บทที่283.ในใจรู้สึกสงสัย
“เตชิตถึงหรือยังคะ?” พิงกี้เดินออกมาจากประตู และถาม
จะไปที่ตระกูลดำรงกูล เธอไม่คิดจะไปคนเดียว เพื่อ ความปลอดภัยของตัวเอง ยังไงเธอก็ต้องลากเตชิตไป ด้วย ถึงอีตาบ้านี้ไม่เอางานเอาการสักเท่าไหร่ แต่ก็มีความ สามารถในการจัดการเรื่องราวได้ดีเยี่ยม ปกป้องเธอน่ะ ไม่มีปัญหาแน่อนอน
เขาบอกว่าเควินกำชับให้เขาดูแลเธอไม่ใช่หรอ?
งั้นตอนนี้ก็ได้เวลาดูแลเธอแล้ว!
ป้าเฉินส่ายหัว “คุณเตชิตยังไม่มาเลยค่ะ”
“งั้นป้าโทรให้คุณเตชิตมาก่อนค่ะ ฉันนั่งรถของเขา
“งั้นของตระกูลดำรงกุล……
“ถ้าพวกเขาอยากรอ ก็ให้รอต่อไปเลย ” พิงกี้พูด
อย่างไม่แคร์
เพราะยังไงซะ เธอไม่มีทางนั่งรถของตระกูลดำรงกุล หรอก เธอไม่เอาชีวิตของตัวเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายหรอก
“ได้ค่ะ” ป้าเฉินยิ้มและโทรเบอร์บ้านของเตชิต เพ็ง แต่ ไม่นานสีหน้าก็ลังเลและมองไปที่พิงกี้ “คุณพิงกี้คะ คุณเตชิตถูกททางบ้านเรียกตัวกลับไปอย่างกระทันหัน บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะไปจัดการ หรือคุณโทรหาคุณเตชิต โดยตรงเลยดีมั้ยคะ?
มีแต่พิงกี้ที่มีเบอร์ส่วนตัวของเตชิต เธอไม่มี
“ได้ค่ะ งั้นฉันจะติดต่อเขาโดยตรงเอง” พิงกี้พยัก
รู้สึกสงสัยอย่างห้ามใจไม่ได้
ทำไมตระกูลมหาเจริญศิลป์ถึงเรียกเตชิตไปอย่าง บังเอิญ? หรือว่าอาการบาดเจ็บของไกรสรหนักขึ้นกว่า เดิม?
คิดๆแล้ว พิงกี้ก็ไม่ได้คิดให้ลึกซึ้งต่อ
เดาไปเดามาก็ไม่มีประโยชน์ สู้โทรหาเตชิตโดยตรง
เลยดีกว่า
ไม่นาน เตชิตก็รับสาย
เหมือนกำลังขับรถอยู่
“คุณเตชิต ที่บ้านคุณมีธุระเร่งด่วนหรอคะ?
“ใช่….ก็ไม่เชิง ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนหรอก กลับ ไปเคลียร์แป๊บเดียวก็โอเคแล้ว” เตชิตเหมือนเลื่อนกระจก รถขึ้น เสียงชัดเจนขึ้นตั้งเยอะ “ผมคงต้องใช้เวลาครึ่ง ชั่วโมงถึงจะจัดการเสร็จ คุณไปบ้านดำรงกูลก่อน เดี๋ยวผม จัดการธุระเสร็จจะไปหาคุณที่บ้านดำรงกูลโดยตรงนะ โอ เคมั้ย?”
“คุณจะมาทันมั้ยคะ?
“มาทัน มาทันอยู่แล้ว ครึ่งชั่วโมงถือว่ามีเวลา เหลือเฟือ ผมไม่ทำให้เสียเวลาแน่นอน” เตชิตรับประกัน
เขาไม่ได้เจอหน้าพิงกี้มาหลายวันแล้ว ถึงเจอหน้า ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าไม่เจอหน้า เขาก็รู้สึกหัวใจอ้างว้าง แม้แต่กลางคืนก็หลับไม่สนิท
เพื่อจะได้เจอหน้าเธอ เขาย่อมไม่พูดว่าไม่ได้อยู่แล้ว
พิงกี้ก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี “งั้น…หรือว่าฉันรอดูก่อน
เถอะ?”
“เพราะอะไร?” เตชิตร้อนใจ
“คุณไม่อยู่ข้างกายฉัน ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น มาแล้วฉันรับมือเองไม่ไหว ถ้าฉันตัวคนเดียวฉันยังไม่กลัว ขนาดนี้ แต่ฉันยังมีลูกของฉันอีกคนแน่ะ”
“คุณวางใจเถอะ ผมจะรีบตามไปให้ทันแน่นอน!
.ก็ได้ค่ะ”
สุดท้ายพิงกี้ก็ตอบตกลง
ที่สำคัญคือ เธออยากไปสอบถามเรื่องที่มาลาตีบอก ว่าชาตรีจะไปอเมริกา ถ้าเกิดเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเควินล่ะ ก็ เธอสามารถให้พายุส่งข่าวให้เควิน เตือนให้เขาระวังตัว หน่อย
เพราะเรื่องนี้ เธอเสี่ยงอันตรายนิดหน่อย เหมือนกับ ว่าก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้นแล้ว
สงบจิตสงบใจเสร็จ พิงกี้มองไปที่ป้าเฉิน “ป้าเฉิน ไปเตรียมรถให้ฉันคันหนึ่งค่ะ ฉันนั่งรถของที่บ้านเราไปดี กว่า”
เธอขับรถไม่เป็น พิงกี้ไม่สะดวกขับรถเอง ส่วนพายุ…..ให้เขาพักรักษาร่างกายดีๆเถอะ ตอนนี้เขากลับ มาในประเทศอย่างลับๆก็ไม่สามารถเปิดเผยความเคลื่อน
ได้
“ให้คนขับรับกลับมาได้มั้ยคะ?” พิงกี้ถาม
“ไม่ได้ค่ะ คนขับกลับบ้านที่ชานเมืองค่ะ ภายในระยะ เวลาสั้นๆคงกลับมาไม่ทันค่ะ”
แบบนี้ งั้นก็ต้องนั่งรถของตระกูลดำรงกูลแล้ว
พิงกี้รู้สึกวางใจไม่ได้สักที ราวกับว่ามีเซ้นส์ แต่ก็รู้สึก ว่าตระกูลดำรงกูลไม่ได้โง่ถึงขั้นทำร้ายเธอในกลางวัน แสกๆหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น มือถือของเธอติดตามได้
ครั้งก่อน หลังจากที่เธอเกิดอุบัติเหตุถูกสมคิดลักพา ตัว เควินยังติดตั้งเทคโนโลยีไฮเทคที่สุดที่สามารถทะลวง ข้อมูลได้ ถึงในรถของตระกูลดำรงกุลจะมีเครื่องดักจับ สัญญาณ เตชิตก็สามารถติดตามเธอเจอได้ตลอด
ขอแค่เธอระมัดระวังตัวหน่อย น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไร
งั้นก็ตามนี้เถอะ
“ป้าเฉิน งั้นฉันออกไปแล้วนะคะ” พิงกี้พูด
“คุณผู้หญิงระวังตัวด้วยนะคะ”
ป้าเฉินส่งเธอขึ้นรถด้วยความเป็นห่วง
พอขึ้นรถ พิงกี้ก็ดูสัญญาณมือถือเป็นอันดับแรก
สัญญาณเต็ม
แล้วมองคนขับทีหนึ่ง พบว่าคนขับคนนี้เป็นคนใหม่ ไม่ใช่คนขับประจำของตระกูลดำรงกูล ทันใดนั้นในใจเกิด การป้องกันตัวขึ้นมาเล็กน้อย
“รู้สึกเหมือนก่อนหน้าฉันไม่เคยเห็นนายนะ นายเป็น คนขับใหม่เหรอ? ลุงที่ขับรถคนก่อนล่ะ?”
“ลุงเค้าลาออกไปแล้วครับ”
“ทำไมถึงลาออกล่ะ?”
“ที่บ้านมีธุระครับ?”
“มีธุระ?” พิงกี้ซักถามไม่หยุด “มีธุระอะไร?”
“ทางบ้านเค้าเพิ่งคลอดหลานออกมา ลูกชายกับลูก สะใภ้ไม่ให้เขาออกมาทำงานครับ
“เขาขับรถอยู่ที่ตระกูลดำรงกูล ยังสามารถหารายได้ เสริมเข้าบ้านหน่อยไม่ใช่หรอ ทำไมถึงไม่ให้เขาทำงาน ต่อล่ะ?” พิงกี้ยิ่งรู้สึกแปลกใจ
“ไม่ทราบครับ” คนขับถาม “คุณหนู ตอนนี้ออกรถ ได้หรือยังครับ?”
“อืม ไปเถอะ” พิงกี้พูดอย่างบางเบา
เธอเปิดกระเป๋าดูมีดที่อยู่ด้านในแล้วค่อยรู้สึก สบายใจหน่อย
รถขับไปเรื่อยๆ
ตอนแรกไม่รู้สึกมีอะไรผิดสังเกตุ เพราะรถได้ขับไป
ยังทิศทางของตัวเมือง
แต่ไม่นาน พิงกี้ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว
จู่ๆรถที่ขับตรงไปเรื่อยๆได้เลี้ยวเช้า ปากซอย ต่อมาก็ ขับผิดเส้นทาง ทิศทางที่ขับไม่ใช่ทิศทางที่ไปตระกูลดำรง
กูล
“นี่นายหลงทางใช่รึเปล่า?” พิงกี้ถามตรงๆ
คนขับคนนี้ดูแล้วเงียบมาก นิสัยก็เย็นชา แค่ตอบ ง่ายๆคำเดียวว่า “ไม่หลงครับ”
“งั้นนายจะพาฉันไปไหน ไม่ใช่บ้านดำรงกูลหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ”
“งั้นจะไปไหน?”
ครั้งนี้คนขับไม่ได้ตอบ
พิงกี้หายใจลึกทีหนึ่ง ใช้มือถือถ่ายรูปคนขับหนึ่งใบ และส่งให้เตชิต จากนั้นก็โทรหาเตชิตต่อหน้าคนขับ “เต ชิต คุณเคลียร์งานเสร็จหรือยังคะ?”
“มีอะไรหรือไป?”
“ทางฝั่งฉันสถานการณ์ผิดสังเกตุค่ะ คุณรีบมาหาฉัน หน่อย! ” เสียงของเธอทั้งร้อนใจทั้งเร็ว “ถ้าคุณไม่มาอีก ฉันเองก็ไม่รู้แล้วว่าจะถูกคนขับของตระกูลดำรงกูลพาไป ไหน?!”
“ผม…..ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวนี้เลย!
เตชิตไม่รู้กำลังยุ่งอะไรอยู่ ในสายมีเสียงด่าทอกับ เสียงร้องไห้ก้องมาด้วย แต่เขาไม่ยึกยักก็ตอบตกลงเลย ไม่นานก็ได้เข้ามาในที่เปลี่ยว
“พิงกี้ คุณรอผมนะ ผมจะมาเดี๋ยวนี้เลย!
“ค่ะ” พิงกี้รู้สึกตื่นเต้นในใจ อดเร่งรัดเขาไม่ได้ “คุณเร็วหน่อย คุณเตชิต คุณเร็วหน่อย!
มือที่จับโทรศัพท์ไว้แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เธอเงยหน้ามองคนขับที่อยู่ด้านหน้า พบว่าเขามี อารมณ์เรียบเฉย ทันใดนั้นเธอยิ่งรู้สึกกระวยกระวายใจ เข้าไปใหญ่
ชาตรี มาลา ……..
พวกเขาอยากทําอะไรกันแน่?
ไม่นาน พิงกี้ก็พอจะคาดเดาได้ลางๆแล้ว
รถได้จอดลงที่หน้าคลีนิกในที่เปลี่ยว คนขับลงมา เปิดประตูให้เธอ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากับเธอว่า “คณหน ถึงที่หมายแล้ว ลงรถเถอะครับ
พิงกี้เงยหน้า มองผ่านไหล่ของคนขับเห็นหทัยรัตน์
กับมาลา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ