คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่428: งานศพ



บทที่428: งานศพ

“ถ้าคุณผู้หญิงไม่ลงมือ จุดจบเดียวของเธอก็คือ ถูกมาลาตีทำจนแท้งลูกไป ร่างกายตัวเองก็อาจจะตก เลือดเยอะจนมีผลเสียกับร่างกายหนักอีกครั้ง ไม่แน่ น้องแอ๊ปเปิ้ลก็อาจจะถูกมาลาตีผีบ้านั้นทำร้ายร่างกาย ด้วย!”

“คุณเคยคิดถึงผลที่ตามมาแบบนี้มั้ย?”

“ก่อนหน้านั้นคุณผู้หญิงก็ถูกมาลาตีทำร้ายจน คลอดก่อนกําหนดแล้ว ตอนที่คลอดน้องแอ๊ปเปิ้ลทำให้ ร่างกายอ่อนแอมาก ตอนนี้กว่าจะตั้งครรภ์ได้ไม่ใช่ ง่ายๆ มารปีศาจอย่างแม่ของคุณก็ออกมาทําความชั่ว อีก ใครกันแน่ที่ชั่วช้าสามานย์?!”

“มาลาตีอยากให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อ ก็ไม่สนว่าคุณผู้ หญิงจะเป็นตายร้ายดียังไงแล้วหรือ? ดันจะมาบีบบังคับ ให้คุณผู้หญิงแท้งลูกแล้วมาช่วยชีวิตคุณ ถ้ามาลาตี ได้บรรลุเป้าหมายจริงๆ แล้วคุณก็จะสามารถยอมรับ ทุกอย่างนี้อย่างมันก็ควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วหรือ? คุณสามารถใช้ไขสันหลังที่คุณผู้หญิงบริจาคให้อย่าง สบายใจเฉิบได้จริงๆหรือ?”

“คุณมีสิทธิ์อะไร?!”

“คุณเอาแต่โทษคุณผู้หญิงอย่างเดียว แล้วคุณ เคยนับมั้ยว่ามาลาตีทำร้ายคุณผู้หญิงไปกี่ครั้งแล้ว?
พายุรู้สึกคนอย่างภูผาสมควรถูกด่าแล้ว

เขาเหมือนพืชที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องที่อบอุ่นและได้ รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ไม่เคยผ่านร้อนผ่าน หนาวอะไรมาก่อน คนทั้งคนยังไร้เดียวสาเกินไป!

ความไร้เดียวสาแบบนี้ บางทีสามารถบอกได้ว่า จิตใจดีงาม บางทีก็สามารถบอกได้ว่าไม่เด็ดขาด

ไม่งั้นทำไมเขาถึงเชื่อฟังมาลาตี เพื่อใบจบปริญญา ใบเดียว แม้แต่อาการป่วยของตัวเองก็ไม่สนใจได้? ทำไมเขาถึงเหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นมาลาตีทำ เรื่องชั่ว?

ความไร้เดียวสาแบบนี้ บางทีมันก็คือความโง่เขลา

อย่างนึง

โง่เขลาจนใกล้เคียงกับเหี้ยมโหด

แถมยังเหี้ยมโหดกับคนที่เฉพาะเจาะจง

ถ้าไม่ใช่“ไร้เดียงสา “ขนาดนี้จริงๆ ทำไมเขาถึง ไม่รู้ความลำบากของพิงกี้ เอาแต่สงสารมาลาตีอย่าง เดียว ก็เพราะมาลาตีเสียชีวิต เพราะผลลัพธ์ของ มาลาตีดูแล้วย่ำแย่ที่สุดแค่นั้นหรอ?

“ไม่ ไม่ใช่.…..…..”
ภูผาถูกพายุโหมกระหน่ำด่าอย่าง360องศาอย่าง

ไม่มีจุดบอดเลย ด่าจนสีหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นไหว ไปทั้งเนื้อทั้งตัว ใบหน้าแดงก่ำซีดขึ้นมาในพริบตา หน้า ผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ซึมออกมา

พายุไม่เห็นใจเขาหรอก และพูดตรงๆว่า “ผู้สมัคร ใจบริจาคหาได้แล้ว สองสามวันนี้คุณหมอจะทำการ ติดตามและประเมินผล คุณก็รอผ่าตัดอย่างสบายใจ เถอะ ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นแล้ว รู้หรือยัง?”

“โอกาสรอดชีวิตครั้งนี้กว่าคุณผู้หญิงจะหาได้ ไม่ใช่ง่ายๆ หวังว่าคุณจะรักษาโอกาศนี้ไว้ดีๆนะ!”

“พูดตามตรงนะ ไม่มีวันไหนที่คุณผู้หญิงไม่ใส่ใจ เรื่องของคุณเลย! ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น แม่ของคุณใจร้อนเกินไป แถมยังจงเกลียดจงชังคุณผู้ หญิง หวังอยากจะบีบคับให้คุณผู้หญิงตาย ขอแค่เธอ อดใจรออีกหนึ่งเดือน งั้นปัญหาทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา แล้ว!”

ผู้สมัครใจบริจาคหาเจอแล้ว ใครก็ไม่ต้องเสียสละ เพราะเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่มีความสุขกันทุกคนหรือ?

แต่คนบางคนดันอดใจรอไม่ไหว!

ภูผา “…………………”
เขามองพายุด้วยสีหน้าขาวซีด แววตาไม่มีชีวิต ชีวาเลยแม้แต่น้อย

ในขณะนี้ ในที่สุดพายุก็นึกถึงวัตถุประสงค์ที่ตัว เองมา “อ้อ~ใช่แล้ว ศพของมาลาตีเผาไปใกล้หนึ่ง เดือนแล้ว ตอนนี้คุณก็รู้เรื่องนี้แล้ว คุณผู้หญิงให้ผมมา ถามคิดคิดเห็นเกี่ยวกับจัดงานศพของมาลาตี?”

ภูผานั่งเอ๋อ

พายุถามอีก “คุณอยากจะจัดเตรียมการงานศพ ของมาลาตีโดยเร็ว หรือว่าหลังผ่าตัดค่อยเตรียมการ ครับ? คุณแค่บอกความคิดเห็นมา อย่างอื่นไม่ต้องให้ คุณกังวล จะจัดก่อนผ่าตัดหรือหลังผ่าตัดก็ไม่มีปัญหา พวกเราก็เคารพความคิดเห็นของคุณทั้งนั้นครับ”

“ก่อนผ่าตัดเถอะ” ภูผาตอบ

“โอเคครับ” พายุกระแอมทีนึง “แต่ผมหวังว่า คุณจะเข้าใจนะครับ ที่เราตัดสินใจจะส่งมาลาตีเป็น ครั้งสุดท้ายไม่ใช่เพราะเรากินปูนร้อนท้องนะ แต่แค่ พยายามทำหน้าที่ ไม่เกี่ยวข้องกับความผูกพันใดๆเลย ทั้งสิ้น! ดังนั้นคุณอย่านึกว่าพวกเรากำลังเอาใจคุณหรือ ว่าแสดงความละอายใจต่อมาลาตีนะครับ เอาล่ะ คุณก็ คิดเองให้ดีๆก่อนทำเถอะ!”

ทิ้งท้ายไว้คำนึง พายไม่ดสีหน้าของภผาก็เดินจากไปเลย

เขาแค่รับผิดชอบมาส่งข่าว และถามความคิดเห็น ของภูผา แล้วให้ภูผาเตรียมต้อนรับทำการผ่าตัดดีๆ อย่างอื่นเขาขี้เกียจสนใจด้วยซ้ำ

อยากด่าภูผาชุดใหญ่ตั้งนาน วันนี้ได้สมปรารถนา แล้ว สะใจจริงๆ!

พายุไปจากโรงพยาบาลอย่างจิตใจกระฉับกระเฉง และมีชีวิตชีวา

เดือนกรกฎาคม

อากาศก่อนที่จะฝนตกร้อนและอบอ้าวกว่าปกติ แมลงที่ลานบ้านก็ยิ่งอยู่ยิ่งหมดเรี่ยวแรง เหมือนใกล้จะ หมดลมหายใจ

พิงกี้มองดูท้องฟ้าที่หน้าต่าง และขมวดคิ้ว “เควิน คะ พรุ่งนี้ฝนคงไม่ตกมั้งคะ?”

พรุ่งนี้คือวันที่14เดือนกรกฎาคม วันที่นัดไว้ว่าจะ

ไปส่งมาลาตีขึ้นฟ้า

แต่ก่อนหน้านั้นพยากรณ์ได้พยากรณ์ว่าอากาศจะแดดจ้า แต่คาดไม่เลยถึงว่าพรุ่งนี้จะฝนตกหนัก

เฮ้อ~

พิงกี้กลัดกลุ้มใจ

มาลาตีคนนี้นี่ ตอนมีชีวิตอยู่ไม่ให้คนอื่นได้อยู่ดีมี สุข หลังจากตายก็ยังตามมาหลอกมาหลอนคนอื่นอีก

วันถัดมา

ถึงท้องฟ้าจะมืดครึ้มและฝนก็ไม่มีทีท่าจะหยุดตก พิงกี้ก็ยังตื่นแต่เช้าอีกเช่นเคย เตรียมตัวเดินทางไปส่ง มาลาตีที่สุสานเป็นครั้งสุดท้าย

ไม่เพื่ออย่างอื่น แค่เพื่อเป็นพิธีการเฉยๆ

เควินเป็นห่วงเธอ จึงไปพร้อมเธอ

รถจอดลงที่หน้าสุสาน เควินลงจากรถและกางร่ม ออกก่อน ทีนี้ถึงประคองพิงกี้ลงมาจากรถ

พิงกี้เพิ่งลงจากรถ ก็เห็นภูผาที่ซูบผอมยืนมองดู เธออยู่ไม่ไกล แววตาลุ่มลึกและมืดมน แววตาดูลุ่มลึก มากขึ้นจนเธอดูไม่ออก

คิดๆแล้ว ยังเป็นพิงกี้ที่ทักทายกับเขาก่อน “ภูผา
ภูผาพยักหน้าให้เธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย และ เดินไปที่สุสานอย่างเงียบๆคนเดียว

ฝนตกปรอยๆ ภูผากางร่มสีดำใหญ่ไว้หนึ่งคัน ล่ม คันใหญ่ยิ่งชูให้เขาดูซูบผอมไปใหญ่ มองดูร่างเงาที่เขา เดินจากไปไกล พิงกี้หายใจออกมาแรงๆทีนึง รู้สึกไม่ สบายใจอย่างยิ่ง

ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องที่อดีตยังถือว่าดีพอ สมควร ตอนนี้กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า

ต่อไป น่าจะไม่มีโอกาสได้คลี่คลายแล้ว

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอไม่มีเหตุผลให้เขาทิ้งความ แค้นของก่อนหน้านั้นแล้วหันมาเข้าใจเธอ เจอหน้ากัน ครั้งนี้ เขาไม่ได้สาดคำร้ายๆเข้าใส่กัน ที่จริงก็ทำให้เธอ โล่งอกไปทีแล้ว

ถ้าเป็นไปได้ เธอก็ไม่อยากปะทะกับภูผา แต่ถ้า ภูผาเพราะแค้นเธอมาโดยตลอดแล้วต่อต้านเธอ เธอ ก็กลัวตัวเองจะไม่ได้ใจกว้างและเป็นคนดีขนาดนั้น เหมือนกัน

งานศพจบอย่างรวดเร็ว

เพราะคนอย่างมาลาตี ตอนมีชีวิตอยู่ก็มีเพื่อสนิท อยู่แค่ไม่กี่คน พอเสียชีวิตความสัมพันธ์ก็ยิ่งแปรเปลี่ยนไป คนที่มาร่วมงานศพแค่มือสองข้างก็นับจนครบหมด แล้ว

ป้ายหลุมศพถูกผนึกไว้เป็นอย่างดีในท่ามกลาง สายฝน บนหินอ่อนสีเทามีรูปถ่ายสีของมาลาตีเหมือน ยิ้มอยู่ ดูแล้วสวยอ่อนโยน ไม่มีความร้ายกาจเหมือน ตอนมีชีวิตอยู่เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ