บทที่357: แข็งมาสามชั่วโมง
วันนั้นจอยถูกเฆี่ยนไปรอบนึง บาดแผลบนร่างกาย ยังไม่หายดี ยังมาเจอสถานการณ์แบบนี้อีก เกรงว่าคง เสียชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วมั้ง? แต่ไม่รู้เพราะอะไร พิงกี้มีเซ้นส์รู้สึกว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างนั้น
ยังมีอีก วิโรจน์บอกมีสองคนอยู่ห้องใต้ดิน เพราะ อะไร?
ดึกป่านนี้ มีเรื่องด่วนอะไรที่ต้องไปจัดการที่ห้อง ใต้ดิน? นี่ก็เป็นจุดน่าสงสัยจุดนึง!
พิงกี้คิดหาคำตอบออกมาไม่ได้ วิโรจน์นึกว่าเธอ ขมวดคิ้วเพราะทำใจไม่ได้ จึงแตะที่ไหล่เธอเบาๆ “คุณ วางใจเถอะครับ เพวกเราจะพยายามช่วยอย่างสุดความ สามารถเลยครับ”
“ค่ะ พวกคุณก็ต้องระมัดระวังด้วยนะคะ” พิงกี้ทิ้ง ความสงสัยไปข้างหลังก่อน และพูดด้วยรอยยิ้ม
วิโรจน์งานยุ่งมาก แค่พูดคำนี้คำเดียว ก็ได้เรียก นักดับเพลิงมาคนนึง ให้เขาพาเควินกับพิงกี้ไปถามว่า มาลาตีพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไหน จากนั้นตัวเอง ก็ได้สวมหมวกดับเพลิงไปสั่งการต่ออีก
หลังจากสอบถามว่ามาลาตีพักอยู่ที่โรงพยาบาล ไหนด้วยความเร่งรีบ พิงกี้กับเควินก็รีบเดินทางไปที่โรง พยาบาลต่อ
เควินร่างกายแข็งแรง สามารถทนความเหนื่อย ล้าได้ พิงกี้คืนนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆ หลังจากคลอดน้อง แอ๊ปเปิ้ลร่างกายก็ค่อนข้างอ่อนแอ อดทนไปสองชั่วโมง ก็ไม่ไหวแล้ว
เธอปวดหัวและซบที่ไหล่ของเควิน หลับตาพักผ่อน ไม่นานก็หลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถได้จอดนิ่งที่หน้าโรง พยาบาลMD
พิงกี้ยังหลับสนิทอยู่ ไม่ถูกกระทบเลยแม้แต่น้อย
รังสิตหันหน้ามามองเควินที่อยู่เบาะนั่งหลัง และ ถามเสียงเบาๆ “คุณเควินครับ จะลงรถจากมั้ยครับ?”
“ยังไม่ต้อง” เควินส่ายหัวเบาๆ “นายลองไปดู สถานการณ์ก่อน
“ครับ” รังสิตพยักหน้า
รังสิตท่าทางว่องไว โดดลงจากรถเหมือนเสือชีตาร์ เดินขึ้นบันไดด้วยความรวดเร็ว ไม่นานร่างเงาของเขาก็ได้หายสาบสูญไปจากหน้าโรงพยาบาล
เควินหันหน้ามามองพิงกี้ที่อยู่ข้างกายเบาๆ แววตา มีความเอ็นดูที่อ่อนโยนโผล่มา พยุงศีรษะเธอไว้ให้เธอ หลับสบายกว่านี้ ไม่คิดจะปลุกเธอตื่นเลยแม้แต่น้อย
ถ้ามาลาตีฟื้นแล้ว งั้นก็ลงไปดูหน่อย
ถ้ามาลาตียังสลบอยู่ งั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ โรง พยาบาลมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และไม่มีที่พักผ่อน สู้ให้ พิงกี้หลับอยู่ที่นี่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วย
ไม่นาน รังสิตก็ได้ส่งข้อความมา
รังสิตก็ถือว่าฉลาด รู้ว่าพิงกี้หลับอยู่ ถ้าโทรศัพท์ จะรบกวนพิงกี้ ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนมาส่งข้อความแทน
แต่ที่รังสิตไม่รู้คือ ก่อนที่เขาจะลงจากรถ ตอนที่ พิงกี้เพิ่งหลับไป เควินก็ได้คำนึงถึงแล้ว ไม่อยากให้คน อื่นมารบกวนพิงกี้ เขาได้ปรับโทรศัพท์เป็นโหมดเงียบ ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว
ปลดล็อคมือถือ เควินเห็นข้อความรู้ว่ามาลาตียังไม่ ฟื้น เลยให้รังสิตเฝ้าที่โรงพยาบาล ตัวเองก็เฝ้าผู้หญิง ของตัวเอง
พิงกี้ไม่ได้หลับไปนานเท่าไหร่ เพราะมีเรื่องอยู่ในใจ หลังจากสิบกว่านาทีเธอก็ตื่นแล้ว
“เราถึงแล้วหรอคะ?” มองดูสีของท้องฟ้านอก กระจกรถยังไม่เปลี่ยน พิงกี้ถึงดึงสติกลับมาได้
“ใช่” เควินตอบ และพูดต่อว่า “ผมให้รังสิตไปดู สถานการณ์ เขาบอกว่ามาลาตียังไม่ฟื้น คุณไปก็ไม่มี ประโยชน์หรอก ผมก็เลยไม่ปลุกคุณ”
“ฉันรู้ค่ะ” เงยหน้าจูบที่ริมฝีปากของผู้ชายที่นึง เพื่อเป็นการตบรางวัล พิงกี้ยิ้มละไม “ฉันรู้ว่าคุณสามี ของฉันดีกับฉันที่สุดเลย
เควินเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “มีเรื่องอะไรจะขอร้อง ผมอีก?”
พิงกี้หน้าแดง ก็ไม่ได้เก้อเขินอะไร เธอพูดอย่าง ตรงไปตรงมา “คุณเควิน เป็นพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ จะกระทบกับสมองได้ ถ้าหนักอาจจะถึงขั้นเป็นเอ๋อได้ ดนัยเป็นหมอเฉพาะทางด้านระบบประสาท คุณให้เขา มาช่วยดูหน่อยได้มั้ยคะ?”
เควินไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับถามว่า“ให้เขามาใช่ ว่าจะไม่ได้ แต่เมื่อก่อนมาลาตีไม่ได้ดีกับคุณเลย แม้ กระทั่งยังวางแผนทำร้ายคุณจนนับครั้งไม่ถ้วน คุณทำ เพื่อเธอแบบนี้มันคุ้มหรอ? ”
“ฉันไม่ได้ร้อนรนใจเพื่อเธอ แต่ฉันทำไม่ได้ที่จะ เฝ้าดูอย่างนิ่งดูดาย ช่วยเหลือเธอก็ถือว่าให้ตัวเองได้ รู้สึกสบายใจมั้งคะ” พิงกี้คิดๆแล้วพูด
เธอก็จนปัญญามาก
ที่จริง เธอรู้สึกตัวเองไม่ได้ถือว่าเป็นคนดีเลย ใจแคบเป็น เจ้าคิดเจ้าแค้นเป็น เกลียดชังเป็น แต่ยังไง ซะมาลาตีก็เป็นแม่แท้ๆของเธอ ภายใต้สถานการณ์ที่ เธอสามารถช่วยเหลือได้ ถ้าไม่แยแสมาลาตีเลย แบบ นั้นมันก็เลือดเย็นเกินไป
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าเธอเย็นชาไร้ความ เมตตากับมาลาตี งั้นไม่เท่ากับว่าตัวเองก็กลายเป็นคน แบบเดียวกันกับชาตรีและมาลาตีหรือ?
เธอไม่อยากเป็นคนแบบเดียวกันกับพวกเขา
“ได้ ผมจะบอกดนัยเอง ” เควินตอบ
“ขอบคุณนะคะ คุณเควิน”
เควิน “
ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ในใจรู้สึกจนปัญญามาก
ตอนที่ต้องการใช้งานเขาก็เรียกคณสามีสุดที่รักพอใช้งานเสร็จก็…….คุณเควิน!
หลังจากรู้สถานการณ์ของมาลาตีแล้ว พิงกี้ก็ไม่ ได้รีบร้อนขนาดนั้นแล้ว เพราะยังไงซะมาลาตีก็ยังพัก รักษาตัวอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน เธอรีบร้อนพุ่งเข้าไปในโรง พยาบาลก็ไม่เจอคน สิ่งที่ทำได้ก็รออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด
พอผ่อนคลายลงมา ก็รู้สึกความง่วงคืบคลานเข้า มาหา เควินเขยิบไปใกล้กับประตูรถ ให้เธอนอนหนุนตัก เขา และกล่อมเธอนอน
เพียงแต่ เวลาเธอนอนกลับนอนไม่นิ่ง ชอบขยับไป มาศีรษะยิ่งอยู่ใกล้เข้าไปที่หน้าท้องของผู้ชาย เหมือน กับว่าที่นี่จะอบอุ่นเป็นพิเศษ ใบหน้ายังได้ถูไปมาเหมือน แมวน้อยตัวนึง
เควิน “ ……………”
ก้มหน้าดู ริมฝีปากอมชมพูของผู้หญิงกำลังจ่ออยู่ ที่หน้าท้องของเขา ถ้ามาข้างหน้าอีกนิด ลงข้างล่างอีก หน่อย ก็แตะโดนตรงนั้นของเขาแล้ว
พริบตาเดียว ไฟได้ปะทุขึ้นมาทั่วร่างกาย ทำให้ เขาเกิดอารมณ์ขึ้นมา
พิงกี้นอนอย่างสะลึมสะลือ รู้สึกที่แก้มถูกของแข็ง ยันเอาไว้ รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก
รําคาญมาก เธอยื่นกรงเล็บออกมาเขี่ยไปมา อยากเขียของสิ่งนี้ออก เพื่อจะได้นอนได้สบายขึ้น แต่ ไม่ว่าศีรษะเธอขยับยังไง ก็หลบของเกลียดชังสิ่งนี้ไม่ พ้นสักที
สุดท้ายเธอทั้งเหนื่อยทั้งรีบร้อน ยื่นมือไปกดตรง นั้นไว้โดยตรง ใบหน้าแนบอยู่ที่หลังมือของตัวเอง ทีนี้ ถึงได้สบายขึ้นเสียที เธอถึงเม้มปากด้วยความรื่นรมย์ และหลับต่อไป
เควิน “ ….……
มองดูน้องชายของตัวเองที่ถูกพิงกี้กดทับเอาไว้ ร่างกายร้อนระอุ คลื่นร้อนในโลหิตได้ซัดเข้ามาเป็นระ ลอกๆ แววตาที่ดำเข้มของเขาเหมือนทะเลใต้แสงจันทร์ คลื่นลมถาโถมและขึ้นๆลงๆต่างก็ถูกปกคลุมอยู่ภายใต้ ความมืดสงัด
เขาอยากจัดการสาวน้อยที่กระตุ้นอารมณ์เขา มาก แต่สุดท้ายก็ได้แค่หายใจลึกๆทีนึง หลับตาลงแล้ว ปล่อยให้ความคิดว่างเปล่า
ถึงเขาจะเลือดสูบฉีดจนอารมณ์พลุ่งพล่านแค่ไหน ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา
ตัวเองทุกข์ทรมานหน่อยก็ทนเอาไว้หน่อยก็แล้ว
กัน
พิงกี้ถูกปลุกตื่นขึ้นมาจากการหลับลึก ลืมตาขึ้นมา ก็รู้สึกคอของตัวเองปวดเมื่อยมาก ของที่ทับไว้ใต้มือก็ ไม่รู้ว่าเป็นของอะไร กระตุกอยู่นั่นแหละแปลกจริงๆเลย
สมองยังพลิกความคิดกลับมาไม่ได้ เธอก็มีความ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นสัตว์น้อยตัวนึงที่ถูกสัตว์ป่า ดุร้ายจ้องมองไว้ เธอรู้สึกตื่นตระหนกตกเล็กน้อย
เงยหน้าดูปุ๊บ เธอก็เผชิญกับดวงตาดำเข้มของ
ผู้ชาย
“เป็น….เป็นอะไรไปคะ?” เพิ่งนอนตื่น พูดจาก็ยัง
ไม่ค่อยคล่องแคล่วซะแล้ว
เควินเข้าใจคำพูดของเธอ
เธอไม่ได้ถามว่าปลุกเธอตื่นทำไม แต่ถามว่าทำไม เขาถึงจ้องมองเธออย่างนี้
“ปากคุณจ่ออยู่ที่น้องชายของผมตลอด มือยัง จับมันไว้ตลอด คุณคิดว่าผมยังจะดีได้อีกหรอ?” เควิน ย้อนถาม และแถลงด้วยความเคร่งขรึมและจนปัญญา“คุณนอนมาสามชั่วโมง ผมก็แข็งเพื่อคุณมาสาม ชั่วโมง!”
พิงกี้ “….…….”
เธออึ้งจนตาค้าง
สามชั่วโมง ทำไมนานขนาดนี้.……..……..
ที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้แข็งกร้าวมาก ตอนที่อยาก เอา ถึงเธอร้องไห้อ้อนวอนบอกว่าไม่เอา เขาก็จะคิดแค่ ว่าเธอปากอย่างใจอย่าง จะเอาๆๆอยู่นั่นแหละ ถึงขั้นที่ สามารถทำจนเธอสลบไปเลย
ครั้งนี้สามารถอดทนได้ขนาดนี้ เพราะเป็นห่วงเธอ อารมณ์ไม่ดีมั้ง?
ว่าไปแล้ว ท่านประธานของเธอก็เป็นคนเอาใจใส่ เหมือนกันนะเนี่ย
สบตากับผู้ชายที่สีหน้าอาฆาตแค้นอย่างอึ้งไปสอง วินาที พิงกี้กระแอมสองทีและเปลี่ยนประเด็นอย่างไว “ใช่แล้ว คุณเควินคะ ที่คุณเรียกฉันตื่น เป็นเพราะว่า มาลาตีออกจากห้องผ่าตัดแล้วหรอคะ?
(( .” เควินจ้องมองเธอทีนึง ในที่สุดก็ยอม ปล่อยเธอ “ใช่”
“งั้นเราไปดูหน่อยเถอะค่ะ”
“ได้ครับ”
พิงกี้โล่งอกไปที
เธอโดดลงมารอที่นอกรถ เควินยังอยู่ข้างในอีก ประมาณสิบนาทีถึงออกมา
เธอหันไปมองอย่างงงงวย เขากวาดสายตาเย็นชา มา “ถ้าคุณคึกคะนองมาสามชั่วโมง สามารถอ่อนลงไป ภายในหนึ่งนาทีหรอ?”
พิงกี้ “
เธอยอมแพ้แล้ว!
มาถึงที่ห้องผู้ป่วย พิงกี้ได้ถามหมอโดยตรง “คุณ หมอคะ อาการคนไข้เป็นยังไงบ้างคะ?”
คุณหมอท่านนี้ชื่อสรยุทธ ก็เป็นหมอมีชื่อเสียงระ ดับต้นๆของโรงพยาบาลเหมือนกัน
ไม่ใช่ว่าเควินไม่ช่วยติดต่อกับดนัย แต่ว่าไม่ บังเอิญเลย ตอนนี้ดนัยยังอยู่ต่างประเทศ ภายในระยะเวลาอันสั้นคงยังไม่กลับมา แต่อาการของมาลาตีจะเสีย เวลาไม่ได้อีก พิงกี้ก็ไม่ได้ฝืน ในเมื่อเธอเองก็ได้ทุ่มเท อย่างเต็มความสามารถแล้วก็ไม่รู้สึกเสียใจแล้ว
ได้ยินที่พิงกี้ถาม คุณหมอสรยุทธส่ายหัว “คนไข้ เป็นพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ระดับปานกลางถึงระดับ รุนแรง อาการไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังจากผ่านการรักษา อย่างเร่งด่วน ตอนนี้อาการดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ราย ละเอียดต้องรอให้เธอตื่นแล้วค่อยดูอีกทีครับ
“สามารถฟื้นขึ้นมามั้ยคะ?” พิงกี้รีบถาม
“ถ้าไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายล่ะก็ สามารถฟื้นขึ้นมาได้ครับ เพียงแต่ไม่สามารถรับประกัน อาการของคนไข้ได้ครับ” คุณหมอสรยุทธอธิบาย “เป็นพิษคาร์บอนมอนอกไซด์มีระดับเบาระดับปาน กลางแบะดับรับรุนแรง ดูจากอาการของคนไข้น่าจะ เป็นพิษระหว่างระดับปานกลางถึงระดับรุนแรงครับ คนไข้ที่เป็นพิษในระดับนี้จะเกิดภาวะความจำเสื่อม สติปัญญาต่ำลง กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่อยู่ คนที่ อาการรุนแรงร่างกายบางส่วนจะเป็นอัมพาต หรือแม้ กระทั่งอาจจะเป็นเอ๋อได้ครับ”
“แล้วสามารถรักษาหายมั้ยคะ?”
“ต้องดูอาการหลังจากคนไข้ฟื้นก่อนครับ ถ้าอา การโอเค อาจจะสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ดีครับ”
พิงกี้ “
เพราะฉะนั้น เธอไม่ค่อยอยากคุยกับหมอก็เพราะ แบบนี้แหละ
อะไรก็อาจจะเป็นไปได้ อะไรก็ไม่แน่ใจ…….หรือ ว่ายังต้องให้เธอค้นคว้าสาเหตุของอาการด้วยตัวเอง ถึง จะสามารถรู้ความรุนแรงของเรื่องได้งั้นหรอ? พิงกี้ไม่ ค่อยพอใจเล็กน้อย
เธอมีอารมณ์ยังไง แค่ขมวดคิ้ว เควินก็พบเห็นแล้ว
“อาการยังไงคุณพูดมาตรงๆดีกว่า ไม่ต้องมา อ้อมค้อม นี่ไม่ใช่สอบฟังภาษาอังกฤษสักหน่อย และไม่ ต้องกลัวด้วย ผมไม่หาคนมาตีคุณสักหน่อย” เควินพูด บางเบา
คุณหมอสรยุทธไหล่ห้อยลงมา
เขาก็คือกลัวจะมีปัญหาทางการแพทย์เนี่ยแหละ! หมอก็เป็นคนเหมือนกัน และกลัวเจ็บเหมือนกัน ภายใต้ ความพยายามสุดความสามารถและไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่อยากถูกญาติของคนไข้ที่ไม่มีคราบความเป็นคน และไม่มีเหตุผลมารังแกเหมือนกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น……….คนที่ตรงหน้าคนนี้ก็ขัดใจไม่ ได้เด็ดขาดด้วย
แต่ว่า เควินเองก็ได้กำชับแล้ว เขาก็ไม่กล้าพูดจา อ้อมค้อมอีก จึงได้พูดออกมาตรงๆ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ