คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่277 ไสหัวออกไปจากวิลล่านี้



บทที่277 ไสหัวออกไปจากวิลล่านี้

“แกจะหลอกฉันหรือไม่มันจะสำคัญอะไร? ฉันจะ บอกแกให้นะ วันนี้ถ้าฉันไม่เจอพิงกี้นังตัวซวยคนนั้น ฉัน จะพังบ้านหลังนี้แน่นอน! แกอย่ามาขวางอยู่ที่ตรงหน้าฉัน รกหูรกตา!”

นอกห้อง มีเสียงโมโหจนควันออกหูของหทัยรัตน์ดัง

ขึ้น

ต่อมาก็คือเสียงเคาะประตูที่รุนแรงดังขึ้น พิงกี้ที่ยัง ไม่ได้นอนย่อมไม่ตื่นตกใจจนตื่นเพราะเหตุนี้อยู่แล้ว แต่ ถึงจะอย่างนี้ก็เถอะ เสียงเคาะประตูที่รีบร้อนนี้ก็ทำให้เธอ รู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ

ลุกขึ้นจากเตียง พิงกี้คลุมเสื้อกันหนาวตัวหนึ่งด้วย ความเร่งรีบและเดินมาเปิดประตู

พอเปิดประตู หทัยรัตน์ก็ด่าฉอดๆๆเลย

“แกนี่มันตัวซวยชัดๆที่ทำให้ลูกชายฉันต้องตาย แก ยังมีหน้าอยู่ที่นี่อีกหรอ แกมีสิทธิ์อะไร?!” หทัยรัตน์ใช้ สุดกำลังดึงข้อมือของพิงกี้ไว้และกระชากลากเธอออกมา ด้านนอกพร้อมตะโกนด้วยเสียงแหลมปรี๊ด “แกไสหัวออก ไป ไสหัวออกไปจากบ้านของลูกชายฉันเดี๋ยวนี้ ตระกูลเรา ไม่ต้อนรับแก!”
“คุณหญิงหทัยรัตน์ รบกวนคุณปล่อยมือค่ะ!”

พิงกี้ที่รู้สึกง่วงเพียงเล็กน้อย พริบตาเดียวความง่วงก็ จางหายไปหมดเลย

เธอรู้ว่าเป็นไปได้ที่หทัยรัตน์จะมีท่าทีที่แย่กับเธอ เพราะการตายของเควิน แต่คิดไม่ถึงว่าหทัยรัตน์จะไม่ แคร่ไม่สนอะไร ทำหน้าเหมือนจะทะเลาะวิวาทกันยกใหญ่ และลงมือกับเธอโดยตรง!

หทัยรัตน์มาอย่างมีพลานุภาพ ต้องมาอย่างไม่หวังดี

แน่ๆ

วันนี้ต้องจบไม่สวยแน่นอน

มองดูตัวเองที่ใกล้จะถูกหทัยรัตน์กระชากมาถึงที่หัว บันได หัวใจของพิงกี้รู้สึกตื่นเต้นอย่างคุมไม่ได้ น้ำเสียงที่ พูดจาก็เสียงสูงขึ้นมา

เธอใช้มือข้างหนึ่งปกป้องท้องของตัวเองไว้ มืออีก ข้างคอยสะบัดให้หลุดจากเนื้อมือของหทัยรัตน์ ตะโกน อย่างเสียงดังและเคร่งขรึม “คุณหญิงหทัยรัตน์ ถ้าคุณไม่ อยากทำให้ฉันตายไปพร้อมกับลูก เหนื่อยที่จะแบกรับกับ คดีฆาตกรรม งั้นก็รบกวนคุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!
ป้าเฉินก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว คอยพูดเกลี้ยกล่อมอยู่ ข้างๆ “คุณหญิงคะ คุณปล่อยคุณพิงกี้เถอะค่ะ! ตอนนี้ คณเควินเป็นตายร้ายดียังไงก็ยังไม่รู้ ในท้องของเธอเป็น เลือดเนื้อเชื้อไขหนึ่งเดียวของคุณเควินเชียวนะคะ! ถ้า คุณหญิงทำให้คุณพิงกี้เสียลูกไป นี่ไม่เท่ากับว่าทำร้าย คุณเควินหรือคะ?

หทัยรัตน์มีเสี้ยววินาทีที่ลังเล แต่ไม่นาน ความลังเล เสี้ยวนี้ก็ถูกความเกลียดชังมาแทนที่

“เลือดเนื้อเชื้อไขหนึ่งเดียวจะสำคัญอะไร? ตระกูล เราไม่แคร์หรอกนะจะบอกให้!” หทัยรัตน์มองพิงกี้ด้วย ความโกรธเคือง เธอหัวเราะเยาะและพูดว่า “ฉันจะบอก แกให้นะ แกอย่าคิดว่าในท้องของแกมีลูกของเควินอยู่ฉัน ก็จะทนแกทุกอย่างนะ! เด็กใหญ่โตมาจากไหนกันเชียว? บนตัวมีเลือดของแพศยาชั้นต่ำอย่างแกอยู่ ถึงจะคลอด ออกมาก็เป็นเชื้อสายที่ไม่ขาวสะอาดเหมือนแพศยาอย่าง แก ฉันไม่เอามารผจญแบบนั้นหรอก!”

“คุณหญิง รบกวนคุณระวังคำพูดด้วย! เท่าที่ฉันดู เชื้อสายไม่เชื้อสายมันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าคนๆหนึ่งสูงส่ง หรือเปล่าเลยนะคะ แต่กิริยาของคนบางคน กลับสะท้อน ถึงความไพร่สฤนของคนตัวเองเลย!”

เดิมทีพิงกี้ยังเก็บอาการไว้บ้าง แต่ตอนนี้ หทัยรัตน์ใช้คำพูดที่ดูถูกแบบนี้มาว่าลูกเธอ ไฟที่ควบคุมไว้ในใจได้ ปะทุขึ้นมาอย่างไว

ถึงหทัยรัตน์จะเป็นแม่ของเควินก็เถอะ แต่ในเมื่อ หทัยรัตน์ที่เป็นผู้อาวุโสกว่ายังไม่ให้เกียรติเธอ งั้นเธอยัง ต้องเคารพเธออีกหรอ?

หทัยรัตน์เสียลูกไป เธอก็เสียคนที่เธอรักไปเหมือน กัน ความเจ็บปวดในใจไม่น้อยกว่าเธอเลยแม้แต่นิด!

ความเสียใจและความอ่อนแอของพิงกี้ ภายใต้การ ดูถูกของหทัยรัตน์ ได้เปลี่ยนมาเป็นความแข็งแกร่งยิ่งกว่า หินลาวาเสียอีก

“นี่แกหมายความว่ายังไง?” หทัยรัตน์ย้อนถาม

“ความหมายของฉันก็คือ ลูกของฉันจะสูงส่งหรือไม่ สูงส่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของคุณ และไม่มีความเกี่ยว ข้องใดๆทั้งสิ้นกับคุณด้วย!ถ้าตระกูลภิรมย์ภักดีไม่มีเควิน แล้ว คุณนึกว่าฉันยังพิศวาสตระกูลคุณมากงั้นหรอ?” พิง กี๊ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

วิชาป้องกันตัวทีเควินเคยสอนเธอ เธอยังไม่เคยเอา มาใช้กับใครเลย
คิดไม่ถึง ครั้งแรกที่เอามารับมือจะคือหทัยรัตน์แม่ ของเขาเอง

แต่ว่า เธอไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิดเลยจริงๆ!

อยู่ภายใต้แสงไฟ สีหน้าที่เดิมทีก็ซีดเซียวอยู่แล้ว ของพิงกี้ยิ่งดูเย็นชาเข้าไปอีก ยื่นมือทุบไปที่ไหล่ของ หทัยรัตน์ ทันใดนั้นความรู้สึกปวดเมื่อยชาทำให้หทัยรัตน์ เจ็บจนสีหน้าเปลี่ยน

“อ๊า!” หทัยรัตน์ตื่นตกใจจนร้องขึ้นมา มือที่กระชาก พิงกี้ไว้คลายออกอย่างควบคุมไม่ได้ กอดแขนไว้และร้อง เจ็บ “โอ๊ย….เจ็บ เจ็บจะตายอยู่แล้ว นางแพศยา นี่แกทำ อะไรกับฉันเนี่ย? นึกไม่ถึงเลยว่าแกจะกล้าลงมือกับฉัน นี่ แกใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้เชียวเลยเหรอ?”

หทัยรัตน์สีหน้าขาวซีด กุมแขนไว้และตะคอกเสียง

ดัง

พิงกี้หลุดพ้นจากเนื้อมือของหทัยรัตน์ เธอรีบห่างๆ จากหัวบันไดที่อันตราย ขยับตัวไปด้านหลังหลายก้าว

“คุณหญิงหทัยรัตน์ ถ้าคุณไม่ลงมือกับฉันก่อน ฉันก็ ไม่เอาคืนคุณหรอก ปากคุณบอกว่าฉันสนุน แต่ฟังคำพูดที่ คุณค่าฉันแล้ว ใครกันแน่ที่ไม่มีการศึกษา คุณเองก็น่าจะรู้ดีแก่ใจไม่ใช่หรอคะ?”

“นังตัวซวย หรือแกยังหวังอยากจะให้ฉันยิ้มแย้มให้ แกรียังไง? ก่อนหน้านั้นลูกชายฉันอยู่อย่างปลอดภัยมา โดยตลอด แต่หลังจากได้เจอกับแกเท่านั้นแหละ เขาก็ ไม่มีเรื่องไหนที่ราบรื่นเลย ฉันว่าแกเป็นตัวซวยแล้วมันผิด หรอ? ฉันจะบอกแกให้เจียมกะลาหัวของตัวเองไว้นะ แก มันก็แค่เครื่องมือระบายความใคร่ของลูกชายฉันเฉยๆ เขา ไม่ได้จริงใจกับแกหรอก พวกแกยังไม่ได้งานแต่งเลยด้วย ซ้ำแกอย่าคิดว่าจะได้เอาอะไรไปจากตระกูลฉันเลยแม้แต่ นิด! อย่าบอกว่าเควินไม่อยู่เลย ถึงเควินยังอยู่ฉันก็ไม่มี ทางให้แกได้เหยียบเข้าบ้านของตระกูลฉันหรอก”

ทั้งโกรธทั้งโมโห หทัยรัตน์ตะคอกเสียงดังใส่พิงกี้

พิงกี้หายใจลึกๆทีหนึ่ง ไม่อยากทำให้ตัวเองอารมณ์ เสีย “ป้าเฉิน ส่งแขกค่ะ”

“ส่งแขก?” สีหน้าของหทัยรัตน์ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เธอตะคอกด้วยความโกรธ “แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันไป? ฉันจะบอกแกให้นะว่านี่คือบ้านของลูกชายฉัน ก็เท่ากับว่า เป็นของๆตระกูลฉัน! ถ้าจะไปก็ต้องแกสิที่เป็นคนไป แต่ ไม่ใช่ฉัน!”

เธออยากลงมือจัดการพิงกี้ต่ออีก แต่ครั้งนี้ป้าเฉินมือไวตาไวขวางเอาไว้ซะก่อน “คุณหญิงเชิญกลับเถอะค่ะ”

“แกคิดว่าแกเป็นใคร กล้าดียังไงมาออกคำสั่งฉัน?”

“ดิฉันเป็นคนที่คุณเควินจ้างมา ในเมื่อคุณเควินให้ ดิฉันดูแลคุณพิงกี้ดีๆ ดิฉันก็จะต้องทำตามหน้าที่ค่ะ” ป้า เฉินพูดอย่างไม่ต่ำต้อยไม่สูงส่ง

ป้าเฉินเป็นคนของเควิน ฟังแค่คำสั่งของเควิน เท่านั้น เดิมทีก็มีความเคารพต่อหทัยรัตน์มาก แต่ว่า พอ หทัยรัตน์เผยด้านที่กำเริบเสืบสานและยโสโอหังออกมา เธอก็ได้เก็บความเคารพนี้คืน รู้สึกเพียงว่าพิงกี้น่าสงสาร มาก

ก่อนหน้านั้นก็มีอุปสรรคเรื่องความรักกับคุณเควิน ต่อ มากว่าจะกลับมารักกันไม่ใช่ง่ายๆ ตอนนี้ก็มาเจอแบบนี้ อีก…….เด็กสาวคนนี้ก็ไม่ง่ายเลย

พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของป้าเฉินยิ่งยืนหยัดขึ้นมา ไม่เห็นหทัยรัตน์อยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิด

“อยากทำตามหน้าที่ดีนัก คอยดูว่าฉันจะสั่งสอนแก ยังไง ให้รู้ซะบ้างว่าอะไรคือหน้าที่ๆแท้จริง!

ขนาดกับพิงกี้ยังไม่ไว้หน้าเลย นับประสาอะไรกับอิแค่คนรับใช้คนหนึ่ง หทัยรัตน์ยกมือขึ้นก็อยากตบเข้าที่ หน้าของป้าเฉิน แต่กลับถูกป้าเฉินตาไวมือไวล็อคข้อมือ ไว้จนขยับไม่ได้

อยากดึงมือออก แต่ยังไงก็ดึงไม่ออก

มือของป้าเฉินเหมือนคีมอันหนึ่งที่บีบมือของหทัย

รัตน์ไว้แน่น

หทัยรัตน์โมโหจนหน้าแดง เธอตะโกนอย่างกระหืด กระหอบ “แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ได้ยินรึเปล่า?”

“เชิญคุณหญิงออกไปด้วยค่ะ คุณพิงกี้จะพักผ่อน แล้ว เธอตั้งครรภ์อยู่ร่างกายไม่สะดวก ต่อไปคุณอย่ามาที่ นี่จะดีกว่าค่ะ! ถ้าคุณไม่ไป งั้นฉันคงต้องลากคุณไปแล้ว ค่ะ”

ท่าทางที่แข็งกร้าวของป้าเฉินทำให้หทัยรัตน์ยิ่ง โมโหเข้าไปใหญ่

แต่ว่า เธอก็ดิ้นไม่หลุดจากป้าเฉิน ข้างกายก็ไม่มีผู้ ช่วย ได้แต่ลามือด้วยความโกรธแค้น

เธอที่เป็นคนมีหน้ามีตาขนาดนี้ จะให้คนใช้มาไล่ ตะเพิดได้ยังไง?
“วันนี้ฉันกลับก่อนดีกว่า ถือว่าพวกแกรอดตัวไป! แต่ ฉันจะบอกพวกแกให้นะ ถ้าภายในพรุ่งนี้พวกแกยังไม่ย้าย ออกจากที่นี่ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายที่พาคนมาเขวงข้าวก็ แล้วกัน!”

ทิ้งท้ายไว้คำหนึ่ง ในที่สุดหทัยรัตน์ก็หันหลังจากไป บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยความเงียบเหงา พิงกี้ฉีกรอยยิ้มและมองไปที่ป้าเฉิน “ขอบคุณค่ะ ป้า

เฉิน”

“ขอบคุณอะไรกันคะ?” ป้าเฉินประคองพิงกี้ไว้ด้วย ความทะนุถนอม “ไปเถอะค่ะ ไปนอนหลับพักผ่อนดีๆ อย่า คิดฟุ้งซ่านเลยนะคะ

“โอเคค่ะ” พิงกี้พยักหน้าเบาๆ

นั่งลงมาที่ข้างเตียง ด้วยจิตใต้สำนึกพิงกี้หยิบเสื้อผ้า ของเควินมากอด คนทั้งคนมุดเข้าไปในผ้าห่ม ป้าเฉินเห็น แบบนี้แล้วอดน้ำตาคลอเบ้าไม่ได้

นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง พิงกี้จึงถามป้าเฉินว่า “ทางฝั่งของลิสายังมีคนเฝ้าจับตาดูอยู่มั้ยคะ? สองวันนี้มี ส่งข่าวคราวอะไรมามั้ยคะ?
ต่างก็บอกว่าเมื่อคนตกต่ำลง พวกที่เคยใกล้ชิดก็จะ พากันตีจาก มิหนำซ้ำยังมีคนฉวยโอกาศซ้ำเติม ก็ไม่รู้ว่า คนที่ส่งไปก่อนหน้านั้นยังใช้งานพวกเขาต่อได้มั้ย

“มีคนจับตาดูอยู่ค่ะ หน่วยสืบลับของเราไม่ใช่คน ที่ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตหรอกค่ะ” ป้าเฉินแอบ เช็ดน้ำตา และพูดอย่างอ่อนโยน “คุณพิงกี้วางใจเถอะค่ะ เรื่องนี้ดิฉันจะจัดการเองค่ะ จะไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดเด็ด ขาดเลยค่ะ”

“ค่ะ” พิงกี้ฉีกรอยยิ้มออกมา “งั้นก็รบกวนป้าเฉิน แล้วนะคะ”

พอปิดประตูห้องนอนใหญ่ ป้าเฉินได้ถอนหายใจ แรงๆทีหนึ่ง

ถ้าหากเมื่อก่อนเธอแค่รู้สึกว่าพิงกี้เป็นแค่เจ้านายคน หนึ่ง ตอนนี้ เห็นพิงกี้ที่สูญเสียการปกป้องของเควินแล้ว ยังเข้มแข็งขนาดนี้ ไม่ยอมละทิ้งลูกในท้อง ป้าเฉินรู้สึก ชอบสาวน้อยที่ดื้อด้านคนนี้จากใจจริงเลย

เมื่อก่อนหลานสาวคนหนึ่งทางฝั่งแม่ หลังจากสามี เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เธอก็ได้เอาลูกในท้องที่ตั้งครรภ์ได้ แปดเดือนออก ช่างบาปกรรมจริงๆ
เพื่อมีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบายขึ้น เพื่อลดปัญหาและ ความวุ่นวาย จึงตัดสินใจเอาลูกออก ต่อไปจะได้แต่งงาน ใหม่ได้ง่ายขึ้น ความคิดแบบนี้เธอไปตำหนิไม่ได้ แต่อาจ จะเป็นเพราะเธออายุมากแล้ว เธอจึงรู้สึกทนดูเรื่องแบบนี้ ไม่ได้

อายุครรภ์ที่เจ็ดแปดเดือนก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว สามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้แล้วแท้ๆ!

แต่พิงกี้ไม่ได้ทำแบบนั้น

ถึงจะยากลำบากแค่ไหน แม้กระทั่งถึงขั้นถูกแม่สามี เกลียดขี้หน้า เธอก็ยังอดทนต่อ

เธอเองก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว รู้ว่าการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องมีความกล้าหาญมากขนาดไหน ต่อไป ถึงแม้คุณเค วินจะไม่อยู่แล้ว ขอแค่คุณพิงกี้ไม่รังเกียจ เธอก็จะคอย ติดตามและดูแลเธอตลอดไป

พิงกี้รู้สึกหทัยรัตน์ไม่ใช่คนที่จะยอมลามือง่ายๆ และ แล้ว วันที่สองหทัยรัตน์ก็มาอีกจริงๆด้วย

มาอย่างมีพลานุภาพ
ครั้งนี้ หทัยรัตน์ได้พาบอดี้การ์ดมาหกคน หัวใจทั้ง ดวงของป้าเฉินเอาแต่ปกป้องพิงกี้ แม้แต่บอดี้การ์ดพวกนี้ ยังทำอะไรป้าเฉินไม่ได้เลย และเข้าใกล้พิงกี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

หทัยรัตน์ที่เห็นและได้ยินบ่อยๆ ดูก็รู้ว่าป้าเฉินไม่ใช่ คนธรรมดาแน่นอน ทันใดนั้นแววตายิ่งไม่พอใจเข้าไป ใหญ่

ป้าเฉินที่มีความสามารถขนาดนี้ ลูกชายตัวเองไม่ส่ง มาติดตามอยู่ข้างกายตัวเอง แต่กลับส่งมาดูแลปกป้องมาร จิ้งจอกน้อยคนนี้ ลูกชายของตัวเองต้องถูกมารจิ้งจอกคน นี้กรอกหูแน่ๆ!

“ช่างเถอะ ไม่ต้องไปสนใจผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขวง ข้าวของที่นี่ให้พังหมดเลย! จับอะไรได้ก็เขยี้ยวเลย

อย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว!

แววตาเย็นชา หทัยรัตน์ออกคำสั่ง บอดี้การ์ดทั้ง หลายได้ลามือจากป้าเฉิน หยิบจับอะไรได้ก็เขวงทิ้ง อย่างโหด

ไม่นาน สีหน้าของพิงกี้เปลี่ยนไปในทันที

บ้านหลังนี้คือบ้านที่เควินตั้งใจตกแต่งเพื่อเธอโดยเฉพาะ ทุกอย่างของที่นี่ต่างก็ตรงตามความชอบของเธอ ทุกที่ของที่นี่ต่างก็เต็มไปด้วยความรักที่เขามีให้เธอ แต่ว่า ตอนนี้เธอได้แต่มองทุกอย่างนี้ถูกทำลายไป

เธอจะทนดูได้ยังไง?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ