คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่434: ว่องไวและเฉียบขาด



บทที่434: ว่องไวและเฉียบขาด

เรื่องนี้เป็นปมในใจระหว่างพิงกี้กับภูผา ชาตินี้ทั้ง ชาติก็อาจจะลบไม่ออกเลย

นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์ ใครก็ควบคุมจิตใจของ ตัวเองไม่ได้หรอก ถ้าควบคุมได้ ไม่ใช่เทพก็มารแล้ว

บางทีพิงกี้ก็ถามตัวเองอยู่ในใจว่า ถ้าตอนนั้นมีวิธี อื่นที่ไม่ต้องฆ่ามาลาตีก็ช่วยน้องแอ๊ปเปิ้ลและลูกในท้อง ได้ เธอจะเลือกวิธีนั้นมั้ย?

ผลลัพธ์ของความคิด ทําให้เธอกลัวมาก

เธอตะลึงงันที่พบว่าในใจตัวเองมีปมในใจที่เข้มข้น มาก มีปมในใจกับมาลาตี แม้กระทั่งรวมไปถึงเกลียดชัง ตระกูลดำรงกูลทั้งตระกูล………มีโอกาศสามารถกำจัด มาลาตีอย่างเปิดเผยและซื่อตรงได้ ไม่ต้องเจอการ ก่อกวนของมาลาตีอีกต่อไป เธอถึงกับรู้สึกชิวมากๆ

และที่ทำให้เธอรู้สึกโชคดีที่สุดคือ สถานการณ์ใน ตอนนั้น จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดไม่ถึงเลยว่ามีทางเลือก ที่สองด้วย

ไม่ต้องได้รับการประณามของมโนธรรม เธอรู้สึก

โชคดีมาก

แต่ความคิดที่แท้จริงของในใจ ก็ยังทำให้เธอทรมานมาก
เรื่องที่ซ่อนอยู่ในใจพวกนี้ อาจจะเป็นความมืดที่ไม่ สามารถบอกกับใครได้ชั่วนิรันดร์เลย

พิงกี้เม้มปาก “สมมุติมันก็เป็นได้แค่สมมุติ ภาย ใต้สถานการณ์ในตอนนั้น……..ภูผา ถึงต่อไปนายจะ ปล่อยวางไม่ได้ตลอดชีวิต และให้อภัยพี่ไม่ได้ แต่พี่ก็ พูดได้แค่ว่าพี่ไม่เสียใจ”

ไม่เสียใจที่ฆ่ามาลาตีตาย

ไม่เสียใจที่ระหว่างมาลาตีกับลูกแท้ๆของตัวเอง เธอเลือกลูกของตัวเอง

ไม่เสียใจ……………..

กับทุกอย่าง!

ภูผาเงยหน้าขึ้น มองดูพิงกี้อย่างลึกๆ สักพักก็หลุบ ตาลงอีกครั้ง “ผมรู้แล้วครับ”

ออกมาจากห้องผู้ป่วย พิงกี้เหงื่อท่วมตัว

เธอยืนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยมาครึ่งค่อนวัน ยังรู้สึกหน้า

มืดและวิงเวียนศีรษะ
ป้ามะลิรีบพยุงแขนของเธอไว้ “คุณผู้หญิงไม่ สบายหรือเปล่าคะ จะให้คุณหมอมาดูอาการหน่อยมั้ย คะ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ นั่งพักเดี่ยวเดียวก็หายค่ะ”

นั่งลงที่เก้าอี้ริมทางเดิน นั่งพักไปสักพัก อาการ ของพิงกี้ถึงทุเลาลง

นี่ไม่ใช่สาเหตุของร่างกาย แต่เป็นสาเหตุของจิตใจ

ก่อนไป พิงกี้ได้เดินไปที่ห้องผู้ป่วยของภูผาอีกครั้ง มองผ่านกระจกใสที่แทรกอยู่บนประตูไม้ของห้องผู้ ป่วย มองดูภูผาครู่นึงถึงหันหลังจากไป

ก่อนออกจากโรงพยาบาล พิงกี้ยังได้แวะไปเยี่ยม ผู้สมัครใจบริจาคด้วย

เพื่อทำการเตรียมตัวผ่าตัด ผู้บริจาคได้เริ่มฉีดยา G-CSF 4 เพื่อกระตุ้นให้สเต็มเซลล์ออกจากไขกระดูก

หลังจากฉีดยานี้เข้าไป ผู้บริจาคจะรู้สึกมึนหัวไม่ ค่อยสบาย ตอนที่พิงกี้ไป เขากำลังนอนพักผ่อนอยู่บน เตียง

ยืนอยู่ที่หน้าประตูมองดูไปไกลๆ สามารถเห็น ลางๆว่าผู้บริจาคคนนี้เป็นผู้ชายที่มีรูปร่างกำยำ แต่ดหน้าตาแล้วค่อนข้างดุร้าย ทำให้คนรู้สึกเขาอาจจะเป็น ผู้ชายที่อารมณ์รุนแรงและไร้มารยาททางสังคม

ผู้บริจาคคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ

มีคนตายด้วยน้ำมือของเขามาหลายรายแล้ว และยังมีสาววัยรุ่นหลายคนที่ประสบพบเจอกับความ โหดเหี้ยมของเขา สามารถบอกได้ว่าเป็นไอ้เหี้ยอย่าง สมบูรณ์แบบเลย……….แต่ก็คือคนเหี้ยๆแบบนี้ที่ตรวจ จับคู่เข้ากับไขสันหลังของภูผาได้พอดี เพื่อลูกสาวคน เล็กที่อายุเพิ่งจะสี่ขวบ เขาถึงได้ตัดสินใจก่อนตายทำ เรื่องดีแบบนี้เรื่องนึงเพื่อแลกกับค่าเหนื่อยหนึ่งล้านบาท

ก็เพราะแบบนี้ ถึงเขาจะนอนอยู่บนเตียง ขาทั้งสอง ข้างก็ยังถูกใส่กุญแจเท้าเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เขาหนีไป ได้ นอกห้องผู้ป่วยยังมีคนของเควินเฝ้าไว้คนสองเพื่อ เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา

สำหรับคนแบบนี้ เดิมทีพิงกี้ไม่คิดจะมาสนใจหรอก แต่หลังจากพูดคุยกับภูผา จู่ๆในใจเกิดความคิดถึงขึ้น มาเลยอยากมาดูสักหน่อย

พอดูแล้วรู้สึกผิดหวัง

เธอกังวลอย่างไม่มีเหตุผล กลัวว่าการปลูกถ่าย ไขกระดูกจะเกิดผลกระทบกับนิสัยของคนหรือเปล่า ถ้ามีผลกระทบจริงๆ งั้นต่อไปภูผาก็จะกลายเป็นคนที่นิสัยอย่างผู้ชายคนนี้หรือเปล่า?

ถึงแม้การคาดเดานี้ไม่ถูกต้องตามหลัก วิทยาศาสตร์เลย แต่เธอก็กังวลขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

ยืนอยู่นอกประตูมองดูผู้บริจาคอยู่ไกลๆทีนึง พิงกี้ ก็ออกจากโรงพยาบาล

ตอนเย็นภูผาก็จะเข้ารับการผ่าตัดแล้ว การผ่าตัด นี้คาดว่าคงจะใช้เวลาสองสามวัน รอให้ผ่าตัดเสร็จสิ้น อย่างราบรื่นค่อยมาเยี่ยมภูผาใหม่ก็ยังไม่สาย

ขึ้นมาบนรถ พิงกี้รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งตัว

“ป้ามะลิ ฉันอยากขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนค่ะ”

พอรถจอดสนิทที่หน้าวิลล่า ภายใต้การประคอง ของป้ามะลิ พิงกี้ก็อดใจรอไม่ไหวที่จะขึ้นไปพักผ่อนที่ ชั้นบน แต่แล้ว ที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ เควินกลับนั่งอยู่ ที่โซฟาของชั้นล่าง

เห็นเธอเดินเข้ามา ดวงตานกเหยี่ยวของเขามองมา ที่เธอ พร้อมมีสีหน้าเคร่งขรึม “มานี่”

พิงกี้ไม่ได้ขยับ แต่สีหน้าแฝงด้วยความเหนื่อยล้าเธอกางมือออกใส่เขา

เควิน “

เขาลุกขึ้นมาจากบนโซฟาอย่างจนปัญญา เดินไป ที่ตรงหน้าของพิงกี้และอุ้มเธอขึ้นมา “ยิ่งอยู่ยิ่งใช้งาน ผมเก่งแล้วนะ ใช่มั้ย?”

พิงกี้อดขำไม่ได้ “แล้วคุณยอมให้ฉันใช้งานมั้ยล่ะ คะ? ที่รัก?”

ผู้หญิงเป็นคนที่ความคิดหลักแหลมอยู่แล้ว เพราะ อยู่กับเควินมานาน สำหรับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของ เขาเธอเข้าใจดีเป็นอย่างมาก…………..เมื่อกี้แค่มองแว๊บ เดียว เธอก็ดูออกว่าผู้ชายคนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี

ถ้าเวลานี้ไม่ออดอ้อน แต่ยังมาแข็งชนแข็งอีก งั้น คงต้องน้ำเข้าสมองแน่นอนแล้ว

คิดถึงตรงนี้ หน้าผากของพิงกี้มุดไปที่ตรงอกของ เขา สีหน้าท่าทางเหมือนแมวที่อ้อนเจ้าของ ทำให้คน อยากโกรธก็โกรธไม่ลง

ถูกพิงกี้อ้อนแบบนี้ สีหน้าของเควินดูอบอุ่นขึ้น เยอะ เขาเป็นฝ่ายพูดก่อน “ผมให้คนจัดเตรียมกำลัง เฝ้าจับตาดูที่ที่วิลล่าของเตชิตแล้ว สามวันนี้ได้ทำงานที่ เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวคืนนี้ก็ให้เตชิตกลับไปพักทีวิล่าของเขาเลย

“จริงหรอคะเนี่ย?” พิงกี้ค่อนข้างประหลาดใจ

ไกรสรยังไม่ได้ถูกจับมาดำเนินคดี เควินก็จะไม่ หยุดเฝ้าจับตาดูเตชิตสักวินาทีเดียว เดิมทีเธอยังคิดว่า เรื่องนี้คงต้องยืดออกไปอีกสักพัก คิดไม่ถึงว่าเควินจะ ไวขนาดนี้ จะจัดการเสร็จอย่างไวและเฉียบขาดขนาด นี้

เหนือความคาดหมายจริงๆ!

“ใช่” เควินพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าไกสรมีใจอยาก อยากติดต่อกับเตชิต เราเฝ้าจับตาดูเตชิตอย่างลับๆจะ สามารถได้ข่าวของไกรสรไวที่สุดก็จริง แต่ก็จะแหวก หญ้าให้งูตื่นเพราะเหตุนี้เหมือนกัน ทำให้ไกรสรไม่กล้า ลงมือ แทนที่เป็นแบบนี้ งั้นไม่สู้เรามาหละหลวมหน่อย สร้างความเท็จว่าจับตาดูเตชิตน้อยลง สร้างโอกาศให้ ไกรสรเข้าใกล้เตชิต ไม่แน่แบบนี้อาจจะมีผลเก็บเกี่ยว ด้วยซ้ำ”

“งั้น……….คุณคุยเรื่องนี้กับคุณเตชิตหรือยังคะ?

พิงกี้ถาม

เควินแววตาหนักหน่วงขึ้นมา “คุณคิดว่า ผมควร จะปรึกษาหารือกับเขา?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ