บทที่435ไม่ว่ายังไง ผมก็ขออวยพรพวกคุณ
“หรือคุณไม่คิดจะปรึกษาหารือกับเขาหรอคะ?” พิงกี้ก็ไม่เข้าใจ “เรื่องนี้เกี่ยวโยงถึงคุณเตชิต ถ้าคุณไม่ หารือกับเขาล่ะก็ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าคุณวางแผนยังไง คะ?”
“ผมมีแผนยังไง ทำไมผมจะไม่รู้?” เควินย้อนถาม
“ไม่ใช่จะให้คุณเตชิตติดต่อกับไกรสร จากนั้นเรา ก็เข้าจับกุมหรอคะ?
.” แววตาของเควินยิ่งซีเรียสขึ้น
เขาได้อุ้มพิงกี้มาถึงหน้าประตูของห้องนอนหลัก แล้ว เห็นเขาไม่พูดอะไรเลย ยื่นมือออกมาข้างนึงบิดลูก กลอนประตู และอุ้มเธอเดินไปที่เตียงโดยตรง จากนั้น ก็ได้วางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ
พอเสร็จ เขาถึงยืนตัวตรง จ้องมองเธอด้วยแววตา ลุ่มลึก “เปล่า ผมไม่คิดจะร่วมมือกับเตชิต
“เพราะอะไรคะ?” พิงกี้ขมวดคิ้ว จู่ๆนึกถึงความ เป็นไปได้อย่างนึง “, “คุณไม่เชื่อคุณเตชิต
“คุณคิดว่าผมควรจะเชื่อเขาหรอ?” เควินหัวเราะ เยาะและย้อนถาม “คุณให้ผมเชื่อผู้ต้องสงสัยที่ใช้ทุก วิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย(ที่ชั่วร้าย) ถึงแม้ต้องใช้ คุณเป็นตัวกระตุ้นให้ผมโกรธ ก็จะไปจากที่นี่?”
พิงกี้ “
เธอจะไม่รู้ได้ยังไง ช่วงนี้พฤติกรรมของเตชิตมัน เกินไปแล้ว นี่กำลังบอกกับคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งว่าเขา อยากไปจากที่นี่ชัดๆ
แต่ว่าเธอก็คิดดูอีกที บางทีทำให้ทุกคนรู้อย่าง โจ่งแจ้งขนาดนี้ แล้วทำไมจะไม่ใช่การปกปิดในความ หมายอีกอย่างนึงล่ะ?
เตชิตเป็นคนฉลาดซะขนาดนั้น ถ้าอยากไปจาก ที่นี่และไปจากการเฝ้าจับจับตามองของเควินจริงๆ เขาจะไม่ใช้วิธีที่ตรงไปตรงมาจนเข้าข่ายโง่แบบนี้ แน่นอน…….ไม่ใช่หรอ?
พิงกี้ถามความสงสัยของตัวเองออกมา แต่แลกมา แค่ความเยือกเย็นของเควิน “มันก็จริงบ้างเท็จบ้าง ก่อน ที่ผมจะแน่ใจความคิดของเตชิต ผมจะไม่มีการหละ หลวมใดๆทั้งสิ้น”
“แล้วร่วมมือล่ะคะ?”
“ถ้าเป็นคุณ คุณจะร่วมมือกับคนที่ไม่มีความ
จริงใจ?”
พิงกี้ “…”
เธอรู้แล้ว ไม่ว่าวัตถุประสงค์ของเตชิตคืออะไรกัน แน่ แต่ตอนนี้ เขาได้กระตุ้นให้ท่านประธานขี้หึงคนนี้ โกรธกริ้วจนสําเร็จแล้ว
ถึงเตชิตจะกลับไปที่วิลล่าของตัวเองสำเร็จ ที่เขา เผชิญก็อาจจะเป็นการจับตาดูที่ยิ่งละเอียดรอบคอบ และซ่อนเร้นมากยิ่งขึ้นไป แต่ผิวเผินอาจจะดูเงียบสงบ
เวลาหกโมงเย็น
ป้ามะลิทำกับข้าวเสร็จ ตอนที่กำลังเตรียมอาหาร ชุดนึงส่งไปที่ห้องของเตชิต เตชิตกลับเดินออกมาจาก ห้องนอน
เขาแตกต่างจากหน้าตาที่เกียจคร้านเหมือนปกติ ดูเหมือนว่าได้ตั้งใจแต่งตัวโดยเฉพาะ เสื้อเชิ้ตสีครามที่ ไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย กางเกงสูทที่เกี๊ยบห่อหุ้มขาเรียว ยาวเพอร์เฟคของเขา ชูให้เขาดูสูงและหุ่นดีมาก เหมือน ลูกผู้ดีมีตะกูลที่เดินออกมาจากในภาพวาด
ชิวๆแต่สง่า
เขามีคิ้วที่คมเข้ม ผมเงาดกดำทิ้งตัวลงมาที่หน้า ผากหลายเส้น มุมปากมีรอยยิ้มที่อบอุ่น นี่ทำให้หน้าตา หล่อขั้นเทพของเขายิ่งดน่าดึงดดเข้าไปใหญ่
“ป้ามะลิ วันนี้ผมจะร่วมทานข้าวกับทุกคนครับ เตชิตเดินมาที่ข้างโต๊ะอาหาร
มือของป้ามะลิหยุดไปครู่นึง จากนั้นก็พยักหน้า “ดีเลยค่ะ ทานข้าวคนเดียวมันเงียบเหงาไปหน่อย คน เยอะๆคึกคักดีค่ะ”
ยกกับข้าวที่อยู่ในมือกลับไปที่ห้องครัว สีหน้าแวว ตาของป้ามะลิเป็นธรรมชาติมาก
เควินที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารสีหน้าเย็นชาอีกเช่น เคย เหมือนไม่เห็นการปรากฎตัวของเตชิตอย่างไร อย่างนั้น เขาคีบกับข้าวให้พิงกี้ ส่วนพิงกี้กลับมองเตชิต ด้วยความแปลกใจ
เตชิตพิงอยู่ที่เก้าอี้ ดวงตาพราวเสน่ห์แฝงด้วยรอย ยิ้ม เขากระพริบตาให้พิงกี้อย่างกุ๊กกิ๊กคลุมเครือ
พิงกี้ “
คนๆนี้นี่ แสวงหาความตายจริงๆ!
พอทานข้าวเสร็จ เตชิตก็เริ่มก่อเรื่องก่อราวอีกแล้ว
เขาหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปากอย่างเลื่อย เฉื่อย ดวงตาพราวเสน่ห์ที่เป็นประกายมองไปที่เควิน “คืนนี้ผมก็จะไปแล้ว แต่ที่บ้านผมไม่มีไวน์ชั้นดีเลยหรือว่าคุณเควินเลี้ยงผมสักแก้ว?”
เควินกำชับป้ามะลิ “ไปหยิบไวน์มาขวดนึง เอาที่ ถูกที่สุด”
’ พิงกี้รีบเปิดปากพูด “เอาไวน์ชั้นดีมาค่ะ
ป้ามะลิ”
แววตามีแสงเย็นเฉียบเหมือนดาบของเควินจ้อง มองมา พิงกี้กระพริบตาสองทีอย่างหดหู่ ยื่นมือกุมมือที่ วางอยู่บนเข่าของท่านประธานที่ปัญญาอ่อนเอาไว้ ทีนี้ ท่านประธานถึงได้ไม่พลิกหน้า
รับรองแขก จะขี้งกขนาดนี้ได้ยังไง?
อีกอย่าง นี่ก็ถือว่าทานข้าวแยกจากกัน พิงกี้ ไม่รู้สึกว่าเตชิตกำลังกวนประสาทอะไรเลย เธอก็ไม่ สามารถเข้าใจความคิดที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนที่ท้าดวล ของผู้ชาย เธอแค่อยากสงบและเป็นมิตรกัน
ไม่นาน ไวน์ก็เอามาแล้ว
ระหว่างที่เปิดขวดรินไวน์ ทั้งสามคนไม่ไม่ใครพูด คุย แต่แค่เปลี่ยนจากโต๊ะอาหารมานั่งที่โซฟา
เตชิตก้มไปหยิบแก้วมา เทให้เควิน พิงกี้และตัวเอง คนละแก้ว
เตชิตยกแก้วขึ้นมา น้ำเสียงแฝงด้วยเสียงหัวเราะ “คืนนี้ผมก็จะไปแล้ว ขอบคุณสําหรับการดูแลของ หลายเดือนที่ผ่านมานี้ ชีวิตของผมก็ถือว่าคุณเป็นคน ช่วยเอาไว้เหมือนกัน….….
เขาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างกวนตีน และไม่จริงจัง พร้อมพูดกับเควิน “ตอนที่คุณขอพิงกี้แต่งงาน ผมไม่ สามารถไปดูโรแมนติกที่คุณเล่น ตอนนี้คิดๆแล้วยังรู้สึก เสียใจเลย เพียงแต่ ถึงแม้ต่อไปพวกคุณแต่งงาน ผมก็ ไม่ไปหรอก”
“เพราะไปแล้วก็ไร้ความหมาย
“แต่ว่า…….” เสียงของเตชิตเปลี่ยนมาจริงใจ ขึ้น “ไม่ว่ายังไง ผมก็ขออวยพรให้พวกคุณรักกันอย่าง หวานชื่นตลอดไป”
เงยหน้าดื่มไวน์จนหมดแก้ว เตชิตยกมือเช็ดคราบ ไวน์อย่างเรื่อยเปื่อย และวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะเบาๆ
จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นเดินจากไปอย่างไม่หันกลับมา ดูอีกเลย
อยู่ในบ้านหลังนี้ เขาไม่มีอิสระ
แต่ทว่า ออกไปจากบ้านหลังนี้ปุ๊บ ก็ไม่ชัดเจนแล้ว ว่าคนไหนคือฝ่ายของตัวเองและคนไหนคือศัตรู
ยามดึก
แสงจันทร์อ่อนโยน
ยืนอยู่ในห้องที่ไม่ได้เปิดไฟ เงาของเตชิตถูก แสงจันทร์ดึงจนยาว ผสมกับเงาของต้นไม้
ยืนอยู่ที่ข้างหน้าต่างทั้งคืนจนท้องฟ้าสว่าง เตชิต ถึงได้หันกลับมานั่งที่บนเตียง
ถึงแม้สมองและร่างกายจะเหนื่อยล้ามาก แต่กลับ ไม่รู้สึกง่วงนอนเลย
เขารู้สึกในใจเหมือนมีสัตว์ร้ายตัวนึงขังอยู่ สัตว์ ร้ายตัวนี้กำลังคำรามอยู่ ตะโกนอยู่ พุ่งชนกรงขังครั้ง เล่าครั้งเล่า แต่คนอื่นกลับไม่ได้ยินเสียง และไม่มีทาง รับรู้ความทรมานแบบนี้
ไม่รู้สึกง่วงนอน เขาจึงเปิดคอมพิวเตอร์และเข้า
หน้าเว็บ
ในเมื่อคนๆนั้นจะกลับมาแล้ว งั้นเขาก็ต้องทำเรื่อง จริงจังแล้ว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ