บทที่407: คุณเควินโกรธแล้ว
“ได้สิ” พิงกี้ตบตกลงโดยที่ไม่ต้องคิดเลย
แม้แต่กับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ตอนที่มีอันตราย ถึงขั้นชีวิตต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธอก็จะ รับปากโดยที่ไม่ลังเลเลย ยิ่งเป็นภูผาก็ยิ่งไม่พูดถึงเลย น้องชายแท้ๆที่ดีกับเธอที่สุดหลังจากเหยียบเข้าไปใน บ้านดำรงกูล
ถ้าคนเดียวที่ทำให้พิงกี้รู้สึกไม่เกลียดคนของ ตระกูลดำรงกูล นั่นก็คือภูผาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เพียงแต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ก็ได้รับผลก ระทบจากมาลาตีกับชาตรีอยู่เหมือนกัน เธอกับน้อง ชายจึงไม่ค่อยสนิทสนมเหมือนพี่น้องบ้านอื่นๆสักเท่า ไหร่
นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่พิงกี้รู้สึกเสียใจ
“ขอบคุณครับพี่” ถึงแม้ภูผาจะมั่นใจมาโดยตลอด ว่าพิงกี้จะรับปากคำขอร้องของตัวเอง แต่ได้ยินกับหูกับ การเดาเอาเอง ความรู้สึกมันต่างกันนะ
หลังจากคุณหมอยืนยันผลตรวจแล้วว่าภูผาเป็น มะเร็งเม็ดเลือดขาวจริงๆ เขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างกระสับ กระส่าย ในใจรู้สึกทรมานมาก แต่ตอนนี้มีความรู้สึก เหมือนเห็นความหวัง แม้แต่เสียงของภูผาก็ค่อนข้างที่ จะสะอึกสะอื้นแล้ว
แต่พิงกี้กลับยังมีอีกหนึ่งคำถาม “ภูผา เรื่องที่นาย โทรหาพี่ จะบอกกับแม่นายมั้ย?”
ภูผาค่อนข้างจนปัญญา “นั่นก็เป็นแม่ของพี่เหมือน กันนะครับ”
“พี่ไม่มีแม่แบบนั้นหรอก” พิงกี้เชอะอย่างเย็นชาที
นึง
ตอนนี้พิงกี้ไม่คิดว่ามาลาตีเป็นแม่ของตัวเอง อย่า บอกว่าเป็นแม่เลย แม้แต่คนแปลกหน้าที่ไม่ทำร้ายซึ่ง กันและกัน และไม่ก่อกวนซึ่งกันและกันก็ยังสู้ไม่ได้ เลย ความสัมพันธ์ของเธอกับมาลาตีในชาตินี้ไม่มีทาง คลี่คลายได้แล้ว
.” ภูผารู้ว่าเกลี้ยกล่อมพิงกี้ไม่ได้ ก็ได้แต่ เงียบขรึมด้วยความอึดอัด
ที่จริงเขาก็รู้อย่างดี ถ้าเทียบกับความชั่วที่มาลาตี ทำกับพิงกี้ ตอนนี้พิงกี้ยังไม่ได้ลงมือจัดการกับตระกูล ดำรงกูลอีก ก็ถือว่าพิงกี้ใจกว้างมากแล้ว
ภูผาไม่ได้เกลี้ยกล่อมต่อ แต่แค่พูดอีกครั้งว่า “ขอบคุณมากครับ พี่พิงกี้”
หลังจากวางสาย พิงกี้อยากพูดคุยกับเควิน ใคร จะไปรู้ว่าเธอยังไม่ทันได้เปิดปากพูด จู่ๆผู้ชายที่อย่ด้านหลังก็กลายมาเป็นพายุที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เหมือนฝนฝนที่กระหน่ำลงมาจากฟ้า ปกคลุมเธออยู่ใน นั้น ไม่มีโอกาศได้หายใจเลยสักนิด
“เควินคะ..…….”
พิงกี้เรียกเสียงต่ำ แต่ไม่มีคนตอบเธอ
แววตาทั้งคู่ของเควินเยือกเย็นไว้ มือทั้งสองจับ เอวผอมบางของเธอไว้ เอาออกมากระทันหัน แล้วพุ่ง ชนเข้าไปที่ร่างกายเธออย่างโหด เหมือนอยากรั้งเธอ ไว้ข้างกายอย่างสิ้นเชิง ให้เธอไม่สามารถหนีไปอย่าง ตามใจชอบได้
ผ่านไปนานมาก
พิงกี้ครางจนเสียงใกล้จะแหบแห้งน้ำตาคลอเบ้า จนสายตาพร่ามัว ในขณะที่เธอใกล้จะทนรับไม่ไหว แล้ว ในที่สุดผู้ชายถึงได้ปลดปล่อยออกมาอย่างตัวสั่น ร่างกายหนักหน่วงทับอยู่บนตัวเธอ จนเกือบจะทับเธอ ตาย
“คุณลงไปเร็ว หนักจะตายอยู่แล้ว!” พิงกี้ขยับตัว ไปมา สิ่งที่แลกมาคือเควินกัดเข้าที่ไหล่ของเธอคำนึง
ได้ปลดปล่อยไปรอบนึง อย่างน้อยความหดหู่ใน ใจของเควินก็จางหายไปนิดนึงแล้ว “พิงกี้ นี่คณมีสมองหรือเปล่า เรื่องนี้ตรวจก็ไม่ตรวจสอบดูก่อนก็รับปากเลย คุณนึกว่าร่างกายคุณทําจากเหล็กหรือไง?
“คุณไม่เห็นด้วยที่ฉันจะบริจาคไขสันหลังให้ภูผา หรอคะ?” พิงกี้อึ้ง
เธอนึกว่าเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตแบบนี้ เธอ ไม่ต้องปรึกษากับเควิน เขาก็คงจะเข้าใจเธออยู่
“บนโลกนี้มีคนตั้งมากมาย ไม่ใช่มีเพียงคุณ เท่านั้นที่สามารถเข้ากับเขาได้ คุณรู้มั้ย? ตอนนี้ ร่างกายของคุณยังไม่ฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมเลย ผม ไม่อนุญาติให้คุณเสี่ยงและย่ำยีตัวเองแบบนี้ ผมจะหาผู้ บริจาคคนอื่นให้ภูผาเอง พวกคุณรออย่างสบายใจก็พอ แต่ผมไม่อนุญาติให้คุณคิดเองเออเอง คุณเข้าใจมั้ย?”
.” พิงกี้พยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”
ขอแค่สามารถหาคนที่บริจาคไขสันหลังให้ภูผา ได้ ที่จริงเธอก็ไม่อยากบริจาคเองหรอก ได้ยินมาว่าดูด ไขสันหลังมันเจ็บมากเลยนะ
นี่ไม่ถือว่าเธอผิดสัจจะหรอก
ถ้าหากทางฝั่งของเควินหาผู้บริจาคที่เข้ากับของ ภูผาไม่ได้ ถึงเวลาถ้าภูผามีความต้องการ เธอค่อยไป บริจาคก็ได้เหมือนกัน
อีกอย่าง………..
พิงกี้ลูบแผ่นหลังของเควินด้วยการปลอบโยน “ที่รัก คุณอย่าโกรธเลยนะคะ ที่จริงเป็นมะเร็งเม็ด เลือดขาวก็ต้องดูโชคด้วย พ่อแม่แท้ๆก็อาจจะเข้ากับ ไขสันหลังของภูผาไม่ได้เหมือนกัน พี่สาวอย่างฉันก็ยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่แน่ไขสันหลังของฉันอาจจะเข้ากับ เาไม่ได้ก็ได้นะคะ ถ้าถึงเวลานั้นยังต้องให้คุณ ของภูผา ช่วยเหลือเลยค่ะ
“อืม” เควินตอบด้วยเสียงหนักแน่น
ก็เพราะว่าเป็นห่วงจึงทำให้ความคิดวุ่นวาย ได้ยิน พิงกี้ไม่คำนึงถึงร่างกายของตัวเองขนาดนี้ปุ๊บเขา ก็โตมโหขึ้นมาเลย ก็ไม่ได้คิดถึงว่าจะเข้ากันได้หรือ เปล่าเลยด้วยซ้ำ?
พิงกี้ได้ถามภูผาแล้วว่าเรื่องที่เขาโทรหาเธอจะ บอกกับมาลาตีมั้ย แต่ภูผาไม่ได้ตอบอย่างชัดเจน เพื่อ ไม่เป็นการหาเรื่อง เธอเองก็ขี้เกียจโทรหามาลาตีแล้ว
ที่จริงเธอเองก็รู้อยู่ ถ้ามาลาตีไม่ได้ตามเป้าหมาย ล่ะก็ ยังไงก็ต้องมาหาเธออีกแน่นอน
เป็นอย่างที่คิดจริงๆซะด้วย
ไม่ถึงสองวัน มาลาตีก็โทรศัพท์มาอีกแล้ว
ครั้งนี้เธอไม่ได้วิ่งจากโรงพยาบาลมา
ถึงที่L.K.Crystal วิลล่า แต่ว่าได้โทรมาหา บอกว่า อยากให้พิงกี้ไปหาเธอที่โรงพยาบาลเที่ยวนึง จะได้ไม่ ต้องเจอสถานการณ์ที่ยากจะเปิดปากพูด ทำให้เธอมา เสียเที่ยวอีก
แต่ว่า ครั้งนี้มาลาตีก็ไม่ได้สบโอกาศอีก เพราะ หทัยรัตน์มาเที่ยวหาหลานที่วิลล่าอีกแล้ว แถมเธอยัง เป็นคนรับสายเองด้วย
พูดคุยกับหทัยรัตน์ไปสองคำ มาลาตีได้ยินว่าพิงกี้ กำลังยุ่งกับการเตรียมอาหารให้น้องแอ๊ปเปิ้ลอยู่ ทีนี้เธอ ก็ไม่กล้าบอกว่าให้พิงกี้รับสายแล้ว ได้แต่วางสายทิ้ง ด้วยความหดหู่
พอตกดึก มาลาตีก็ได้โทรมาอีก ทีนี้ถึงเป็นพิงกี้รับ
สาย
“พิงกี้ พรุ่งนี้แกมาหาฉันที่โรงพยาบาลหน่อย ฉัน มีเรื่องจะมอบหมายให้แก” เจออุปสรรคติดต่อกันครั้ง แล้วครั้งเล่า อย่าให้พูดเลยว่ามาลาตีโมโหแค่ไหน น้ำ เสียงที่พูดกับพิงกี้ก็ไม่ดีสักเท่าไหร่
“พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง” พิงกี้พูดด้วยความโกรธกลับ ไปใส่เธอ “คุณหาพยาบาลที่ชอบใจเองได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าคุณมีธุระก็มอบหมายให้พยาบาลที่คุณหามาเอง สิคะ แม้แต่ป้าจําปาที่ทำงานคล่องแคล่วอย่างนั้นคุณยัง รังเกียจ คนที่ขี้เกียจสันหลังยาวอย่างฉันช่วยอะไรคุณ ไม่ได้จริงๆค่ะ”
“แก นี่แกพูดแบบนี้ได้ยังไง ฉันเป็นของแม่แก เชียวนะ!” มาลาตีโมโหจะแย่ อ้าปากก็ด่าอย่างเดียว เลย “ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าแกอกตัญญูขนาดนี้ ตอนท้อง ฉันก็น่าจะทำแท้งให้แกตายๆไปซะ จะได้ไม่ต้องคลอด ออกมาทำให้ฉันเครียดตาย!”
“งั้นคุณก็ถือซะว่าคุณไม่เคยคลอดฉันออกมาสิคะ ขอแค่คุณยอมตัดใจไม่เอาเงินที่ฉันให้คุณทุกเดือน ขอ แค่คุณสามารถควักเงินจ่ายค่าจ้างพยาบาลส่วนตัวและ ค่ารักษาเอง งั้นคุณก็ไม่ต้องมานับฉันเป็นลูกเลย เพราะ คุณจะนับฉันเป็นลูกหรือไม่ ฉันก็ไม่แคร์อยู่แล้ว”
มาลาตี “
พูดแทงใจดำแบบนี้ ถึงมาลาตีจะโกรธเป็นฟืนเป็น ไฟยังไงก็ต้องอดกลั้นเอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องให้พิงกี้
ทําด้วย
ลูกสาวคนนึงอยู่อย่างไม่เป็นสุขก็ช่างมันไป แต่ ต่อไปยังไงเธอก็จะต้องฝากบั้นปลายชีวิตไว้กับภูผาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ ดังนั้นภูผาจะเป็นอะไร ไปไม่ได้เด็ดขาด
เพื่อภูผาแล้ว เธอก็ต้องทนให้ได้
“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ น้องชายแกเป็นมะเร็ง เม็ดเลือดขาว โรคนี้หมอที่อังกฤษได้วินิจฉัยแล้ว สถานการณ์ร้ายแรงมาก ตอนนี้เขาใกล้เรียนจบแล้ว รอเทอมนี้เขาเรียนจบก็จะกลับมาในประเทศ หลังจาก กลับมาแกก็รีบไปบริจาคไขสันหลังให้น้องชายแก ได้ยินหรือยัง?”
ใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง ทำให้ในใจของพิงกี้เกิด ความรู้สึกต่อต้านมาก “ขอแค่เป็นญาติพี่น้องก็ล้วนแต่ ไปตรวจได้ทั้งนั้น ทำไมคุณไม่ไปตรวจก่อนล่ะ ดันจะให้ ฉันไปตรวจก่อนทำไม?”
“ก็แกยังสาวยังแส้ ก็ต้องแกไปตรวจก่อนอยู่แล้
วน่ะสิ!”
มาลาตีคิดไว้อย่างเรียบร้อยหมดแล้ว
ถ้าไขสันหลังของพิงกี้ตรงตามข้อเรียกร้อง งั้นก็ ต้องให้พิงกี้ไปบริจาคอยู่แล้ว!
ถึงแม้บริจาคไขสันหลังไม่ได้มีผลกระทบต่อ ร่างกายมากนัก แต่เธออายปนนี้แล้ว ก็ไม่อยากทรมานร่างกายตัวเองเหมือนกัน เรื่องนี้ถ้าสามารถให้คนอื่น ทําได้ เธอก็จะไม่ไปทําด้วยตัวเองเด็ดขาด
เพราะฉะนั้น ตัวเลือกคนแรกที่มาลาตีคิดได้ก็คือ พิงกี้ ถ้าของพิงกี้เข้ากับภูผาไม่ได้ เธอถึงพิจารณาให้ ตัวเองกับชาตรีมาบริจาคเอง
กลัวพิงกี้จะไม่เห็นด้วย มาลาตีพยายามข่มขู่อย่าง ไม่ลดละ “ภูผาเป็นน้องชายแท้ๆของแกเชียวนะ เมื่อ ก่อนแกไม่สนใจความเป็นความตายของลิสาฉันก็ไม่ ว่าแกแล้ว แต่ถ้าแกยังทนเห็นน้องชายแกตายก็ไม่ยอม ช่วยเหลือล่ะก็ ฉันจะให้คนทั้งโลกรู้สันดานของแกไป เลย คอยดูซิว่าแกยังจะมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อมั้ย?!
“คุณคิดว่าฉันจะกลัวงั้นหรอ?” พิงกี้หัวเราะเยาะ ทีนึง “ฉันจะบอกคุณให้นะ ชื่อเสียงของฉันถูกคุณทำ จนเน่าเสียไปตั้งนานแล้ว ฉันไม่กลัวคุณจะทำให้ชื่อ เสียงฉันเน่าไปกว่านี้หรอกนะคะ! ตอนนี้ฉันมีคุณเค วินให้ท้ายอยู่ คุณคิดว่ายังจะมีใครที่ตาบอดกล้ามาใส่ อารมณ์กับฉันอีก?”
“นี่แก…….….
มาลาตีโมโหจนอยากจะด่าฉอดๆๆ แต่กลับถูกพิง กี้พูดดักหน้าก่อน “คุณก็อย่ามาวางมาดเป็นอาวุโส ต่อหน้าฉันให้มากหน่อยเลย ฉันจะบอกคุณนะมาลาตี ตอนนี้ฉันแค่สงสารคณถึงได้รับภาระชีวิตของคุณเอาไว้ ตอนนี้คุณทำให้ฉันอารมณ์เสีย ค่ารักษาของเดือนนี้ คุณก็คิดหาวิธีเอาเองเถอะ!”
พอพูดจบ พิงกี้ก็ “ป๊าบ” วางสายลงและดึงสาย โทรศัพท์บ้านทิ้งโดยตรง
ในมือถือของเธอก็ได้บล็อกเบอร์ของมาลาตีด้วย
กับมาลาตีที่หน้าด้านไร้ยางอาย ได้คืบจะเอาศอก เธอไม่มีเวลาเยอะขนาดนั้นไปรับมือหรอก รับมือแล้ว เธอยังรู้สึกทำให้อารมณ์ตัวเองเสียไปด้วยแน่ะ
ให้บทเรียนกับมาลาตีหน่อย ดูซิว่าต่อไปเธอยังจะ กล้าทำแบบนี้อีกไหม
พิงกี้เป็นคนพูดจาง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะยอมได้ทุก
อย่างนะ
มาลาตีทำผิดต่อหน้าเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอพูด
ได้ก็ทำได้เช่นกัน เธอจึงหยุดจ่ายค่ารักษาของมาลาตี
ทุกอย่าง
ค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลและอื่นๆ
ที่โรงพยาบาลยังมีเงินค่ารักษาเหลืออยู่ แต่เงินที่เหลืออยู่ในบัญชีนี้มากสุดก็ใช้ได้อีกแค่สามวัน วันที่ สองพยาบาลก็มาหามาลาแล้ว
“คุณมาลาตีคะ เงินที่เหลืออยู่ในบัญชีของคุณ ใกล้จะใช้หมดแล้วค่ะ ห้องที่คุณพักคือห้องV.I.P ค่า ห้องในแต่ละวันก็หลายพันบาท เอ่อ….วันนี้คุณโอนเงิน เข้าไปในบัญชีก่อนได้มั้ยคะ?”
ปกติเรื่องพวกนี้พายุเป็นคนจัดการหมด ตอนที่เงิน ยังใช้ไม่หมด พายุก็จะโอนเงินเข้ามาล่วงหน้าก่อนแล้ว ไม่ต้องให้พยาบาลมาเร่งรัด ครั้งนี้พายุไม่ได้โอนเงินเข้า มา ถึงแม้โรงพยาบาลก็รู้สึกแปลกใจอยู่ แต่พอถึงเวลา ที่ยืดเยื้อไม่ได้อีก ก็ไม่ส่งคนมาถามดูไม่ได้แล้ว
ใบหน้าของมาลาตีบูดบึ้งขึ้นมาทันที “ในบัญชีฉัน ไม่มีเงินแล้วหรอ?
“ใช่ค่ะ”
“ไม่มีเงินแล้วคุณมาหาฉันทำไม หรือว่ายังจะ ต้องให้ฉันที่เป็นคนป่วยไปกดเงินที่ธนาคารให้คุณ โทรหา โดยเฉพาะงั้นหรอ? ฉันให้เบอร์โทรกับคุณ คุณโ ลูกสาวฉันโดยตรงเลย บอกให้เธอโอนเงินให้ฉันเดี๋ยวนี้ เลย” มาลาตีมีที่พึ่งจึงไม่เกรงกลัวอะไร
เธอไม่เชื่อว่าคนที่เอาหน้าหน้าตาอย่างพิงกี้ หลัง จากทางโรงพยาบาลโทรหาเธอแล้ว เธอจะไม่ยอมโอนเงินมา!
“คุณมาลาตีคะ ถ้าคุณสะดวกล่ะก็ คุณโทรหาพ คุณพิงกี้เองดีกว่าค่ะ เพราะยังไงซะนี่ก็เป็นทางบ้านของ คุณ” พยาบาลไม่โง่ถึงขั้นตกเป็นเครื่องมือให้คนอื่น หลอกใช้หรอก
“ทำไมดันจะต้องให้ฉันโทรเองด้วย คุณโทรไม่ได้ หรือไง? ถ้าคุณไม่ติดต่อพิงกี้ งั้นตอนที่เงินในบัญชีหมด คุณก็ไม่ต้องมาหาฉันนะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนคุณก็ แล้วกัน ถึงเวลาคุณก็ต้องโทรหาลูกสาวฉันอยู่ดีแหละ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ