บทที่438: อึ้งจนอ้าปากค้าง
เตชิตเอามือข้างนึงรองที่ใต้ศีรษะ มืออีกข้างวางบัง ดวงตาทั้งคู่ไว้ กลิ่นไอสับสนที่กระจายออกมาจากตัว เขาชัดเจนมาก
ทั้งๆที่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่ก็กลับตัดใจ
ไม่ได้……….
จะทํายังไง?
ภูผาผ่าตัดมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
หลังจากเขาผ่าตัดเสร็จ พิงกี้เคยไปเยี่ยมเขาครั้ง หนึ่ง ตอนนั้นภูผายังอยู่ในช่วงสลบอยู่ และห้องไอซียู ก็สามารถเยี่ยมได้แค่ครึ่งชั่วโมง เธอจึงไม่ได้พูดคุยกับ ภูผาเลย
ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว การผ่าตัดของภูผา ถือว่าสำเร็จมาก ตอนนี้ร่างกายก็ค่อยๆฟื้นฟูกลับมา แข็งแรงขึ้น และได้ย้ายจากห้องไอซียูมาที่ห้องผู้ป่วย ธรรมดาแล้ว พิงกี้จึงตัดสินใจไปเยี่ยมเขาอีกครั้ง
ถ้าเขามีอะไรที่เกรงใจไม่กล้าพูดกับคนอื่น อาจจะ
สามารถพูดกับเธอได้
ตอนที่พิงกี้ถึงโรงพยาบาล ภูผากำลังหลับอยู่
รอไปสักพัก ภูผาถึงค่อยๆตื่นขึ้นมาจากความฝัน เขาอยากจะเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำที่อยู่ข้างๆ เพิ่งยื่นมือ ออกไป ก็มีคนยกแก้วน้ำมาไว้ที่มือของเขาแล้ว
เขาลืมตาดู พบว่าเป็นพิงกี้ ทันใดนั้นเขาเผยรอย ยิ้มที่เซอร์ไพรส์ออกมา
“พี่พิงกี้?”
ภูผาพยายามลุกขึ้นมานั่งบนเตียง พิงกี้มือไวรีบ พยุงเขาไว้ “ระวังหน่อย ค่อยๆลุกขึ้น”
“ผมไม่เป็นไรครับ” ภูผาส่ายหัว “มาได้ได้ยังไง ครับ? ก่อนมาก็ไม่บอกผมเลย เอ่อ~ใช่แล้ว พี่คงรอผม นานมากแล้วใช่มั้ย เมื่อกี้ผมหลับไปเลยไม่รู้ว่าพี่มา ”
“หมอบอกว่านายต้องพักผ่อนเยอะๆร่างกายถึงจะ ฟื้นฟูได้เร็ว” พิงกี้ไม่แคร์ที่ตัวเองรอนาน เธอมองดูภูผา ดื่มน้ำเสร็จและรับแก้วมาจากเขา จากนั้นถึงถามว่า “พี่ ให้ป้ามะลิตุ๋นน้ำซุปมาให้ นายพอจะทานลงมั้ย จะลอง ดื่มหน่อยหรือเปล่า?”
นอกจากน้ำซุป ยังเตรียมกับข้าวที่ป้ามะลิทำมา หลายอย่าง รสชาติไม่เลวเลย
“ได้สิครับ” ภูผาไม่ได้ปฎิเสธ
พิงกี้เอากับข้าวที่เตรียมมาแต่ละอย่างแกะออกมา แกะออกมาอย่างนึง ดวงตาของภูผาของเป็นประกายที นึง
พิงกี้ดูแล้วตลก แววตาของเธอยิ่งอยู่ก็ยิ่งอ่อนโยน ขึ้นมา “ทําไมเหมือนคนไม่เคยได้กินของอร่อยเลย?” เธอแก่กว่าภูผาแค่สองปี แต่ประสบพบเจอเรื่องราวมา มากกว่าเขาเยอะ สายตาที่เธอมองเขาจึงเหมือนมอง เด็กเลย
“หลายวันมานี้กินแต่อาหารของทางโรงพยาบาล รู้สึกรสชาติไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไหร่ครับ” ภูผากินคำ โตๆ และยิ้มอย่างร่าเริง “ถ้าครั้งหน้าพี่มีเวลามาเยี่ยม ผมอีก เอากับข้าวมาให้ผมทานด้วยนะ”
“เดี๋ยวพี่ติดต่อกับโรงแรมใกล้ๆแถวนี้ ให้ทาง โรงแรมส่งอาหารมาให้นาย นายอยากทานอะไรก็สั่งได้ เลย ฝีมือไม่แย่กว่าของป้ามะลิหรอก”
จู่ๆภูผาอึ้งค้างไว้ อาหารที่อยู่ในปากก็ลืมเคี้ยว เขา จ้องมองพิงกี้อยู่อย่างอึ้ง แววตาสั่นไหว
“พี่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มาเยี่ยมนายอีกนะ พี่ ก็ยังจะมาเยี่ยมอยู่ แค่อยากให้นายได้ทานของอร่อยๆ หน่อยแค่นั้นเอง” พริบตาเดียวพิงกี้ก็เข้าใจแล้ว จึงรีบ อธิบายให้เขาฟัง
“อ๋อ ครับ…….” ทีนี้ภูผาถึงได้เคี้ยวอาหารและ กลืนอาหารที่อยู่ในปากลง จากนั้นถึงพูดต่อ “ผมก็นึก ว่าต่อไปจะไม่มาเยี่ยมผมแล้วซะอีก”
ตื่นตกใจเสียเปล่าจริงๆ
ค่อยยังชั่วหน่อย
สภาพของตระกูลดำรงกูลช่างน่าเศร้าสลด ตาย บ้าง ติดคุกบ้าง อีกอย่าง ถึงแม้ทางฝั่งของชาตรียังไม่ ได้ประหารชีวิตสักที แต่มันก็แค่เรื่องของเวลาช้าเร็วแค่ นั้นแหละ
พอมาสุดท้าย ตระกูลดำรงกูลก็เหลือแค่เขา สองพี่น้องแล้ว
ตอนแรกภูผาปล่อยวางกับเรื่องการเสียชีวิตของ มาลาตีไม่ได้จริงๆ แต่หลังจากผ่านการผ่าตัดครั้งนี้ หนี เอาชีวิตกลับจากยมบาลมาได้ ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาจาก บนเตียง ความยึดมั่นและปมในใจของเขาเหมือนจู่ๆก็ ละลายไปหมดเลย
ที่จริงปมในใจพวกนั้น มีอะไรสำคัญล่ะ?
สู้รักและทะนุถนอมคนที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า
ไม่ว่าความรักแบบไหน ก็ทนการทำให้ผิดหวังไม่ได้หรอก
เขารู้สึกที่จริงตัวเองต้องรู้จักสำนึกบุญคุณสิ
ถ้าไม่ใช่พิงกี้ ตอนนี้เขายังสามารถมีชีวิตอยู่หรอ? ถ้าหมดหนทางที่จะรอดชีวิต แล้วเขาจะมีเรี่ยวแรงไป โกรธแค้นพิงกี้ได้ยังไง? ตอนนั้นเขาก็คงกลายเป็นเถ้า กระดูก แม้แต่ความคิดก็ยังไม่สามารถครอบครองเลย
ไปโกรธเกลียดคนที่ช่วยชีวิตตัวเอง เขาใหญ่มา จากไหนเชียว?
อีกอย่าง ตอนนั้นเกิดเรื่องมากมายขนาดนั้น เขาก็ ไม่เคยปกป้องเธอเลย…….ถึงแม้เป็นพี่สาวของตัวเอง แต่ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิงที่อายุแก่กว่าตัวเองแค่สองปี เอง
คิดถึงตรงนี้ ภูผาก็รู้สึกตัวเองมันโคตรสารเลวเลย ยิ่งรู้สึกละอายใจที่ตอนนั้นตบพิงกี้ไปทีหนึ่ง
“นายวางใจเถอะ พี่ก็มีแค่น้องชายคนเดียวแล้ว ต่อไปพี่ไม่มีทางไม่สนใจนายหรอก แน่นอนว่าพี่จะมา เยี่ยมนายอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้มาทุกวัน เพราะตอน นี้ก็ท้องแก่แล้วร่างกายไม่ค่อยสะดวก” พิงกี้ยิ้มละไม “ว่าแต่นายเหอะ ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ไปอยู่เป็น เพื่อนพี่ที่บ้านสักพักก็ได้นะ”
“อ้อ ใช่แล้ว พี่…..ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ หน่อย” พูดถึงเรื่องนี้ ทำให้ภูผานึกขึ้นมาได้เรื่องนึง “พี่ ช่วยอะไรผมอย่างหนึ่งได้มั้ยครับ?”
“เรื่องอะไร?”
“คืออย่างนี้ครับ ครั้งนี้ยังดีที่คุณอนันต์ช่วยผมไว้ ไม่ใช่หรอครับ? อ้อ อยันต์ก็คือคนที่บริจาคไขสันหลัง ให้ผมครับ ผม…ผมมีเรื่องเกี่ยวกับเขา เอ่อคือ…… ถู ผาพูดจาล้ำๆอึ้งๆ
“อืม มีอะไร?” พิงกี้ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าภูผาอยากพูดจะอะไร
“คุณอนันต์ก็ใกล้จะถูกประหารชีวิตแล้ว ลูกสาว ……ผมรับเลี้ยงลูกสาวเขาไว้ ของเขาน่าสงสารมาก ผม…. ได้มั้ยครับ?” ภูผาหลับตาและรวบรวมความกล้าหาญ พูดออกมา
พิงกี้อึ้งจนอ้าปากค้าง “ห้า อะไรนะ? นายอยากรับ เลี้ยงลูกสาวเขา?”
ครั้งนี้ เธอตกตะลึงจริงๆ
ตั้งแต่รู้จักคนที่ชื่ออนันต์คนนี้ พิงกี้ก็เคยสืบประวัติ ครอบครัวเขาแล้ว รู้ว่าภรรยาของอนันต์เสียชีวิต แต่ยัง มีญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายอยู่
ถึงอนันต์ตายและทิ้งลูกสาวไว้บนโลกใบนี้ ลูกสาว คนนี้ก็ยังมีปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอาที่สามารถดูแลได้ อยู่ มีคนเยอะแยะที่สามารถดูแลลูกสาวเขา
ภูผาทำไมถึงคิดอยากจะเข้าไปแทรกแซงด้วย
เควินรับปากแล้วว่าจะให้เงินอนันต์หนึ่งล้านบาท นี่ไม่ใช่ว่าไม่ให้ผลประโยชน์กับเขาเลยนะ ไม่จำเป็นที่ ต้องให้ภูผาไปทุ่มเทอีกต่างหากนี่น่ะ หนึ่งล้านบาทนี่ก็ ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ เพียงพอที่จะเลี้ยงลูกสาวของอนันต์ โตแล้ว
อีกอย่าง ลูกสาวของอนันต์ก็อายุไม่น้อยแล้ว อนันต์แต่งงานมีลูกค่อนข้างเร็ว ลูกสาวเขาปีนี้ก็อายุสิบ ห้าแล้ว โตเป็นสาวแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยกว่าภูผาอยู่ไม่กี่ปีเอง และ ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายสักหน่อย ภูผาอยากรับเลี้ยง ลูกสาวของอนันต์ นี่ไม่ใช่ล้อเล่นหรอเนี่ย?
พิงกี้ไม่มีทางรับปากหรอก
“ภูผา ทำไมจู่ๆนายถึงมีความคิดแบบนี้ เป็นเพราะ รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารหรือ?” พิงกี้อยากถาม ความคิดของภูผาให้ชัดเจนก่อน ดูซิว่าทำไมเขาถึงมี ความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมาได้
“ใช่ครับ” ภูผาพยักหน้า “พี่อนันต์เคยเล่าเรื่อง ของทางบ้านเขาให้ผมฟัง เขาไม่สนิทกับญาติพี่น้อง ของเขา พ่อกับแม่เลี้ยงของเขาก็ไม่ดีกับเขา ถ้าเขาตาย ไป ลูกสาวเขาอยู่ที่บ้านก็จะต้องลำบากมาก ดังนั้นผม ถึงอยากรับเลี้ยงลูกสาวเขา เพราะเขาก็ถือว่าได้ช่วย ชีวิตผมเอาไว้เหมือนกัน”
“แล้วนายรู้มั้ยว่าลูกสาวเขาอายุสิบห้าแล้ว น้อย กว่านายอยู่แค่ไม่กี่ปีเอง?”
เด็กผู้หญิงสมัยนี้โตเร็วมาก อายุสิบห้าอะไรที่ควร เข้าและไม่ควรเข้าใจล้วนรู้หมดแล้ว ภูผารับเลี้ยงผู้หญิง คนนั้น ไม่สะดวกและไม่ดีเลยสักนิด
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ