คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่274.ไม่เชื่อ!



บทที่274.ไม่เชื่อ!

ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากเตชิต พิงกี้ก็น้ำตา ไหลรินเหมือนสายฝนแล้ว

ยังต้องเอาคำตอบอะไรอีก

สีหน้าของเตชิต ได้สื่อออกมาให้เห็นทุกอย่างแล้ว

หัวใจเหมือนถูกคนเอามีดแทงเข้าอย่างโหดทีหนึ่ง ฤดูใบไม้ผลิที่หนาวเย็น พัดจนราวกับว่าเลือดทั่วร่างกาย ของเธอถูกแช่แข็งเอาไว้ บาดแผลในใจถูกลมพัดจนเธอ เจ็บปวด เหมือนกับว่าจะพัดให้ร่างของเธอแตกสลายเป็น เสี่ยงๆ

เธอเจ็บจนทนไม่ไหวถึงขั้นโน้มตัวลง น้ำตาไหลริน ลงมาที่พื้นทีละหยดๆ หยดจนพื้นเป็นคราบน้ำ ทำเอาเต ชิตตกใจจนสีหน้าแย่ขึ้นมาทันที

“คุณเป็นอะไรมากมั้ย?”

“ฉัน….ฉันไม่เป็นไร……” พิงกี้ส่ายหัวด้วยความ

โศกเศร้า

ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่เสียงกลับสั่นไหว สีหน้า กลับซีดเซียว เหงื่อกลับท่วมหน้าผาก……..
นี่จะไม่เป็นไรได้ยังไง?

“ผมพาคุณเข้าบ้านก่อน คุณพักผ่อนดีๆ เรื่องต่อจาก นี้……เรา เราค่อยคิดหาวิธี!” เตชิตได้อุ้มพิงกี้ขึ้นมาใน อกและเดินเข้าไปในวิลล่าโดยตรง

พิงกี้ถูกเขาอุ้มเข้าไปในบ้านอย่างสติไม่อยู่กับเนื้อกับ

ตัว

พอเธอดึงสติกลับมาได้ อยากขัดขืนลงจากอ้อมอก ของเตชิต แต่เสียงของเขากลับดังขึ้น

“อย่าขยับ! ถึงคุณไม่เป็นห่วงตัวเอง ก็ต้องเป็นห่วง ลูกในท้อง ได้ยินหรือเปล่า? ยิ่งเวลาแบบนี้คุณก็ยิ่งต้อง เข้มแข็งเข้าไว้! เควินตายแล้ว ลูกในท้องของคุณคือเลือด เนื้อเชื้อไขหนึ่งเดียวของเขา คือของขวัญชิ้นล้ำค่าที่สุดที่ เขาเหลือไว้ให้คุณ คุณจะต้องปกป้องไว้ดีๆ

คำพูดที่กล้าหาญของเตชิต เหมือนก้อนหนักอันนึงที่ ทุบจนพิงกี้ตื่นตัวขึ้นมา

ใช่สิ

ยังมีลูก……..
อย่างอื่นไม่สนใจได้ แต่ไม่สนใจลูกไม่ได้

มือทั้งสองวางไว้ที่หน้าท้อง พิงกี้น้ำตาไหลอย่าง เงียบๆ แต่แววตาที่โศกเศร้าได้ค่อยๆเข้มแข็งขึ้นมา

เห็นเธอเป็นแบบนี้ เตชิตที่รู้สึกสงสารก็ได้วางใจลง เล็กน้อย

อย่างน้อย เขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าพิงกี้จะรับความ จริงไม่ได้แล้วคิดสั้น

“ป้าเฉิน เปิดประตู ” เดินมาถึงหน้าประตู เตชิตได้ เรียกป้าเฉินที่กำลังยุ่งกับงานอยู่

ป้าเฉินเห็นเตชิตอุ้มพิงกี้ปุ๊บ เธอก็ได้ทิ้งผ้าในมือ ลง ใช้เวลาอันรวดเร็วที่สุดในการพุ่งออกไปและถามด้วย ความร้อนรนใจว่า “คุณเตชิต คุณนายเป็นอะไรคะ?”

“ไม่เป็นไร…..” เตชิตไม่มีอารมณ์จะตอบจึงได้พูด ตรงๆไปว่า “ผมส่งพิงกี้ขึ้นห้องก่อน ป้าไปในน้ำอุ่นมาให้ แก้วนึง

“ค่ะๆๆ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”

ป้าเฉินไปด้วยความรีบร้อน
เตชิตชอบมาเที่ยวที่บ้านเป็นประจำ แต่เขากลับรู้ มารยาทและไม่เคยขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสองเลย เดินไป ถึงครึ่งทาง เขารีบเรียกป้าเฉินไว้ “ป้าเฉิน ห้องนอนใหญ่ อยู่ที่ไหน?”

“มุมสุดของซ้ายมือค่ะ อุ๊ย~ป้ามานำทางดีกว่าค่ะ ก็ ไม่รู้ว่าประตูเปิดหรือว่าปิดอยู่” ป้าเฉินรีบตามขึ้นมา

พอวางพิงกี้ลงบนเตียง ป้าเฉินถึงได้ไปในน้ำด้วย ความเร่งรีบ

พิงกี้ก็ได้ทุเลาลงมาหน่อยแล้ว

แววตาที่แฝงด้วยน้ำตาของเธอมองเตชิตด้วยความ คาดหวัง “คุณเตชิต ก่อนที่พ่อคุณจะสลบได้บอกราย ละเอียดไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ไม่ได้บอก” เตชิตส่ายหัว

สายตาที่เขามองพิงกี้เต็มไปด้วยความสงสารและ ความเห็นใจ เขารู้ว่าพิงกี้ยังยอมรับความจริงที่เควินตาย ไปแล้วไม่ได้

พิงกี้ยอมรับไม่ได้จริงๆ “ในเมื่อพ่อคุณยังไม่ได้เล่า รายละเอียด งั้นก็แสดงว่าเขาไม่เคยเห็น…..ศพของคุณเควิน อยู่ต้องเห็นคนตายต้องเห็นศพ ถ้าไม่เห็นศพของ เขา ชาตินี้ฉันก็ไม่มีวันเชื่อหรอก!”

เธอพูดจาเสียงดังและเข้มแข็ง

พิงกี้ดึงสติกลับมาจากความโศกเศร้า และบังคับให้ ตัวเองเข้มแข็งเข้าไว้

“ผมก็อยากคิดเหมือนคุณเหมือนกัน แต่ผมไม่อยาก เห็นคุณได้รับกระทบกระเทือนอะไรอีก เตชิตขมวดคิ้ว แน่น “พ่อผมออกไปปฏิบัติภารกิจกับเควินด้วยกัน เรื่อง มันเป็นมายังไง พ่อผมต้องรู้ดีอยู่แล้ว……พ่อผมเป็นคน รอบคอบ ถ้าไม่มีความมั่นใจถึง90% เขาไม่มีทางพูดแบบ นี้แน่นอน”

พิงกี้หลุบตาลง และเงียบไปสักพักใหญ่ๆ

“ฉันก็ไม่เชื่ออยู่ดีค่ะ” นานมากแล้ว เธอเงยหน้าขึ้น มาและยิ้มอย่างโศกเศร้า “คุณเตชิต อยู่ในใจฉันเควินเป็น ผู้ชายที่เก่งที่สุด เขาไม่มีทางตายง่ายๆหรอก พวกคุณต่าง บอกว่าเขาตายแล้ว แล้วศพละ ศพของเขาล่ะ?”

เธอยิ่งพูดยิ่งอารมณ์ขึ้น พูดถึงท้ายสุด ใบหน้าของ เธอได้แดงก่ำขึ้นมา เสียงก็เปลี่ยนมาแหลมคม “ถ้าพวก คุณอยากให้ฉันเชื่อว่าเควินตายแล้ว งั้นอย่างน้อยก็ต้องเอาศพของเขามาวางอยู่ตรงหน้าฉันสิ! พูดปากเปล่าแบบ นี้จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง?!

พิงกี้ตะคอกเสร็จก็พิงไปที่เตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง คนทั้งคนเหมือนล้วงออกมาจากในน้ำทั้งเนื้อทั้งตัวเปียก ชุ่มด้วยเหงื่อและน้ำตา

ป้าเฉินที่ยกน้ำมาให้ ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู แล้วได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทันใดนั้นดวงตาแดงขึ้นมา ทันที…..เธอได้เช็ดน้ำตาที่หางตาแล้วเดินเข้าไป

“คุณนายดื่มน้ำก่อนค่ะ

พิงกี้ไม่มีอารมณ์ที่จะดื่ม

เธอได้เปิดปากพูดกับเตชิต “ตอนนี้อาการของ พ่อคุณเป็นยังไงบ้างคะ?”

“กำลังเข้ารับการผ่าตัดอยู่ น่าจะไม่เป็นอะไรมาก

“ท่านจะสามารถตื่นมาได้เมื่อไหร่คะ?”

เตชิตรู้ความหมายของพิงกี้ เขาคิดๆแล้วพูดว่า “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คืนนี้คุณพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ผมมารับ คุณไปที่โรงพยาบาล ให้คุณคุยกับพ่อผมโดยตรงเลย โอเคมั้ย?”

“ไปคืนนี้ไม่ได้หรอคะ?” พิงกี้ถามด้วยความใจร้อน

คืนนี้สามารถทำการผ่าตัดเสร็จแน่นอน และสามารถ ฟื้นจากยาสลบแน่นอน แต่เตชิตไม่อยากให้พิงกี้ทรมาน ตัวเองอย่างนี้

เขาคิดไตร่ตรองเสร็จแล้วพูดว่า “พ่อผมอาการบาด เจ็บสาหัส คืนนี้คงจะไม่มีแรงพูดกับใครทั้งนั้น ถึงฝืนพูด ก็ไม่สามารถทนได้นานเท่าไหร่ ผมว่าคุณไปพรุ่งนี้ดีกว่า คุณคิดว่าไงบ้าง?

” นี่มันเกี่ยวโยงกับอาการบาดเจ็บของพ่อเต ชิตเลยนะ พิงกี้จะไม่คำนึงถึงไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่พยัก หน้า

เพียงแต่คืนนี้ยังไงก็คงนอนไม่หลับแล้ว

พิงกี้พลิกตัวไปมาอยู่ทั้งคืน มือกุมหน้าอกไว้ น้ำตา ไหลรินไม่หยุด

สุดท้ายพิงกี้ได้หลับไปอย่างสะลึมสะลือและฝันเห็น

เควิน
ร่างกายเขาถูกยิงหลายจุด บาดแผลของทุกจุดได้มี เลือดไหลออกมาซิบๆ เลือดที่แดงสดไหลจนพื้นเปียกชุ่ม ส่วนเขาได้นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นและยิ้มให้เธอ ริม ฝีปากขยับอย่างไม่มีเสียง บอกกับเธอว่าต้องรอเขา

เขาจะกลับมาแน่นอน……..

พิงกี้ตื่นขึ้นมาจากความฝันในยามดึก เธอกัดผ้าห่มไว้ แน่นเพื่ออุดเสียงร้องไห้ไว้ในปาก

วันรุ่งขึ้น

พิงกี้ตื่นขึ้นมาแต่เช้า

ยังไม่ถึงหกโมงเช้าเตชิตก็ได้มาถึงที่บ้าน ยืนอยู่นอก ห้องนอนใหญ่ก็เห็นพิงกี้นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ทันใด นั้นเขารู้สึกสงสารจับใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ