คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่273:เควินได้สละชีพไปแล้ว



บทที่273:เควินได้สละชีพไปแล้ว

ช่วงนี้ เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของลูก พิงกี้และ มาลา พบกันน้อยลงเรื่อย ๆ

เหตุผลของเธอเพียงพอที่จะน่าเชื่อถือได้มาก

อายุครรภ์ก็มากแล้ว บวกกับอากาศในเดือนมีนาคม ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก หนาวเกินไปและมีฝนตกเป็นระยะๆ จึงไม่ อยากออกไปข้างนอก

เหตุผลนี้น่าเชื่อถือมากและมาลาก็ไม่มีอะไรจะพูด

ส่วนเรื่องที่มาลาดีอยากมาหาที่วิลล่า พิงกี้ก็มีเหตุผล ที่ดีในการปฏิเสธเช่นกัน “ฉันเองก็ยังไม่มีฐานะทางสังคม กับคุณเควินเลย ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าแม่มา แล้วก่อเรื่องอะไรเข้า ไม่แน่คุณเควินอาจจะมาพาลใส่ฉัน ด้วย………เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แม่อย่ามาเลยดีกว่าน้ำ แม่คงไม่อยากให้ฉันถูกเขาขับไล่ให้กลับไปอยู่ที่บ้านใช่ ไหม? ”

เควินได้กลายเป็นแพะรับบาปอยู่ลับๆ

แต่ว่า คำพูดเหล่านี้น่าเชื่อถือมากอย่างน้อยมาลา กับชาตรีก็เชื่อว่าเป็นแบบนี้จริงๆ เพราะทั้งคู่ต่างก็รู้สึกว่า เควินไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ
พอเป็นแบบนี้

ตั้งครรภ์มาเจ็ดเดือน พิงกี้ได้ลายเป็นแม่บ้านที่ สมบูรณ์แบบไปแล้ว ปกติเธอก็จะเดินเล่นผ่อนคลายอยู่แต่ ในสวนของบ้านตัวเอง

เป็นที่น่ากล่าวขวัญคือเตชิตก็ได้ซื้อบ้านหลังหนึ่ง ที่L.K.Crystal วิลล่านี้ด้วย หลังจากที่พิงกี้ถูกน้ำ หวาน”ไล่ออก” เขาก็ได้ย้ายบ้านตามพิงกี้แล้ว

มีท่าทางของการไล่ล่าไปยังจุดสิ้นสุดของโลก เควิน กลุ้มใจจนหางตากระตุก

วิลล่าหลังนี้ของเตชิตคาดว่าคงจะใช้ทั้งไม้แข็งและ ไม้อ่อนถึงซื้อมาได้แน่นอน ที่สำคัญที่สุดคืออยู่ใกล้กับ วิลล่าNo.1ที่พิงกี้อยู่มาก

ตอนที่เควินไม่อยู่บ้าน เตชิตมักจะมาเที่ยวหาพิงกี้ เป็นประจําพร้อมกับเอาของอร่อยมาติดไม้ติดมือมาด้วย ทุกครั้ง

ตอนที่เตชิตพ่นพิษออกมาจากปากสามารถทำให้คน สําลักตายได้ แต่ตอนที่ปากหวานขึ้นมา แม้แต่ป้าเฉินเอง ยังถูกเขากล่อมจนยิ้มแฉ่ง ทุกครั้งที่เขามาที่บ้านป้าเฉินก็ จะต้อนรับเป็นอย่างดีเลย
แต่ลับๆป้าเฉินก็ยังเอาข่าวที่เขามาเที่ยวที่บ้านแจ้ง ให้เควินทราบอยู่ดี เควินก็ยังดึงอีกเช่นเคย

นี่ก็เพิ่มงานให้พิงกี้ไม่น้อยเลย

ถึงแม้ผู้ชายของเธออยู่ไกลแค่ไหน ที่เธอควรกล่อม ก็ยังต้องกล่อมอยู่ ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเพียงเพราะเขาไม่ อยู่ข้างกายเลยแม้แต่นิด

แต่ว่า ช่วงนี้ถึงพิงกี้อยากกล่อมผู้ชายของตัวเองมาก แค่ไหนก็ไม่มีให้กล่อมแล้ว

หลายวันก่อนเควินได้เดินทางไปอเมริกาอีกแล้ว ติด ต่อเควินยากเหมือนทุกครั้งที่ไปต่างประเทศอีกเช่นเคย ครั้งนี้พิงกี้ไม่ได้รับข้อความจากเควินหลายวันแล้ว

หัวใจทั้งดวงของเธอเหมือนแขวนอยู่กลางอากาศ ทรมานจะแย่อยู่แล้ว

ป้าเฉินเห็นเธอนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาทุกวันก็ ไม่ใช่ทางออกที่ดี ลับหลังเธอป้าเฉินเลยแอบโทรหาน้ำ หวานให้มาเที่ยวหาเธอ

วันนี้เป็นสุดสัปดาห์พอดี ภายใต้สถานการณ์ที่พิงกี้ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยน้ำหวานก็ได้มารายงานตัวแล้ว
“ดึงด่อง”

เสียงกดกริ่งได้ดังขึ้น

ป้าเฉินรีบมาเปิดประตูด้วยความว่องไว น้ำหวาน ทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใส “หวัดดีค่ะ ป้าเฉิน”

และโบกมือให้พิงกี้ที่นั่งอยู่บนโซฟา “พิงกี้ สุดที่รัก ของฉัน ฉันมาแล้วค่ะ!

พิงกี้หันหน้าไปมอง เห็นน้ำหวานลากกระเป๋าเดิน ทางใบใหญ่มาด้วยทันใดนั้นเธอยักคิ้วและถามว่า “ทำไม ทะเลาะกับสุดที่รักของเธอล่ะสิ ถึงได้มากหน้ามาขออาศัย อยู่กับฉัน?”

“ฉันไม่ได้มากหน้ามาขออาศัยเธอยู่หรอกย่ะ ชีวิต ฉันหวานแหววจะตายไป” ตอนนี้โลกของน้ำหวานเป็น สีชมพูหมดทั้งใบ เธอพูดด้วยความได้ใจ “นี่เป็นของที่ฉัน เตรียมไว้ให้ลูกบุญธรรมทั้งหมด แฮ่ะๆ……ลูกบุญธรรม ฉันต้องชอบมากแน่ๆเลย!

พิงกี้ “ ..….….”

เธอได้ซื้อของไว้ให้เบบี้ไม่น้อยแล้ว แต่น้ำใจของน้ำ หวานก็มีคุณค่ามาก เห็นสีหน้าที่มีความสุขและได้ใจของน้ำหวานแล้ว เธอเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย

เปิดกระเป๋าเดินทางออก ทันใดนั้นของที่ยัดจนแน่น อยู่ข้างในได้เด้งออกมา ข้างในมีของเล่นและชุดสัตว์ ต่างๆเพียบ………

ของพวกนี้น่ารักมาก คุณภาพก็ดีเยี่ยม เห็นได้ชัดว่า น้ำหวานใช้ใจในการเลือกซื้อมาก

น้ำหวานยังพูดด้วยความประหยัด “ของพวกนี้ให้ ลูกชายเธอใช้อย่างระมัดระวังด้วยนะ ต่อไปฉันจะได้เอาไว้ ให้ลูกฉันใช้ต่อ”

” พิงกี้ถามด้วยความงงงวย “เธอไม่กลัว ลูกเธอจะน้อยใจหรอ?”

จะมีแม่คนไหนที่เป็นแบบนี้?

ซื้อของเล่นให้ลูกคนอื่น แต่ให้ลูกตัวเองใช้ของเหลือ

จากคนอื่น

“มีอะไรน่าน้อยใจ? ตอนเด็กฉันก็ยังเล่นของเล่นที่ เหลือจากพี่ชายฉัน พวกเราต่างก็โตมาแบบนี้ไม่ใช่หรอ?”

“มันก็ใช่” พิงกี้ก็ไม่เกลี้ยกล่อมแล้ว
เพราะยังไงซะ ถ้าน้ำหวานมีลูกแล้ว เธอก็ต้องเตรียม ของกองเบ่อเริ่มให้ลูกของน้ำหวานอยู่แล้ว นี่ก็ถือว่าเป็น มารยาท และเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ดีของเธอสองคน ด้วย ต่างก็อยากทุ่มเทให้ซึ่งกันและกัน

พอดูของเล่นเสร็จ น้ำหวานมองดูรอบๆและถามด้วย ความแปลกใจว่า “เควินล่ะ เดินทางไปต่างประเทศอีกแล้ว หรอ?”

“อืม ใช่” เดิมทีการโผล่มาของน้ำหวานได้ทำให้ พิงกี้จิตใจสงบลงแล้ว พอพูดถึงเรื่องนี้อีกก็ทำให้พิงกี้ไม่ สบายใจขึ้นและถอนหายใจแรงๆ

“เป็นอะไรไป?”

“ครั้งนี้เขาไปต่างประเทศหลายวันแล้ว ไม่มีข่าว คราวของเขาเลย ฉันรู้สึกเป็นห่วงเขา

“เราแจ้งความดีมั้ย?” น้ำหวานถามด้วยความซื่อ

เธอไม่รู้งานของเควินเหมือนที่พิงกี้รู้ เรื่องที่ เกี่ยวข้องกับกองกำลังพิเศษอย่างหน่วยสืบลับ แจ้งความ จะมีประโยชน์อะไร? นี่ไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจทั่วไปจะสามารถ แก้ไขปัญหาได้
“แจ้งความก็ไม่มีประโยชน์หรอก” พิงกี้ส่ายหัว

“งั้นหาเตชิต ให้เขาช่วยถามสถานการณ์ดู?”

“อืม เดี๋ยวฉันลองถามเขาดู” พิงกี้ตอบแบบ คลุมเครือ

เรื่องบางเรื่องให้น้ำหวานรู้ไม่ได้ เธอต้องเก็บความ ลับไว้ให้ดี

ที่จริง ครั้งนี้พ่อของเตชิตก็ได้ไปปฏิบัติภารกิจด้วย เค วินกับพ่อของเตชิตไม่ได้ติดต่อกลับมาเป็นอาทิตย์แล้ว เต ชิตก็กำลังตรวจหาสาเหตุในนั้นอยู่เหมือนกัน

ไม่รู้เพราะอะไร พิงกี้รู้สึกกังวลมาก

แต่ว่า ไม่อยากให้น้ำหวานเป็นห่วงตัวเอง เธอยิ้ม และพูดว่า “เอาล่ะ เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก เขาตัว ใหญ่ขนาดนั้นดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว เขาคงจะประชุมเรื่อง สำคัญอยู่ถึงได้ปิดเครื่องแน่นอน”

นี่เป็นเรื่องทีพูดมั่ว ว

แต่น้ำหวานกลับเชื่อว่าเป็นความจริง กระพริบตา ปริบๆ เธอพยักหน้าอย่างหนักและพูดว่า “ใช่ ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน เธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก!”

เห็นใบหน้ากลมดึกจริงจังของเธอแล้ว พิงกี้กลั้น หัวเราะไว้ไม่อยู่ อารมณ์ก็รู้สึกดีขึ้นด้วย

หลังทานอาหารเย็นเสร็จ น้ำหวานก็ได้ลากกระเป๋า เดินทางเตรียมตัวชิ่งหนีแล้ว

พิงกี้ส่งยัยตัวแสบที่ไม่มีหัวจิตหัวใจคนนี้ถึงหน้าบ้าน มองเธอขึ้นรถกับสายฟ้าแล้ว ทีนี้ถึงได้เดินกลับเข้าบ้าน

แต่เพิ่งหันหลังไป เธอก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น

เสียงนี้รู้สึกคุ้นๆ

แต่ฟังดูแปลกๆ!

หันหลังมองไป พิงกี้เห็นร่างเงาของเตชิตยืนอยู่ใต้ ต้นไม้ ทันใดนั้นเธอยิ้มละไม “ทำไมเสียงคุณกลายเป็น แบบนี้?”

พอเตชิตเดินออกมา เห็นดวงตาของเขาเต็มไปด้วย เส้นเลือด สีหน้าที่มืดมนหนักหน่วง ทันใดนั้นเธอรู้สึก หัวใจหนักหน่วงขึ้นมาและถามด้วยความใจร้อน “คุณเป็น อะไรไปคะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า คุณ….คุณยืนอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว?

เห็นเธอตื่นตระหนกขนาดนี้ เตชิตอยากฝืนยิ้มออกมา เพื่อไม่ให้เธอตื่นตกใจ แต่สภาพของเขาในตอนนี้หัวเราะ ยังน่าเกลียดกว่าร้องไห้เสียอีก

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?” ไม่รอให้เตชิตได้เปิดปาก พูด พิงกี้ก็รีบถามด้วยเสียงเคร่งขรึมแล้ว

ไม่รู้เพราะอะไร ในใจหวาดกลัวเหมือนน้ำทะเลซัดมา เป็นระลอกๆ ทำให้เธอสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“คุณอย่าเพิ่งใจร้อน” เตชิตรีบเดินมาข้างหน้าก้าว หนึ่ง มือทั้งสองจับไหล่ของพิงกี้ไว้ นิ่งไปครู่นึง สุดท้ายก็ ยอมพูดภายใต้สายตาที่เค้นถามของเธอ “วันนี้พ่อผมกลับ มาแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก จากนั้น………..”

“จากนั้นอะไรอีกคะ?”

“ก่อนที่เขาจะสลบไป เขาบอกว่า บอกว่า…..เควิน ได้สละชีพไปแล้ว!” ช้าเร็วก็ต้องพูด ไหนๆก็ไหนๆแล้วเต ชิตเลยพูดออกมาตรงๆเลย

เขาเคยคิดอยู่ถ้าไม่มีนายเควินมาขวางหูขวางตา ไม่ แน่พิงกี้ก็คงจะเห็นความดีของเขาไปตั้งนานแล้ว แต่พอรู้ข่าวที่เควินสละชีพ เขากลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด

นาทีที่รู้ข่าว เขาคิดอยู่อย่างเดียวคือลูกในท้องของ พิงกี้จะทำยังไง?

เธอจะยอมรับเรื่องที่เควินตายได้ไหม?

ไม่ได้แน่นอน!

นาทีนี้สีหน้าที่ซีดเซียวของพิงกี้ได้พิสูจน์แล้วว่า เธอ รับไม่ได้ เธอรับไม่ได้เลยแม้แต่นิด!

ริมฝีปากสั่นไหว พิงกี้ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พ่อคุณกลับมาแล้ว ท่านบอก.. ท่านบอกว่าเควินตาย แล้ว?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ