บทที่315: สายังไม่ตาย
จัดแต่งความเรียบร้อยของเสื้อผ้าเสร็จ พิงกี้เปิด ประตูสอดส่องที่นอกห้องสมุดอย่างไวทีนึง หลังจากพบ ว่าด้านนอกไม่มีคนแล้ว จึงได้โบกมือเร่งรัดเควินที่อยู่ด้าน หลัง “คุณเร็วหน่อยสิคะ ชักช้าอยู่นั่นแหละ คุณเกิดปีเต่า หรอ?!”
เควิน “
อยู่บ้านตัวเองก็ต้องทำเหมือนเป็นโจรยอมใจเธอเลย
จริงๆ
ทั้งสองเคลื่อนย้ายมาถึงในห้องอย่างราบรื่น พิงกี้ ถึงได้หายใจยาวๆโล่งอกไปที “ดีจังเลย ไม่มีคนเห็นพวก เรา”
ถ้าถูกคนเห็นว่าทำเรื่องชั่วอยู่ในห้องสมุดเข้าล่ะก็ ต่อ ไปเธอจะมีหน้าไปเจอผู้คนได้อย่างไร?
เควินดูเธอแสดงละครด้วยสีหน้าเยือกเย็น
พิงกี้เผชิญกับสายตาของเขา พร้อมยิ้มอย่างร่าเริง “ที่ฉันทำก็เพราะว่ากลัวรังสิตจะหวนกลับมาอีกครั้งน่ะสิ คะ”
“เขาไปตั้งนานแล้ว” เควินพูดอย่างเรียบเฉย
พิงกี้อึ้ง
พริบตาเดียวก็ถึงที่เธอทำสีหน้าเย็นชาแล้ว เธอหรี่ ตาไว้แล้วย้อนถาม “คุณก็รู้ว่าเวลานานหรอคะ? งั้นตอนนี้ คุณก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าทรมานฉันมานานแค่ไหนแล้ว? เหอะๆ คืนนี้ถ้าคุณไม่สามารถทำให้ฉันพึงพอใจได้ ต่อไปคุณก็ นอนที่โซฟาซะ!”
เควิน “
“ฉันใกล้เลขสามแล้ว คุณไม่เคยได้ยินหรอว่าขิงยิ่ง แก่ยิ่งเผ็ด ฉันน่ากลัวมากเลยจะบอกให้
เควินสีหน้าเย็นชา
มือทั้งสองยันร่างกายตัวเองลุกขึ้นมาจากรถเข็น เขา นั่งลงบนเตียง ยักคิ้วรอท่าทางต่อไปของพิงกี้ อยากดูซิว่า เธอจะทำยังไงกันแน่
ตอนนี้เขาเป็นผู้ป่วยเชียวนะ จะให้เขาขยับตลอดก็คง ไม่ได้มั้ง?
พิงกี้ไม่เข้าใจจิตวิทยาของเขาเลยสักนิด ผู้ชายคนนี้ ก็เตรียมตัวเสร็จแล้ว เธอยังรออะไรอีก?
กระโดดขึ้นเตียงโดยตรง พิงกี้จิ้มไปที่หน้าอกของ ท่านประธานใหญ่พร้อมพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “ที่รัก ถ้า อยากได้คอมเม้นท์ดีระดับห้าดาว งั้นก็พยายามเข้าไว้นะ คะ”
ขาผมบาดเจ็บอยู่นะ
“แต่ขาข้างที่สามของคุณไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่หรือ คะ?” (ขาข้างสามกระทู้)
“อีกอย่าง คุณยังมีมืออยู่ไม่ใช่หรอ?หรือตอนที่คุณ ฝึกซ้อมนี่ไม่ได้ฝึกกล้ามเนื้อที่แขน?”
“เอาล่ะๆ มานี่เร็วๆ เรามาปลดล็อกท่วงท่าใหม่กัน
พิงกี้ยิ้มตาหยี
เมื่อคืนจัดหนักไปหน่อย พิงกี้ตื่นอีกทีก็ตอนเที่ยง
แล้ว
หลังจากตื่นแล้วสมองยังมึนเล็กน้อย
นี่เรียกว่าอะไร?
นี่เรียกว่าขโมยไก่ไม่ได้แถมยังเสียข้าวสารอีก เธอ ซื่อเกินไปแล้ว!
ทั้งๆที่เมื่อวันเธอมีข้อได้เปรียบเรื่องโค่นล้ม แต่ สุดท้ายก็ถูกโจมตีกลับอีกเช่นเคย……..การปฏิบัติพิสูจน์ แล้วว่าการที่ท่านประธานฝึกฝนร่างกายทุกวันได้ผลมาก มือสองข้างสามารถยกร่างกายของเธอขึ้นๆลงๆอย่าง ง่ายดายและไม่เปลืองเลยแม้แต่น้อย
ที่น่าเศร้าที่สุดคือ คนที่ได้รับการสั่งสอนคือเธอ เหมือนเดิม
ดีเยี่ยมมาก
ใช้มือทุบเอวที่เมื่อยล้า พิงกี้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จและ เดินออกมาจากห้อง เห็นเควินที่นั่งอยู่บนรถเข็นมุ่งมาที่ ทิศทางของเธอ เดิมทียังมีสีหน้าจริงจัง แต่ตอนที่เห็น หน้าตาที่ถูกทารุณเกินไปของเธอ เขาอดยิ้มมุมปากไม่ได้
“คุณมาทำไม มาดูตลกฉันหรือไง?” พิงกี้ถามด้วย ความโกรธ
“ไม่ใช่” เห็นสาวน้อยของตัวเองทั้งอายทั้งหงุดหงิด และมีแนวโน้มว่าจะโมโหแล้ว เควินรีบคืนสู่สีหน้าจริงจัง เอากระดาษแผ่นนึงที่อยู่ในมือยื่นให้เธอ “คุณดู นี่คือผลที่ รังสิตส่งมาเมื่อกี๊ ผมเพิ่งปนออกมาเอง
เมื่อคืนรังสิตไปคุมงานที่ห้องวิจัยอย่างอดใจรอไม่ ไหว ในที่สุดเมื่อกี้ก็ได้ฟื้นฟูใบหน้าที่สแกนผ่านกะโหลก ได้แล้ว ถึงแม้ไม่ได้ปรับแต่งให้ละเอียดยิ่งขึ้น แต่ดูจากรูป ลักษณ์นี้ก็สามารถแน่ใจแล้วว่าศพที่ถูกเผาไหม้จนเกรียม นั้นไม่ใช่ลิสา
ไม่นึกเลยว่าการคาดเดาของพวกเขาจะถูกต้อง
พิงกี้ถือใบรายงานไว้ มองดูผู้หญิงแปลกหน้าที่ผอม แห้งอยู่บนใบรายงานแล้วได้ขมวดคิ้วแน่นทันที “งั้นลิสา หนีไปได้จริงๆ? สถานการณ์ของตอนนั้นวุ่นวายขนาดนั้น เธอยังจะหนีไปไหนได้?”
“รังสิตกำลังตรวจสอบอยู่
“จะรู้ผลเมื่อไหร่คะ?
“อันนี้ยังไม่แน่ใจ คุณอย่าเพิ่งใจร้อนสิ ช้าเร็วก็ต้อง ได้ผลลัพธ์อยู่แล้ว ตอนนี้เธอหลบอยู่ในที่มืด แถมยัง อาการบาดเจ็บสาหัสด้วย ภายในระยะเวลาอันสั้นไม่ต้องกังวลว่าเธอจะทำอะไรมิดีมิร้ายหรอก ถึงเธอกล้าทำอะไร มิดีมิร้าย ผมก็จะปกป้องคุณเอง ” เควินกุมมือของพิงกี้ไว้ แววตายืนหยัด
เขารู้ว่าเธอกังวลอะไร เรื่องก่อนหน้านั้นคงจะทำเอา
เธอตกใจจริงๆแล้ว
ตอนนั้นคือเขาไม่อยู่ ต่อไปเขาจะอยู่ข้างกายเธอ
ตลอด
“อืม ฉันเชื่อคุณค่ะ……… ” พิงกี้รู้ว่าตัวเองรีบร้อน เกินไป แต่เธอก็รู้อยู่ว่าจะให้หาเบาะแสเจอในเวลาอัน รวดเร็วมันคงเป็นไปไม่ได้
อย่างน้อยตอนนี้ก็แน่ใจแล้วว่าลิสาไม่ได้ตายจริงๆ ก็ ถือว่าทำลายแผนของลิสาแล้ว
มีสมาชิกของหน่วยสืบลับคอยเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ที่ นั่นตลอด รังสิตก็ตรวจหาเบาะแสของวันนั้นอยู่ตลอด ขอ แค่ตรวจสอบแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ช้าเร็วลิสาก็ต้องเผยพิรุธ ออกมาแน่นอน
พอคิดแบบนี้แล้ว ในใจเธอสงบลงเยอะ
เวลาได้ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์แล้ว
คอยเล่นกับน้องแอ๊ปเปิ้ลทุกวัน และป้องผลไม้ให้ผู้ ป่วยท่านนี้อยู่เป็นประจำ ชีวิตช่างชุ่มฉ่ำมีชีวิตชีวาเหลือ เกิน
เตชิตที่ไม่ได้โผล่หน้ามานาน ก่อนหน้านั้นเธอยังนึก ขึ้นมาได้บ้าง แต่ตอนนี้ชีวิตดีขนาดนี้ ยากที่เธอจะได้รู้สึก ผ่อนคลายขนาดนี้ จึงได้ลืมเตชิตลืมไปแบบนี้เฉยเลย
ที่จริงก็ไม่โทษที่เธอไม่มีน้ำใจหรอก เพราะช่วงนี้ เรื่องเยอะมาก เรื่องนึงจบแล้วเรื่องนึงก็เข้ามาอีก เธอเองก็ ยังไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลย จะมีเรี่ยวแรงไปติดตามความ เคลื่อนไหวของเตชิตได้ยังไง
อีกอย่าง เธอรู้สึกว่าผู้ชายตัวโตอย่างเขาจะเกิดเรื่อง อะไรได้ เพราะเหตุนี้จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
แต่ตอนที่เตชิตโผล่มาในบ้าน ใช้ดวงตาที่คับแค้น ใจสุดขีดจ้องเธอกับเควิน ในใจเธอก็ยังกลัวจนขนลุก อยู่ คุณเตชิต นี่คุณเป็นอะไรน่ะ เป็นบ้าไปแล้วหรอ?”
“ตอนที่ผมไม่อยู่ พวกคุณก็จู้จี้อี๋อ๋อกันอย่างนี้เลย หรอ เคยคิดบ้างมั้ยว่าผมต้องใช้ชีวิตอยู่ยังไง?” เตชิตไม่ พอใจอย่างยิ่ง
“….……..” พิงกี้ละอายใจ “ฉันกับสามีฉันจู๋จี้อี๋อ๋อกัน ไม่ได้ผิดกฎหมายสักหน่อย จู๋จี๋กับคุณสิที่บ้านคุณถึงจะ จัดการคุณมากกว่ามั้ง?
เตชิต หน้าเปลี่ยน “ทําไมคนที่โดนจัดการต้องเป็น ผม?”
“เพราะคุณดูแล้วกระล่อนปลิ้นปล้อน ฉันดูยังไงๆก็ เหมือนแม่บ้านที่ดียังไงล่ะ!” พิงกี้พูดอย่างไม่มีภาระทาง ใจเลย “อีกอย่าง รู้สึกว่าแม่ของคุณจะชอบฉันมากกว่าคุณ เสียอีกนะคะ”
พอพูดจบ มองดูสีหน้าแววตาที่เหมือนถ่ายไม่ออก ของเขาแล้ว พิงกี้พูดจาติดขัดขึ้นมาทันที “คุณคงไม่ใช่ ถูกจัดการเพราะเรื่องนี้จริงๆมั้งคะ?”
……คุณคิดว่าไงล่ะ?” เตชิตย้อนถามพร้อมจ้อง เธอไว้ “ทั้งๆที่ผมไม่มีอะไรกับคุณเลย ตอนที่นายเควินไม่ อยู่ ผมให้คุณใช้งานผมอย่างอดทนต่อความยากลำบาก และกล้ำกลืนต่อการว่ากล่าวทุกอย่าง ปรนนิบัติคุณ เหมือนฮองเฮาชัดๆ! แต่ปรากฏว่าพ่อผมบอกว่าพฤติกรรม ของผมไม่เหมาะสม กลัวนายเควินจะกลับมาคิดบัญชีกับ ผม ก็เลยมัดผมขึ้นเครื่องให้ผมไปปฏิบัติภารกิจขั้นSที่ แอฟริกาเฉยเลย นั่นยังเป็นพ่อแท้ๆของผมรึเปล่าก็ไม่รู้
พิงกี้ “ ….….….”
“ป้าเฉิน ยังมีผลไม้อะไรอีก เอามาให้ผมจานนึง!” เตชิตรู้สึกคอแห้ง และไม่พอใจที่พิงกี้ป้อนผลไม้ให้เควิน จึงเรียกเสียงสูงเพื่อแสดงว่าตัวเองก็อยู่นี่เหมือนกันนะ
เขาตะโกนเสร็จ ไม่นานป้ามะลิก็ยกผลไม้จานใหญ่มา เสิร์ฟ ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มด้วยมารยาท วางผลไม้อย่าง เงียบสงบเสร็จก็ไปเลย
เตชิตกลับมาปุ๊บก็มาบ่นพิงกี้ก่อนเป็นอันดับแรกเลย ยังไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น ความสัมพันธ์ของเขากับป้า เฉินถือว่าไม่เลว เห็นป้าเฉินไม่อยู่และได้เปลี่ยนคนรับใช้ ใหม่ ทันใดนั้นก็ถามด้วยความแปลกใจ “ป้าเฉินล่ะ?”
พิงกี้กำลังจะอธิบาย แต่เควินกลับสนใจคำพูดสำคัญ จุดนึงของเขา เควินถามอย่างไม่ได้แคร์อะไร “นายถูก โยนไปต่างประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คำพูดนี้ฟังเหมือนจะไม่มีความลึกลับอะไร แต่นึก อะไรขึ้นมาได้ พิงกี้ตื่นตกใจขึ้นมากระทันหัน
“ยังจะเมื่อไหร่ล่ะ?” เตชิตพูดถึงเรื่องนี้ก็คับแค้นใจ มาก เขาจำเรื่องนี้ได้ดีเป็นพิเศษจึงได้พูดวันเวลาออกมา ในทันทีเลย
พอเทียบแล้ว แววตาของเควินมืดมนขึ้นไปอีก มือที่ วางไว้บนเข่าของพิงกี้ก็ได้กำแน่นขึ้นมา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ