี้ ก็เหมือนผ้าก๊อซถูก ดึงออกมากระทันหัน และใช้มีดกรีดเอาเนื้อที่เสียออก ไป
เจ็บ เจ็บมาก
ในที่สุดก็สามารถเจ็บจนร้องไห้ออกมาได้แล้ว
ก็ดีเหมือนกัน
พิงกี้คุกเข้าลงที่หน้าสุสาน กอดป้ายสุสานที่ไม่มี อะไรเลยแล้วร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมา
เควินกับเตชิตยืนอยู่ข้างหลังเธอ นาทีนี้ทั้งสองต่าง ก็ไม่ได้เลือกที่จะไปปลอบโยนเธอ ไปรบกวนเธอ พวก เขาต่างก็รู้ สามารถร้องไห้ออกมาก็ดีแล้ว น้ำตาจะได้ ไม่ท่วมอยู่ในใจจนกลายเป็นบ่อน้ำลึก
ไกรสรมีอำนาจและตำแหน่งสูงมานาน เรื่อง มากมายย่อมรู้ดีแก่ใจ เขาให้ความร่วมมือกับการ สอบสวนมาก แต่กลับปิดข้อมูลไว้ได้สนิท อะไรที่พูดได้ ก็พูดหมดแล้ว อะไรที่พูดไม่ได้ตีให้ตายก็ไม่พูด
สถานการณ์แบบนี้ต่อเนื่องมาจนถึงเตชิตไปเยี่ยม
สองพ่อลูกพูดคุยอยู่ในห้องเยี่ยมญาติไปสิบกว่า นาที พิงกี้กับเควินรอเตชิตอยู่ที่นอกห้อง
ตอนที่เตชิตเปิดประตูออกมา พิงกี้มองไปที่ตรง หน้า เห็นไกรสรที่แววตาราวกับว่าได้ตายไปแล้วและ พิงอยู่บนเก้าอี้เหมือนดินโคลนผ่านช่องโหว่ของประตู โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
เตชิตคุยอะไรกับเขากันแน่?
ในสมองเพิ่งจะมีความคิดนี้ขึ้นมา เตชิตก็หยิบบุหรี่ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อมวนหนึ่ง และจุดบุหรี่ เขาพูด ด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่แอบสั่นเล็กน้อย “ ผมบอกกับ เขาว่า เขาเคยเป็นที่ภาคภูมิใจและเชิดชูของผม
เคยเป็น แสดงว่าตอนนี้ไม่เป็นแล้ว
ไม่เพียงแต่ไม่เชิดชู แต่ยังรู้สึกอาบอายขายหน้า
“แล้วแม่ผมก็ฝากบอกเขาคำหนึ่งด้วยว่า แม่บอก ถ้ารู้ว่าเขาต้องทุ่มเทค่าตอบแทนแบบนี้ กลายเป็นคนที่ แม้แต่แม่ก็ไม่รู้จักแบบนี้ ตอนที่ท่านป่วยท่านยอมตาย ก็ไม่ยอมใช้ไตที่ได้มาด้วยวิธีที่สกปรกแบบนั้น” เตชิต พูดอีก
เขาพูดออกมาอย่างยากลำบากมาก แต่มุมปากยัง ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น ทำให้คนทนดูไม่ได้
พิงกี้ลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือตบที่ไหล่ของ เขา “อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะค่ะ”
“ผมไม่อยากร้อง”
พิงกี้เม้มปาก และเชื้อเชิญด้วยความหวังดี “หมอ จิตแพทย์ที่เควินแนะนำให้ฉันโอเคมาก หรือว่าคุณไป พบพร้อมฉันไหม? อืม…..ถือซะว่าไปเป็นเพื่อนฉันก็ แล้วกัน……”
แววตาเธอใสสะอาด
เตชิตมองเธอไปหลายวินาที ในขณะที่เควินกำลัง จะโกรธกริ้วเพราะเหตุนี้และขวางอยู่ตรงหน้าเขา จู่ๆ เขากลับยิ้มขึ้นมาอย่างจริงใจ “ได้”
พิงกี้นัดเจอกับจงเจต ไม่ใช่ในฐานะภรรยาของ เพื่อนอีกต่อไป แต่เป็นฐานะของผู้ป่วย
จงเจตที่ไม่ต้องเล่นละครเป็นเพื่อนซี้ของเควิน ทำ ตัวสบายๆกว่าก่อนหน้านั้นเยอะเลย ถึงแม้จะใส่ชุดกรา วน์ แต่บนใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มที่อบอุ่นอีกเช่นเคย
“สวัสดีครับ คุณพิงกี้ เจอกันอีกแล้วนะครับ” จง เจต ยื่นมือออกมาทักทาย
พิงกี้ยิ้มและกุมมือทักทายกับเขาด้วยมารยาท
หลังจากนั่งลง เธอก็หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า และมองดูหน้าจอ ไม่มีข้อความของเตชิต………เขา บอกจะมาพบจิตแพทย์เป็นเพื่อนเธอ แต่วันนี้เขากลับ ผิดนัดซะงั้น
ก็ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร เตชิตไอ้หมอนั่นคงไม่ใช่ ขี้ขลาดตาขาวไม่กล้ามาแล้วมั้ง?
พิงกี้เพิ่งนั่งลงไม่กี่วินาที จู่ๆด้านหลังก็มีเสียงเคาะ
ประตูดังขึ้น
เควินเดินเข้ามาจากประตู เปิดปากพูดกับเธอด้วย สีหน้าซีเรียส “พิงกี้..…………….…
“หืม? ทำไมคะ? มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ในใจของพิงกี้ตื่นเต้นขึ้นมากระทันหัน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ