บทที่289: ร่วมงานศพของเควิน
ถูกเตชิตถามแบบนี้ สุรพลก็เงียบขรึมไปอีก
เตชิตหัวเราะเย็นชาเสียงนึง รู้สึกว่าสองพ่อลูกของ ตระกูลภิรมย์นี้ช่างเหมือนกันเสียจริงๆ เป็นคนเงียบขรึม และพูดน้อย แม้แต่พูดคำไพเราะคำนึงก็ยังพูดไม่เป็น ไม่ ว่าเรื่องไหนๆก็ฉลาดมีไหวพริบสู้เขาไม่ได้
“ผู้หญิงตั้งครรภ์ คุณลุงน่าจะรู้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ มากขนาดไหนมั้งครับ? เมื่อกี้ผมได้ยินแม่ผมบ่นอยู่ว่าผู้ หญิงตั้งครรภ์ให้ความสำคัญที่สุดก็คือตั้งครรภ์ราบรื่นจน ลูกคลอดออกมา! แต่ภรรยาของคุณลง……แก๊กๆ แต่คุณ ป้านี่แทบอยากเอาพิงกี้ตายอย่างไรอย่างนั้น ใช้แรงผลัก เธอล้มลงพื้นอย่างโหด นี่ถ้าไม่ใช่พิงกี้ดวงแข็ง นั่นก็คือ หนึ่งร่างสองศพเลยนะ!คุณลุงคิดว่ายังไงครับ?”
สุรพลมองดูเขา
เตชิตพูดเป็นน้ำไหลไฟดับต่อ “ใช่ พิงกี้ไม่ได้เป็น อะไรก็จริง! แต่ว่า ตอนนี้ถึงสองแม่ลูกนี้ปลอดภัย แต่นี่ก็ ไม่ใช่คุณงามความดีของพวกคุณ พวกคุณคงจะไม่ใช่แค่ พูดขอโทษคำเดียวก็ให้เรื่องมันแล้วกันไปมั้งครับ! อย่า บอกว่าลูกในท้องของพิงกี้คือหลานของตระกูลคุณก็ต้อง กล้ำกลืนฝืนทนแบบนี้ ถ้าคุณลุงปกป้องคนผิดอย่างคุณป้า ขนาดนี้จริงๆล่ะก็ งั้นตระกูลเราก็คงต้องออกหน้าแทนพิงกี้ ช่วยเธอทวงความยุติธรรมนี้กลับมาแล้วครับ!”
ตระกูลมหาเจริญศิลป์กับตระกูลภิรมย์ภักดีอยู่ใน เมืองหลวงต่างก็เป็นตระกูลที่มีหน้ามีตา หลายปีมานี้ก็ มีความสัมพันธ์เป็นคู่แข่งอย่างลับๆ ไม่งั้นความสัมพันธ์ ของเควินกับเตชิตก็ไม่ถึงขั้นห่างเหินกันขนาดนี้หรอก แม้ กระทั่งยังถึงขั้นตั้งตัวเป็นศัตรูต่อกันด้วย
ถึงเวลาถ้าตระกูลมหาเจริญศิลป์ออกหน้า ตระกูล ภิรมย์ภักดีมีแต่จะยิ่งขายหน้า
“ลุงรู้แล้ว” สุรพลพยักหน้า
พูดเพียงแค่คําเดียว สุรพลก็หันหลังเดินจากไป ก่อน จากไปก็ได้มองทารกที่อยู่ในตู้อบอีกที แววตาเหมือนจะมี ความซับซ้อนที่พูดไม่ออก เหมือนกับว่าอยากเข้าใกล้ แต่ ก็กลุ้มใจไม่รู้จะเข้าใกล้ยังไง
หลังจากสุรพลจากไป ไม่นานก็มีผู้ช่วยส่วนตัวของ เขาส่งเครื่องใช้ของเด็กทารกมา อะไรที่ควรจะมีก็มีครบ หมด แถมยังเป็นของดีทั้งนั้น ดูท่าแล้วแฝงด้วยใจที่อยาก จะชดเชย
เพียงแต่ ยังไงซะก็เป็นผู้ชาย ของพวกนี้ยังไม่ได้ ผ่านการฆ่าเชื้อเลยทั้งนั้น ยังใช้ไม่ได้
“ของพวกนั้นจะจัดการยังไง?” เตชิตถามพิงกี้ที่พิงอยู่บนเตียง
พิงกี้เหลือบมองของหลายลังที่วางอยู่หัวมุม “ไหนๆ ก็ส่งมาแล้ว งั้นก็เอาไว้ใช้สิคะ ฉันดูแล้วคุณคุณท่านไม่ เหมือนคุณหญิงหทัยรัตน์ น่าจะเป็นคนที่ตาสว่างอยู่ค่ะ”
ถึงจะไม่ยอมรับลูกของเธอ แต่อย่างน้อยก็สามารถ อยู่ด้วยความสงบและไม่มีเหตุทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและ กันได้มั้ง?
ทำไมดันต้องลงมือกับเด็กให้ได้?
พิงกี้ไม่เข้าใจจริงๆ
เพราะคลอดก่อนกำหนดและเป็นการผ่าคลอด ไม่ สามารถฟื้นฟูได้เร็วขนาดนั้น พิงกี้พักที่โรงพยาบาลไป ครึ่งเดือน ทีนี้ถึงเตรียมตัวกลับไปพักฟทันร่างกายที่บ้าน ต่อ
พอออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เธอก็ได้พาพยาบาล ที่เตชิตจัดเตรียมไว้ให้กลับไปโดยตรง พยาบาลคนนี้ไม่ เพียงแต่ดูแลเธอ แต่ยังรับผิดชอบดูแลน้องแอ๊ปเปิ้ลด้วย
แอ๊ปเปิ้ลก็คือลูกชายของพิงกี้ พิงกี้เป็นคนตั้งชื่อเล่นนี้เอง
เธอหวังให้เบบี้ปลอดภัยแคล้วคลาดจากอันตรายทั้ง ปวง และหวังให้เควินที่อยู่อเมริกาสามารถกลับมาอย่าง ปลอดภัย เพียงแต่พรข้อนี้ยังพูดออกมาไม่ได้ในชั่วคราว
เวลาผ่านมาครึ่งเดือน ตอนนี้ผิวพรรณของแอ๊ปเปิ้ล เจ้าลิงน้อยตัวแดงได้ค่อยๆเปลี่ยนมาขาวเนียนแล้ว แก้ม อมชมพูน่ารัก ถึงแม้ยังตัวเล็กมาก แต่ดวงตาเหมือนหินสี ดำที่ผ่านการล้างด้วยน้ำ อย่าให้พูดเลยว่าน่ารักมากขนาด ไหน
เพราะน้องแอ๊ปเปิ้ลร่างกายอ่อนแอ ยังต้องอยู่ในตู้อบ ดังนั้นเตชิตจึงได้ใจป้าอุปถัมภ์ตู้อบให้เครื่องนึง
นาทีนี้ น้องแอ๊ปเปิ้ลกำลังถีบขาอยู่ในตู้อบและขยับ มือไปมา น่ารักน่าชังจนไม่อยากละสายตาไปจากเขา
ออกเดินทางไปที่L.K.Crystal วิลล่า น้องแอ๊ปเปิ้ ลนั่งรถของพยาบาลไปกับพยาบาล พิงกี้ขึ้นรถมายบัค ของบ้านตัวเอง
สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ หลังจากเธอขึ้นรถ เตชิตก็ ขึ้นรถตามมาด้วย
พิงกี้รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ “คุณไม่ขับรถของคุณ
เอง?”
ปกติเตชิตจะหวงแลมโบกินี่สีส้มคันนั้นที่สุด ไม่นึก เลยว่าวันนี้จะมานั่งรถมายบัคที่เขารังเกียจจนจะแย่พร้อม เธอได้ นี่คือมีเรื่องอะไรรึเปล่า?
จริงๆซะด้วย……….
เตชิตนวดขมับด้วยความปวดหัวและพูดว่า “ผมมี เรื่องจะคุยกับคุณหน่อย
“พูดมาเลยค่ะ” พิงกี้เปิดปากพูด
“ก็คือ……” เตชิตๆอึ้งๆอีก แต่คิดๆแล้วเรื่องนี้มัน เร่งด่วนเลยต้องฝืนใจพูดออกมา “ก็คือเรื่องงานศพของ เควิน คุณลุงให้ผมเชิญคุณไปร่วมงานด้วย คุณคิดยังไง บ้าง?”
“หา อะไรนะ?” พิงกี้ตั้งสติไม่ได้ชั่วขณะ
สบตากับเตชิตไปสองวินาที เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าเธอรู้ เควินว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่คนอื่นไม่รู้
ตระกูลภิรมย์ภักดีจัดงานศพให้เควินก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ไม่นึกเลยว่าสุรพลจะเชิญเธอไปงานศพ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ได้ยินเตชิตพูดเรื่องเสียใจพวกนี้กับ เธอด้วยความระมัดระวัง เธอต้องร้องไห้ฟูมฟายแน่ แต่ ตอนนี้……แต่ตอนนี้ เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าเควินไม่ได้เป็น อะไร ถึงแม้เธอจะรู้สึกใจร้อนและไม่สบายใจ แต่ไม่ได้รู้สึก เสียใจเลย
แต่ว่า ถึงไม่เสียใจก็ต้องแสร้งทําเป็นเสียใจหน่อย
พิงกี้หลุบตาลง แววตามีความโศกเศร้าโผล่ขึ้นมา และพูดว่า “หทัยรัตน์เกลียดฉันซะขนาดนั้น หมั่นไส้ฉัน ขนาดนั้น ถ้าฉันกล้าไปร่วมงานศพจริงๆ กลัวว่าเธอคงจะ ต้องอาละวาดจนงานศพไม่ได้สงบแน่เลยมั้ง?”
สีหน้าของเธอดูซึมเศร้า ขนตาอันงอนยาวกระทบ เป็นเงาอยู่ที่ใบหน้าขาวเนียนของเธอ ดูแล้วอิดโรยและน่า สงสาร
เตชิตเห็นแล้วสงสารจับใจ
เขาอยากกุมมือของพิงกี้ไว้ แต่ก็กลัวล่วงเกินเธอ เลยอดทนอดเอาไว้แล้วกัดฟันพูดว่า “ถ้าใครกล้าลงมือ กับคุณ ผมก็กล้าที่จะลงมือกับคนๆนั้น ดูซิว่าพวกเขายัง จะกล้าจองหองอีกมั้ย?! คุณวางใจเถอะ ต่อไป…..ถึงนายเควินไม่อยู่แล้ว ก็ยังมีผมอยู่! มีผมคอยปกป้องคุณอยู่ ตลอดชีวิตคุณจะกลัวอะไร?”
สายตาของเขาสว่างไสว ทั้งจริงจังและยึดมั่น
พิงกี้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา รู้สึกได้ถึงหัวใจที่ เร่าร้อนดวงนั้นของเขา ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆรู้สึกไม่สบายใจ
เธอรู้สึกผิดต่อเขา
เขาทุ่มเทหัวใจให้เธอเต็มร้อย แต่เธอกลับรับความ ช่วยเหลือจากเขาอย่างต่ำช้า แถมยังปิดบังความจริงกับ เขาอีก
แต่ว่า เธอไม่ทําแบบนี้ก็ไม่ได้อีก
เพราะข่าวของเควินยังไม่ได้แพร่มา พายุก็กำชับแล้ว กำชับอีกว่าในประเทศมีไส้ศึก เธอต้องระมัดระวังทุกเรื่อง ถึงจะอยู่ตรงหน้าของเตชิต เธอก็ไม่กล้าชะล่าใจ
ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อเตชิต แต่เธอกลัวกำแพงมีหู
“ฉันเชื่อคุณค่ะ” พิงกี้พูดด้วยความซาบซึ้ง “คุณ เตชิต ขอบคุณมากนะคะ ตอนที่ฉันลำบากที่สุดมีเพื่อน อย่างคุณอยู่ข้างกาย ฉันรู้สึกโชคดีมากเลยค่ะ”
เพื่อน?
เขาอยากเป็นผู้ชายของเธอ!
แต่ว่า เตชิตก็รู้ว่าจะรีบร้อนเกินไปไม่ได้
ยังมีเวลายาวนานเป็นชั่วนิรันดร์ ขอแค่เขาดีกับเธอ และยินยอมที่จะเฝ้าเธอไว้ ถึงหัวใจของเธอจะเย็นชาแค่ ไหนเขาก็สามารถทำให้อบอุ่นขึ้นมาแน่นอน!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ