คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่445: คุกเข่าลงกระทันหัน



บทที่445: คุกเข่าลงกระทันหัน

ใครก็พูดโน้มน้าวใครไม่สำเร็จ ถึงจะเป็นพ่อลูก กันก็เถอะ ถึงความสัมพันธ์ของเมื่อก่อนจะดีแค่ไหน ถึงพ่อจะรักและเมตตาแค่ไหน ถึงลูกจะกตัญญูแค่ ไหน คุยกันแตกคอก็ไม่ช้ากว่าคนแปลกหน้าสักเท่า ไหร่หรอก

ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองต่างก็เป็นคนหัวแข็งด้วย ตามเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศนี้ยิ่งอยู่ ยิ่งแข็งทื่อขึ้น

เตชิตมองไกรสรด้วยแววตาดื้อรั้นและเย็นชา แต่ว่าใจกลับกลายมาเป็นเยือกเย็นอย่างห้ามไม่อยู่

ทรมาน เจ็บปวด และหมดหวัง

เขาเคยมีบ้านที่อบอุ่น แต่ตอนนี้คิดๆแล้วรู้สึก

น่าขำ

นึกถึงคุณหญิงเพียงดาวที่ถูกปิดบังเอาไว้ หัวใจของเตชิตยิ่งสิ้นหวังและหนาวเย็น

ไม่ว่ายังไง บ้านที่อบอุ่นนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่า จะต้องแตกสาแหรกขาด

ความผิดที่ไกรสรทำลงไปเพียงพอให้ถูกสั่งลงโทษประหารชีวิตห้าครั้ง ไม่มีทางหวนกลับเลย ด้วยซ้ำ

สถานการณ์ไม่เป็นที่แน่ใจ จะเสียเวลามากไม่ ได้ ไม่นานไกสรที่หน้าเขียวหน้าดำก็ทําลายความ เงียบก่อน

“เตชิต ลูกไม่อยากให้ครอบครัวเรากลับมีมี ความสุข อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนเมื่อก่อน เหรอ?” เขาใช้ความสัมพันธ์มาพูดให้คนซึ้ง “ขอ แค่ลูกอยากกลับไปเหมือนเมื่อก่อน งั้นลูกก็ช่วยพ่อ ลูกก็คงไม่อยากเห็นแม่ของลูกเสียใจใช่มั้ย? พ่อมี ความผิด แต่แม่ของลูกเป็นผู้บริสุทธิ์นะ เราต่างก็ไม่ อยากให้เธอเสียใจทั้งนั้น”

ไกรสรอารมณ์อ่อนนุ่มลงมา เสียงก็อ่อนโยน ขึ้นเยอะ ราวกับว่าได้กลายมาเป็นพ่อที่มีวิชาความรู้ ลุ่มลึกและบุคลิกลักษณะก็สง่าใจกว้างคนนั้นอีก

มีอยู่พริบตาหนึ่งที่เตชิตถูกทำให้ลุ่มหลง ทำให้ เกิดความปรารถนา

ทำไมเขาจะไม่อยากกลับไปเหมือนเมื่อก่อนล่ะ?
แต่ว่าเวลาย้อนกลับไปไม่ได้ คนตายก็ไม่สามา รถหื้นคืนชีพได้ ความผิดบางอย่างที่ทำลงไปก็ไม่ สามารถชดใช้ได้

อย่างน้อย บาปที่ไกรสรสร้างขึ้นมาก็ไม่

สามารถชดใช้คืนได้

“ขอโทษครับ ผมทำไม่ได้…” เตชิตก้มหน้า เสียงสั่นเพราะจิตใจตึงเครียดมาก

“ขอแค่ลูกช่วยพ่อหลุดพ้นจากความผิด ครอบครัวเราก็จะสามารถกลับไปเหมือนเมื่อก่อน ทำไมลูกจะทำไม่ได้? !” ไกรสรลุกขึ้นมาอย่างโมโห แววตาแฝงด้วยการตำหนิ “เตชิต แกจะต้องให้พ่อ คุกเข่าให้แกใช่มั้ย แกถึงจะยอมช่วยพ่อ? ฉันเป็น พ่อของแกนะ ฉันก็อายุมากแล้ว! ฉันควรจะเสพสุข กับชีวิตบั้นปลายชีวิต ไม่ใช่ติดคุกติดตารางและไป ตาย!”

“ความสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่มีทางลบล้าง ได้ แต่การตัดสินใจของผมก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง หรอกครับ”

เตชิตหัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกลั้นน้ำตาที่จะ ไหลลงมาให้กลับเข้าไปใหม่
เขาไม่อยากให้ตัวเองเหมือนผู้หญิง

เงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนัง ใกล้ ได้เวลาแล้ว เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบ “พ่อมอบตัว เถอะครับ ถ้าพ่อยังแคร์ครอบครัวนี้จริงๆ ขอร้องพ่อ อย่าผิดซ้ำซากอีกเลย!”

พอพูดจบ เตชิตก็เดินก้าวยาวที่ทิศทางของ ประตู เหมือนไม่แคร์เลยสักนิดว่าไกรสรที่อยู่ด้าน หลังจะมีปฎิกิริยาอย่างไร ยิ่งไม่แคร์คนที่ถือปืนอยู่ จะลั่นไกหรือเปล่า

ในใจของเขาเหมือนแม่น้ำพลิกทะเลคว่ำ

แต่ว่า ความอดทนของผู้ชายกลับทำให้เขา ซ่อนทุกอย่างไว้ในใจอย่างระงับอารมณ์และคำพูด เสแสร้งว่าสงบมาก

เตชิตไม่เป็นไร มีอากัปกิริยาราวกับว่าทุกอย่าง ยืนหยัดและมั่นคงได้แล้ว ทำให้คนที่อยู่ในห้อง สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

แย่แล้ว!

ตอนที่ไกรสรและพวกพุ่งออกไปถึงที่นอกห้อง เห็นร่างเงาของคนหลายคนที่คุ้นเคยนอน ระเนระนาดไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ความตะลึงงันและ ความโกรธที่อยู่ในแววตาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

พวกที่นอนสลบเหมือนคนตายพวกนี้ ล้วนแต่ เป็นคนที่ไว้ใจได้ที่สุดที่ไกรสรพามา!

คิดไม่ถึง เตชิตยอมรับปากว่าจะเจอหน้ากับ พวกเขา นัดพวกเขามาที่นี่ ไม่ใช่ว่าในใจกำลังลังเล ว่าจะช่วยหรือไม่เลย แต่ไม่สนความสัมพันธ์ทาง ครอบครัววางอุบายไกรสร กำจัดคนที่อยู่ด้านนอก อย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลย

ไม่ต้องสงสัยเลย ขอแค่ไกรสรถูกจับ จะหนีไม่ พ้นภัยที่ต้องติดคุกแน่นอน!

“นี่แกวางอุบายฉันเหรอ?!” ไกรสรหันหน้ามา อย่างไว มองไปที่เตชิตอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ นี่คือ ลูกชายเขา

ดี ดีมาก!

ลูกชายของเขายอดเยี่ยมกว่าเขาจริงๆซะด้วย เสียดาย หัวใจก็โหดกว่าเขาด้วยเหมือนกัน โหดจน แม้กระทั่งพ่อของตัวเองยังวางอุบายได้!
ขอแค่วางอุบายจนเขาขุ่นเครื่องตัดหัว จน เตชิตที่เพื่อผดุงซึ่งความยุติธรรมอันยิ่งใหญ่จึง สามารถที่จะลงโทษได้แม้จะเป็นญาติ ก็ย่อม สามารถใช้ความดีความชอบมาหักล้างความผิด ดี มากจริงๆ!

“พวกเราไป!” อยู่ที่นี่นานไม่ได้ ไกรสรที่ไม่ เต็มใจให้จับโดยละม่อมตะโกนเสียงดัง

แต่แล้ว เตชิตออกคำสั่งปุ๊บ สมาชิกของหมาป่า แดงที่สวมใส่ชุดลายพรางก็ได้เดินเข้ามาจากประตู คนที่อำพรางตัวอยู่ในบ้านก็ยกปืนขึ้นมาเล็งที่ไกรสร และพวก

เตชิตตัดสินใจอยู่ในความเจ็บปวดมานาน ขนาดนี้ ในที่สุดก็ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด และ ผ่านการวางแผนมาสักระยะหนึ่ง ถึงได้ทำแผนของ วันนี้สำเร็จ แล้วจะละทิ้งเรื่องที่มาถึงตรงหน้านี้ได้ยัง ไง?

ในที่สุดสองพ่อลูกก็ชักดาบออกมาเผชิญหน้ากัน

ในระหว่างการต่อกรที่สถานการณ์ตึงเครียด เตชิตได้คุกเข่าลงกระทันหัน ก้มคำนับไกรสรด้วยแววตาที่โศกเศร้า “พ่อครับ ไปมอบตัวกับผมเถอะ นะครับ ความดีความชอบของผมสามารถลดโทษให้ พ่อได้……ขอแค่ไม่ใช่โทษประหาร ทุกอย่างก็ยังมี ความหวังเสมอ ผมกับแม่จะรอพ่อแน่นอนครับ!”

ถึงเควินไม่ได้รับปาก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าตาย ขอแค่ต่อไปเขาสู้สุดชีวิตก็น่าจะทำได้อยู่

“เป็นไปไม่ได้! แกตายใจเถอะ!ฉันว่าแกไม่ใช่ อยากช่วยฉันหรอก แต่แกอยากใช้ชีวิตของฉัน ไปสร้างความดีความชอบให้ตัวแกเองมากกว่า!” จ้องเตชิตอย่างโหดทีหนึ่ง ไกรสรออกคำสั่งให้คนที่ อยู่ข้างกายด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลงมือ!

แต่เตชิตจะยอมให้เขาไปได้ยังไง?

สถานการณ์ตึงเครียดมาก แค่แตะก็พร้อมจะ ระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

ทั้งสองฝ่ายลงมือการอย่างสงบ แม้กระทั่งยังมี เสียงปืนดังขึ้น

พิงกี้นั่งอยู่ในห้องคนรับใช้อย่างกระวนกระวาย ใจ จนนั่งไม่ติด ในสมองคิดฟุ้งซ่าน นึกถึงความเป็น ไปได้ทุกอย่างจนสมองวุ่นวายไปหมด
แต่ไม่นานเธอก็ไม่มีกะจิตกะใจคิดมากแล้ว สมาธิทั้งหมดของเธอก็ถูกความเคลื่อนไหวของด้าน นอกดึงดูดไปหมดแล้ว

เสียงคน แล้วก็…….เสียงปืน!

ทำไมถึงยิงปืนด้วย?

พิงกี้เหมือนกระต่ายตัวหนึ่งที่ตื่นตกใจ เธอลุก ขึ้นอย่างกระทันหันและเดินวนอยู่ในห้องไปหลาย รอบ สุดท้ายก็เดินไปที่ประตูอย่างอกสั่นขวัญแขวน

หลังจากเอามือวางอยู่ที่ลูกบิกประตู เธอก็เกิด ความลังเลแล้ว

อยากออกไป แต่ก็ไม่กล้าออกไป

เธอกลัวตัวเองจะสร้างความเดือดร้อนให้เตชิต ออกไปโดยไม่ไตร่ตรองกลับทำให้เขาแยกสมาธิ ยังมีอีก ตอนนี้เธอก็เป็นคนที่เสี่ยงอันตรายและเกิด อะไรขึ้นไม่ได้ด้วย

เธอเอาหูแนบไปที่ประตู ฟังความเคลื่อนไหว ของด้านนอก สามารถได้ยินลางๆมีคนตะโกนเสียง ดังว่า “ลงมือ พุ่งออกไป
ดีที่ฟังเสียงเท้าเดินแล้ว ไม่มีใครเดินมาที่ห้อง คนรับใช้

บางที อาจจะไม่มีใครว่างมาสนใจทางฝั่งของ

เธอก็ได้

พิงกี้จำคำพูดของเตชิตไว้ ไม่ว่าได้ยินเสียง อะไรก็ห้ามออกไปเด็ดขาด เธอรอด้วยความกลัว และความกังวล จนกว่าห้องคนรับใช้ถูกเปิดออก

“ใคร?”

พิงกี้ตื่นตกใจก่อน พอเห็นคนที่มา ในใจเธอก็มี ความสุขโผล่ขึ้นมา

“ผมเอง..……

เตชิตที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่กลิ่นไอเยือกเย็น

เดินเข้ามา แววตาของเขามีความเยือกเย็นที่ยังไม่ ละลาย ดูเหมือนว่ากลัวจะทำเธอตกใจ อยากยิ้มสัก หน่อย แต่รอยยิ้มที่มุมปากกลับมีรสชาติที่ขมขื่น

ดูแล้วช่างน่าสงสารและโดดเดี่ยวเดียวดายมาก
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” พิงกีถามด้วย ความเป็นห่วง

“ผมไม่เป็นไร ยังมีชีวิตอยู่

“แล้ว…….เรื่องจบแล้วหรอคะ?” พิงกี้ถาม อย่างหยั่งความคิด “เรื่องจัดการเสร็จแล้ว ปัญหา บนตัวคุณก็ไม่มีแล้วใช่มั้ยคะ?”

“…….อืม” เตชิตไม่อยากพูดมาก “ผมส่งคุณ ออกไป”

สามารถส่งเธอกลับไป ดูท่าเรื่องก็มาถึงตอน

จบแล้วจริงๆ

นาทีนี้พิงกี้ไม่มีกะจิตกะใจไปคิดอย่างอื่น รู้สึก เพียงโชคดีที่รอดมาจากความตาย และรู้สึกวางใจ ลงเล็กน้อย

เดินตามเตชิตออกจากห้อง พิงกี้เดินตามติดเต ชิตอย่างระมัดระวัง

เขาส่งเธอถึงหน้าประตู “คุณกลับไปเองนะ ข้างนอกไม่มีอันตราย หลังจากกลับไปบอกให้เควิน มาที่นี่เที่ยวหนึ่ง”
“มาทำไมคะ?”

“มาเอาคน”

“มาเอาคน? มาเอาใครคะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ