บทที่342: ไปร่วมงานเลี้ยง
ลุงกิตติได้โทรหาเควินต่อหน้าหทัยรัตน์โดยตรง และเปิดจําโพงด้วย
หลังจากลุงกิตติวางสาย หทัยรัตน์ก็รู้เลยว่าเควิน ต้องพาพิงกี้มาร่วมงานแน่นอน
ลุงกิตติรู้สึกกังวลและไม่สบายใจ เพราะเขารู้ว่าหทัย รัตน์ไม่ชอบพิงกี้ที่เกิดมาในตระกูลดำรงกูล แต่กลับเร่ร่อน พเนจรอยู่ข้างนอกมาสิบกว่าปี เห็นวันๆเอาแต่บ่นว่าเควิน ไม่มีแวว ถึงได้ไปชอบผู้หญิงที่ไร้การศึกษาอย่างนั้น
ครั้งนี้ เขากลัวหทัยรัตน์จะอารมณ์ขึ้นเพราะเหตุนี้อีก ถึงขึ้นให้พิงกี้ตกที่นั่งลำบากในงาน
ไม่ไว้หน้าพิงกี้ นั่นก็เท่ากับว่าไม่ไว้หน้าคุณเควิน ความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้……..เฮ้อ~คิดแล้วก็ปวดหัว
ลุงกิตติถอนหายใจลับๆที่นึง
แต่แล้ว สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ หทัยรัตน์แค่ พึมพำเสียงต่ำว่า “ไม่นึกเลยว่าจะพาผู้หญิงคนนั้นมาจริงๆ ด้วย ดูท่าแล้วคงจะชอบเธอจริงๆ
พอพูดจบ เธอไม่ได้พูดประเด็นนี้ต่อ เพียงแค่ถามว่า “กิตติ แล้วของว่างของพรุ่งนี้เตรียมไปถึงไหนแล้ว ปลาแซลมอนและอาหารอย่างอื่นที่ขนส่งมาทางอากาศมาครบ หมดหรือยัง?”
“มาหมดแล้วครับ ได้เตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”
นาทีนี้พิงกี้กำลังทำSPAอยู่ เพื่อเตรียมพร้อมกับงาน ของวันพรุ่งนี้
ยังไงซะก็เป็นการเจอหน้ากันครั้งแรกกับครอบครัว ของตระกูลภิรมย์ภักดี ไม่ว่าตระกูลภิรมย์ภักดีจะชอบเธอ หรือต่อต้านเธอ เธอก็ต้องใช้สภาพหน้าตาที่ดีที่สุดไป รับมือ ตั้งแต่ผ่านการรักใคร่นัวเนียของเมื่อวานมา เธอก็ยืน กรานจากใจแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันกับเควิน และมีความคิดที่ จะไม่แยกจากกันชั่วนิรันดร์
ก็เหมือนที่เขาพูดเอาไว้ว่าชาตินี้เขาเป็นของเธอ ถ้า เธอไม่ก็โง่แล้ว
เดิมทีเควินบอกจะมาเป็นเพื่อนเธอ แต่เธอได้ปฏิเสธ เขาไป
ถึงจะมีใจให้กันทั้งคู่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันทั้ง วันก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น คิดว่าเธอไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายกลัวได้เดินช็อปปิ้งกับและเสริมสวยกับผู้หญิงที่สุด?
แน่นอน เธอก็ไม่ยอมให้เขามารอเธอแบบนี้หรอก เธอไม่ชอบความรู้สึกตื่นเต้นแบบนั้นที่ถูกคนรอคอย แถม ยังต้องคอยห่วงอารมณ์ของคนที่รอคอยอยู่ทุกวินาที ตัว เองก็รู้สึกเกรงใจด้วย
ไม่ได้เจอน้ำหวานมานาน พิงกี้โทรเรียกให้น้ำหวาน มา และไล่ท่านประธานใหญ่ที่จิตใจเร่าร้อนกลับ
ผิวพรรณที่ขาวเนียนละเอียดถูกนวดด้วยน้ำมันหอม ระเหย กลิ่นหอมอ่อนๆอบอวลอยู่ในห้องที่กว้างสบาย รู้สึก ผ่อนคลายมาก
ที่คือโรงแรมในเครือของเควิน เพื่อประจบว่าที่ภรรยา ของท่านประธาน ทุกคนต่างก็บริการเธอย่างสุดความ สามารถ
หมอนวดๆได้สบายมาก จนพิงกี้เริ่มจะเคลิ้มหลับไป แต่ว่าเพราะอยู่ในที่ๆไม่คุ้นเคย สติของเธอก็ยังตื่นตัวอยู่
พอแผ่นมาร์คหน้าถูกแกะออก เธอก็อดคุยกับน้ำ หวานที่อยู่ข้างกายไม่ได้ “น้ำหวาน เธอไม่ได้ติดต่อฉันมา เดือนกว่าเลยนะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ได้ไปเที่ยวที่ไหนมา อีก ฮะ?”
“ก็ได้ไปที่ไอซ์แลนด์ แต่ได้อยู่ที่นั่นแค่เดือนเดียว เอง ที่นั่นสวยมาก ฉันยังเที่ยวไม่เบื่อเลยอ่ะ” เสียงของ น้ำหวานถอดถอนใจมาก “ครึ่งปีมานี้เราไปมาหลายที่มาก แต่ดุสิตชอบอเมริกามากที่สุด เขาชอบพาฉันไปที่อเมริกา อยู่เป็นประจํา รู้สึกเหมือนเขาจะมีความสัมพันธ์ดีกับที่ นั่นมากเลย แต่ฉันไม่ค่อยชอบอเมริกา ชอบไอซ์แลนด์ มากกว่า ตอนที่ฉันใส่หูฟังและมองวิวที่นั่น เหมือนโลกทั้ง ใบเป็นของฉันคนเดียวเลย
“ในเมื่อชอบที่นั่นมาก ทำไมเธอถึงกลับมาแล้วล่ะ? เธอกับดุสิตไม่ใช่ต่างก็อิสระและเที่ยวเตร่
อยู่ข้างนอกทั้งวันหรอ?” พิงกี้หันหน้ามองไปที่เธอ ด้วยความงงงวย
ช่วงครึ่งปีมานี้ เธอได้เจอหน้าน้ำหวานน้อยมาก ว่า ไปแล้วสาเหตุก็เพราะวันๆน้ำหวานไปน่นไปนี่กับดุสิต ตลอด
ก่อนหน้านั้นน้ำหวานพูดตลอดว่าอยากเที่ยวรอบโลก ตอนนี้ดุสิตถือว่ากำลังทำให้เธอได้สมปรานารถกับสิ่งที่ หวังอยู่
พูดตามตรง พิงกี้อิจฉาเธอมาก
น้ำหวานยิ้มละไม “ก็เพราะดุสิตน่ะสิ!
“เพราะเขา?”
“คงจะเพราะยืนของเขาแข็งแร็งเกิน เราสองคนสวม ถุงแล้วยังท้องป่องได้อีก ดังนั้นฉันก็เลยต้องกลับมาฝาก ครรภ์แต่โดยดีไง
” พิงกี้ตาค้าง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเพราะ เรื่องนี้ “เธอท้องอีกแล้วหรอเนี่ย?”
ก่อนหน้านั้นน้ำหวานเสียลูกคนนั้นไป เธอเสียใจและ เจ็บปวดใจมาก แต่ตอนนี้ฟ้าได้ประทานลูกให้เธออีกแล้ว
“ใช่” น้ำหวานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ครั้งนี้ ฉันจะ ไม่ทำให้ลูกในท้องของฉันผิดหวังอีกแล้ว”
ซินดี้ก็ยังไม่ยอมตายใจสักที ยังตามตื้อดุสิตอยู่ตลอด คนในครอบครัวของดุสิตก็ไม่ยอมรับลูกสะใภ้บ้านๆอย่าง เธอ ระหว่างเธอกับดุสิตยังมีปัญหามากมาย………..แต่ว่า แล้วจะทํายังไงได้ล่ะ?
ครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆเด็ดขาด
น้ำหวานหลุบตาลง พิงกี้รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเธอ “ทำไม ระหว่างเธอกับดุสิตยังมีปัญหาที่ยังไม่ ได้แก้ไขอีกหรอ?”
“ยังจะปัญหาอะไรได้อีกล่ะ ก็เรื่องของแฟนเก่าเขา น่ะสิ”
พิงกี้ไม่ได้มีความรู้สึกดีกับซินดีเลย ตอนนี้เห็นเพื่อน ของตัวเองรักกลุ้มใจ อดบ่นแทนน้ำหวานไม่ได้
น้ำหวานฟังอย่างเงียบๆ ในที่ๆพิงกี้มองไม่ห์น ดวงตา ของเธอชุ่มด้วยน้ำตา
ถ้าเพียงเพราะแค่นี้ก็ดีแล้วสิ!
วันถัดมา
เวลาใกล้ค่ำ พิงกี้ได้เข้าบ้านภิรมย์ภักดีพร้อมกับเควิน
วันนี้คือวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของคุณหญิงท่าน มีผู้คนมากมายมาอวยพรวันเกิด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ รับการ์ดเชิญ คนที่ได้รับการ์ดเชิญก็ใช่ว่าจะสามารถขับ รถเข้ามาในบ้านภิรมย์ภักดีได้ เพราะเหตุนี้ รถคันนี้ถึงได้ ดึงดูดสายตาของผู้คนมาก
ถึงกระจกรถปิดอยู่ พิงกี้ก็สามารถรู้สึกได้ถึงสายตาที่ มองมาด้วยความอิจฉา
รถมายบัคสีดำได้จอดลงที่หน้าบ้านตึกหลักของบ้าน ภิรมย์ภักดี เควินได้ลงจากรถก่อนแล้วค่อยยื่นมือไปที่พิงกี้ แววตาที่หนักแน่นเต็มไปด้วยความอ็นดู “คุณผู้หญิงครับ เชิญลงจากรถได้ครับ วันนี้ผมจะปกป้องคุณเอง
หนึ่งประโยคแต่สองความหมาย
อยู่ที่นี่เขาจะปกป้องเธอเอง คืนนี้เขาก็จะปกป้องเธอ
ด้วย
“ค่ะ” พิงกี้ตอบเสียงต่ำ และเอามือเรียวเล็กยื่นไปที่ ฝ่ามือใหญ่ของเขา
เดินเข้ามาในงานเลี้ยงที่คึกคักสนุกสนาน เพราะการ ปรากฏตัวของเควินกับพิงกี้ ในงานได้เงียบสงบลงมา แต่ ไม่นานความเงียบนี้ก็ถูกเสียงที่ดังกว่ามาแทนที่
“สวัสดีครับคุณเควิน ผมคือสมคิดประธานของF.S กรุ๊ปครับ ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณเควินมาแล้วครับ
“คุณเควินยังดูดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ
ครับ”
เผชิญกับการทักทายที่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เควิน พยักหน้าด้วยความใจเย็นและหนักแน่น แต่กลับไม่มีทีท่า จะตอบกลับ
เขาที่ผ่านมาเป็นคนที่สีหน้าและจิตใจเย็นชา ก็ไม่มี คนรู้สึกว่าถูกเมินเฉยใส่
จนกว่ามีคนๆนึงขึ้นมาพูดว่า “คุณเควินครับ ข้างกาย ของคุณท่านนี้คงจะเป็นว่าที่ภรรยาในอนาคตใช่มั้ยครับ ไม่ทราบว่าพวกคุณจะจัดงานมงคลเมื่อไหร่ครับ ไม่แน่ ถึงเวลาผมอาจจะต้องมาขอดื่มเหล้ามงคลสักแก้วนะครับ ฮ่าๆ
คำนี้พูดออกจากปากปุ๊บ ทันใดนั้นก็มีคนหายใจเข้า ทางปาก
ใครไม่รู้บ้างว่าเควินเคยพัวพันกับลูกสาวทั้งสองของ ตระกูลดำรงกูล?
ถ้าพูดอย่างจริงจัง เขายังเคยเป็นพี่เขยของพิงกี้ด้วย ซ้ำ ส่วนชอบหรือไม่ชอบ คงจะชอบอยู่แหละ แต่ว่าไม่ใช่ รักแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงต่างก็รู้ ทั้งนั้น
คุณเควินเคยพูดในที่สาธารณะว่าเขาเห็นคุณหนูรอง ของตระกูลดำรงกูลเป็นแค่ของเล่นเท่านั้น
คนที่พูดคำนี้ออกมาไม่กลัวตายเลยจริงๆ!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ