บทที่259:ถ้าหลานไม่มา ยายจะฆ่าตัวตาย
พอนึกถึงภาพของเมื่อคืน เหมือนภาพเหล่านั้นยัง โผล่อยู่ที่ตรงหน้าของพิงกี้เลย
เวลาสองทุ่ม
สายลมยามดึกคอยพัดพาผ้าม่านสีขาว ลมที่พัด เข้ามาในช่องว่างหน้าต่าง พัดจนทำให้คนเหน็บหนาว พิงกี้เอาเสื้อกันหนาวขนสัตว์มาสวมใส่ และเดินไปที่ริม หน้าต่างเตรียมปิดหน้าต่างให้แน่น
ยังเดินไม่ถึงสองก้าว มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา
เธอหันไปดูที่หัวเตียง พบว่าหน้าจอแสดงรูปของยาย สมศรี เห็นยายสมศรีโทรมา ทันใดนั้นเธอมีความคิดที่ไม่ อยากรับสาย
ก่อนหน้านั้นยายสมศรีผลักเธอล้มที่พื้นห้องน้ำ จาก นั้นภาพเหตุการณ์ที่ท่านวิ่งหนีไปต่างอยู่ในสายตาของ เธอ ถึงเธอจะเห็นญาติสำคัญแค่ไหน ท่าทางแบบนั้นของ ยายสมศรีเพียงพอที่จะทำให้เธอที่เห็นความสำคัญของ ญาติตาย!
แต่แล้ว เธอได้เดินไปปิดประต่างอีกครั้ง แต่เสียง โทรศัพท์ของเธอยังสั่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เหมือนไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้นอย่างไรอย่างนั้น
พิงกี้ไม่สะทกสะท้าน และไม่รู้สึกรำคาญ ปล่อยให้ มือถือดังอยู่อย่างนั้น และตัวเองก็ชมวิวยามดึกของนอก หน้าต่างไป แต่ในขณะนี้นี่เอง ประตูห้องของเธอกลับถูก เคาะจนเสียงดัง
“คุณพิงกี้คะ คุณอยู่ในห้องมั้ยคะ?” ด้านนอกมีเสียง ของพยาบาลดังขึ้น
“ฉันอยู่ค่ะ” พิงกี้เดินไปทางประตูด้วยความสงสัย พอเปิดประตู พิงกี้มองพยาบาลที่สีหน้าเกรงใจ เธอจึงถาม ด้วยเสียงละมุน “หาฉันมีเรื่องอะไรหรอคะ?”
“คืออย่างนี้ค่ะ มีคุณยายท่านหนึ่งอยู่ใต้ตึกบอกว่า จะพบคุณ แถมยังบอกว่าคุณอกตัญญู โทรหาคุณยังไง ก็ไม่รับสาย เธอบอกว่าเธอไม่มีค่ารักษาพยาบาลแล้ว อะไรต่างๆนาๆ…….ตอนนี้เธอกำลังโวยวายอยู่ที่ใต้ตึก โวยวายหนักด้วยค่ะ…..คุณดูหน่อยว่าจะลงไปจัดการและ พูดเกลี้ยกล่อมหน่อยมั้ยคะ ไม่งั้นจะมีผลกระทบต่อชื่อ เสียงของคุณนะคะ……
พยาบาลพูดเพราะความหวังดี
พิงกี้ขอบคุณเธอ “ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณที่มาแจ้งข่าวฉันนะคะ เมื่อกี้ฉันมีธุระนิดหน่อยเลยรับสายไม่ทัน ฉันจะ โทรกลับเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
“โอเคค่ะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนค่ะ” พยาบาลโบกมือลา พอปิดประตู รอยยิ้มของพิงกี้ได้จางหายไปในทันที
ยายสมศรี……
นี่กะว่าจะบีบเธอหรอ?
เสียดาย เธอไม่แคร์ไม่ได้จริงๆด้วย
ถึงไม่ใช่เพื่อตัวเอง เธอก็ไม่อยากให้โรงพยาบาล ตระกูลมหาเจริญศิลป์ได้รับผลกระทบเพราะยายสมศรี
ถ้าชื่อเสียงของโรงพยาบาลเสียหาย งั้นเธอก็ไม่รู้จะ สู้หน้าตระกูลมหาเจริญศิลป์ยังไงแล้ว
พอเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาอีกครั้ง พิงกี้ทนความไม่ สบายใจไว้ ขมวดคิ้วและรับสาย “คืนนี้ยายโทรมาหาฉัน นับครั้งไม่ถ้วน มีอะไรจะคุยกับฉันกันแน่?
“พิงกี้ ไม่มีข่าวคราวของลิสามาหลายวันแล้ว แม่ ของหนูก็คุกเข่าให้หนูแล้ว หนูก็ยังไม่ยอมไปช่วยลิสาอีก หรือว่าจะให้ยายคกเข่าให้หนด้วย?”
พอรับสาย บ ฝังนู้นก็มีเสียงร้องไห้และตำหนิของ ยายสมศรีก้องมา
พิงกี้หัวเราะเย็นชาทีนึง “พวกเขาไม่สนความเป็น ความตายของลูกในท้องของฉัน อยากให้ฉันไปเปลี่ยนตัว กับลิสา แถมยังคิดอยู่ฝ่ายเดียวนึกการเสียสละของฉันจะ สามารถเปลี่ยนตัวลิสากลับมาได้ ยายก็คิดแบบนี้เหมือน กันหรอ?”
เสียงของยายสมศรีฟังไม่สมจริงเพราะกระแส ไฟฟ้า แต่ความหมายยังคงกระจ่างแจ้งอยู่เช่นเคย “พิง หลาน…….หลานช่วยลิสาหน่อยเถอะ เธอเป็นเป็นโรค หัวใจ ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก เธอทนทุกข์ทรมานแบบ นั้นไม่ได้หรอก!
“มีสิทธิ์อะไร?” พิงกี้ถามอย่างบางเบา
“พิงกี้ ไม่ว่ายังไงลิสาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ ตระกูลบุญถาวร ตระกูลของเราก็มีแค่หลานที่เป็นสาย เลือดเดียวกันคนนี้คนเดียวแล้ว……ยายขอร้องหนูล่ะ ยายรู้ว่ายายผิดต่อหนู แต่เห็นแก่ที่ยายเคยช่วยหนูครั้งนึง ยายขอล่ะหนูไปเปลี่ยนตัวให้ลิสากลับมาเถอะ! ถือว่ายาย ขอร้องหนูล่ะ…….
เสียงร้องของยายเศร้าโศกมาก ใครก็สามารถฟังออกว่าในเสียงของเธอแฝงด้วยความสิ้นหวังและ ภาวนา
แต่ว่า มีสิทธิ์อะไร?
พิงกี้กำ ถือไว้แน่นและไม่พูดสักคำ หัวใจเหมือนถูก ภูเขาทับเอาไว้ ราวกับว่าอัดอั้นตันใจเหมือนหลายร้อยปี ไม่สามารถพลิกตัวไปมาได้
ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ……..
ที่มาลาคีรักลิสาเหมือนลูกสาวแท้ๆนั่นเพราะว่า ได้เลี้ยงดูลิสามายี่สิบกว่าปี เลยทิ้งลูกสาวแท้อย่างเธอ เหมือนหมาหัวเน่า หัวใจทั้งดวงทุ่มให้แต่ลิสาคนเดียว
มาลา จึงอยากให้เธอไปเปลี่ยนตัวลิสากลับมา
ยายสมศีเพราะเห็นลิสาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ ตระกูลบุญถาวร ถึงลิสาทำผิด ก็จะช่วยลิสาทำผิดครั้งแล้ว ครั้งเล่า เพื่อเอาลูกในท้องของเธอตาย ถึงขั้นยอมลงมือ กับเธอด้วยเนื้อมือตัวเอง!
ยายสมศรีก็อยากให้เธอไปเปลี่ยนตัวกับลิสาเหมือน
กัน
โลกใบนี้เป็นอะไรไป?
โลกทั้งใบต่างก็รู้ว่าผิดต่อเธอ แต่ก็ยังทำร้ายจิตใจ เธอเหมือนที่ผ่านๆมา
นี่มันเพราะอะไร?
คำว่าขอโทษ พูดเพราะเพื่อให้ตัวเองสบายใจ หรือว่า รู้สึกสํานึกผิดจริงๆ?
หัวใจของพิงกี้เจ็บจนเย็นเฉียบ เจ็บจนแทบจะขาดใจ ดวงตากลับไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกต่อไป
เจ็บถึงขั้นนี้ จนเธอก็เริ่มสงสัยตัวเองแล้ว
สงสัยว่าตัวเองไม่ควรถูกรักใช่มั้ย? ดังนั้น ทุกคนถึง ได้ละทิ้งเธอ ห่างเหินเธอ ให้เธออยู่อย่างเดียวดายบน โลกใบนี้
พิงกี้กำมือถือไว้แน่นแล้วพูดว่า “ยายบอกกับฉันว่า ขอโทษ ฉันก็อยากบอกกับยายว่าขอโทษ ขอโทษด้วย ที่ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะใช้ชีวิตของตัวเองและลูกไป แลกกับผู้หญิงที่ต่ำช้าและไร้ยางอายอย่างลิสา! ถึงยายจะ ขอร้องฉันๆก็ไม่มีทางรับปากหรอก!”
“ยายบอกยายเคยช่วยฉัน แต่ยายเคยคิดมั้ยว่าทำไม ฉันต้องการคนช่วย? เพราะลูกชายของยายอยากข่มขืน ฉัน ลูกสะใภ้ของยายก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ฉันถึงได้ตกอยู่ใน สถานการณ์ที่อันตรายแบบนั้น! ยายช่วยฉันจะสามารถสื่อ ถึงอะไรได้?”
“ยายสมศรี นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเรียกยายว่ายาย ถ้ายายยังมีสติแม้แต่นิดและยังรู้จักยางอายอยู่ รบกวนยาย อย่าติดต่อมาหาฉันอีก และอย่าเรียกร้องข้อเสนอที่หน้า ด้านไร้ยางอายแบบนี้อีก ฉันจะขอบคุณยายมาก! แค้นที่ ลูกชายยายทำกับฉันๆได้เอาคืนแล้ว บุญคุณที่ยายเลี้ยง ฉันๆก็จะใช้ค่ารักษาโรงพยาบาลตอบแทนยาย! หลังจาก ยายเข้ารับการผ่าตัดเสร็จ เราสองคนก็ไม่มีอะไรติดค้าง กันอีก! »
พูดจบ เธอก็วางสายไปเลย
ยืนอยู่ในห้องผู้ป่วยที่เงียบสงบ พิงกี้ได้เปิดหน้าต่าง ออกอย่างกระทันหัน
ทันใดนั้น สายลมเย็นในยามค่ำคืนได้พัดเข้ามา พัด จนผ้าม่านสีขาวโบยบินเหมือนปีกผีเสื้อ พิงกี้มองลงไปที่ ใต้ตึก เห็นหน้าโรงพยาบาลโวยวายจนไม่สามารถปลีกตัว ออกมาได้ สามารถเห็นร่างเงาที่ผอมแห้งตัวเล็กของยาย สมศรีนั่งโวยวายอยู่บนพื้น
เพิ่งวางสายทั้ง ยายสมศรีก็ได้โทรมาอีก
ครั้งนี้ ยายสมศรีไม่ได้อาศัยความสัมพันธ์เพื่อได้มา ซึ่งเป้าหมายของตัวเอง และไม่ได้ร้องไห้อ้อนวอน แต่ แค่พูดด้วยน้ำเสียงละอายใจ “พิงกี้ ยายสำนึกผิดแล้วๆ! หลานลงมาเจอยายหน่อยเถอะ ตอนนี้ยายแค่อยาก เจอหน้าหนู หลานรักของยาย ยายผิดไปแล้ว! ขอร้อง ล่ะ หลานมาเจอยายหน่อย ถ้าหลานไม่ลงมาเจอยาย ยาย……งันยายก็จะตายอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลนี้เลย!
“คุณยาย! เร็ว รีบแย่งกรรไกรจากมือเธอมา นี่มัน อันตรายเกินไป!” ข้างๆมีเสียงของผู้ชายกำลังพูดด้วยน้ำ เสียงตกใจ
“พิงกี้ หลานคงไม่อยากให้ยายตายอยู่ที่หน้าโรง พยาบาลใช่มั้ย? ถ้าหลานไม่อยาก ก็ลงมาเจอยายหน่อย เถอะ ยายมีแค่ข้อเรียกร้องอย่างเดียว ขอร้องหลาน
เสียงกรีดร้อง เสียงเกลี้ยกล่อม เสียงวิพาก
วิจารณ์………..
เสียงนับไม่ถ้วนแล้วเข้ามาในหูของพิงกี้ เธอหลับตา ลงด้วยความอดทน ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาเธอเต็มไป ด้วยความเยือกเย็น
ไม่นึกเลยว่าจะใช้ชีวิตมาข่มขู่เธอ
ก่อนหน้านั้นเธอกังวลยายอาละวาดอยู่ที่หน้าโรง พยาบาลจะมีผลกระทบต่อโรงพยาบาล ตอนนี้ยายบอกจะ ฆ่าตัวตาย ถึงแม้เธอไม่ได้ด้วยความจริงใจ แต่ถ้าหากได้ รับบาดเจ็บขึ้นมา นั่นจะยิ่งทำให้ชื่อเสียงของโรงพยาบาล เสื่อมเสีย
ลงมาถึงใต้ตึกด้วยความเร่งรีบ แว๊บแรกก็เห็นยาย สมศรีที่ผมหงอกหัวหงอกนั่งอยู่บนพื้นอย่างไม่สนว่าพื้น เย็นเฉียบ ในมือยังถือกรรไกรที่แหลมคมไว้เล่มหนึ่ง
กรรไกรกำลังจ่ออยู่ที่ลำคอ แค่แทงเข้าไปหนึ่งนิ้ว ก็ ต้องมีจุดจบที่ตายอย่างแน่นอน
สถานการณ์วุ่นวายจนดูไม่ได้ คนที่มาดูเฮอาได้ ห้อมล้อมเป็นวงขึ้นมา
“ถอยไป!” พิงกี้ตะโกนเสียงสูง
อาจจะเป็นเพราะกลัวกับพลานุภาพของเธอ ผู้คนได้ ค่อยๆหลีกทางให้
พิงกี้เดินมาที่ตรงหน้าของยายสมศรี แววตาใส สะอาดมองดูเธอ “ตอนนี้ฉันมาแล้ว คุณไปได้หรือยัง?คุณอยากพูดอะไรกับฉัน อยากบีบบังคับฉันไปถึงไหนกัน แน่? คุณสมศรี หรือคุณไม่มีหัวใจเลย? คุณไม่มีหัวจิตหัว ใจจริงๆหรอ?!”
“ยาย…….ยายขอโทษ ขอโทษ……
ในแววตาที่ใสสะอาดของพิงกี้ ยายสมศรพูดเป็น แค่“ขอโทษ”อยู่คำเดียว
ทุกคนต่างมองไปมองมาที่ระหว่างยายสมศรีกับพิงกี้
“พิงกี้ หนูประคองยายลุกขึ้นได้มั้ย?” จู่ๆยายสมศรี ยื่นมือให้พิงกี้
ภายใต้สายตาผู้คน พิงกี้ไม่มีทางปฏิเสธข้อเรียกร้อง
นี้อยู่แล้ว
เดินไปตรงหน้าและประคองยายสมศรีลุกขึ้นจากพื้น เธอกำลังอยากออกห่างจากยายสมศรี แต่จู่ๆกลับถูกยาย สมศรีจับข้อมือไว้แน่น ผ้าขนหนูผืนนึงที่เปียกชุ่มและมี กลิ่นแปลกๆได้ปิดมาที่จมูกของเธอ
ระหว่างสูดหายใจ พิงกี้ก็ได้อ่อนยวบยาบไปทั้งตัว เธอมองไปที่ยายสมศรีด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อแต่สิ่งที่เห็นคือสีหน้าที่ละอายใจของยายสมศรี และความ ผ่อนคลายหลังได้บรรลุเป้าหมายของเธอ
พอลืมตาขึ้นมาอีกที เธอก็พบว่าตัวเองได้ถูกลักพา ตัวไปที่โรงงานร้างแล้ว
ดึงความคิดกลับมาจากความทรงจำพิงกี้เม้มปาก เผย ให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่นและจนปัญญา เธอรู้สึกทั้งหมดนี้มัน ช่างตลกและพิลึกพิลั่นมาก
เห็นเควินประหลาดใจ เธอก็มีความสุขและแฝงด้วย การเยาะเย้ย เล่าเรื่องของเมื่อคืนให้เขาฟังอย่างละเอียด ຍີ້ນ
“ไม่อยากหัวเราะก็อย่าฝืน” ยื่นมือไปกดที่มุมปาก ของพิงกี้ แววตาของเควินจริงจัง “ถึงตอนนี้คุณร้องไห้ ออกมา ผมก็จะไม่หัวเราะเยาะคุณหรอก
“ฉันไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะหรอกค่ะ ฉันรู้แค่ว่าถึง ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก คนที่ไม่ชอบฉัน ยังไงก็ ไม่เหลียวมามองแค่เพราะฉันร้องไห้หรอก ร้องไห้มีแต่จะ ทำให้ฉันดูต้อยต่ำ” พิงกี้ส่ายหัว
เควินเงียบ มีใจอยากจะเปลี่ยนประเด็นเลยพูดขึ้นมา ว่า “ใช่แล้ว ต่อไปคุณห้ามเสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีกเด็ดขาดนะรู้มั้ย?ใช้ร่างกายพุ่งเข้าไปชนมีด นั่นเท่ากับว่าเอา ไข่ไปทุบหิน!เมื่อคืนเพราะคุณดวงแข็ง แค่ได้รับบาดเจ็บ ที่ไหล่ ถ้าเกิดคุณได้รับบาดเจ็บที่เส้นเลือดใหญ่ หรือว่า แทงเข้าที่ลำคอโดยตรง คุณก็ไม่มีทางรอดชีวิตแล้ว!”
“ถ้าฉันตายแล้วสามารถกำจัดคนพวกนั้นให้สิ้นซาก ฉันก็ยอมค่ะ!”
พูดถึงเรื่องนี้ พิงกี้มีสีหน้ายืนหยัด
“เพราะอะไร? เพราะพวกเขาทำร้ายคุณ?” เควินหรี่ ตา และถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อคืนเขาไม่เห็นร่างกายของพิงกี้มีร่องรอยที่ ถูกทำร้ายอย่างชัดเจน อารมณ์ของเธอก็ไม่เจ็บแค้น ใจและตื่นตกใจเหมือนถูกลวนลาม เขาก็เลยรู้สึกพวก ของLinkinไม่ได้ลงมือทำเรื่องน่าขยะแขยงแบบนั้นกับ เธอ แต่ตอนนี้คิดๆดูแล้ว……..การทำร้ายบางอย่าง ขอแค่ ระมัดระวังหน่อย ก็ไม่ทำให้เห็นร่องรอยเลยด้วยซ้ำ
“พวกเขาลงมือกับคุณรึเปล่า?” เควินถามอีก
เขานึกถึงลิสาที่ถูกคนพวกนั้นทำจนไม่เหมือนผู้ เหมือนคน คิดถึงรอยช้ำทั้งเขียวทั้งม่วงบนตัวเธอ และ อารมณ์ที่คลุ้มคลั่ง…..ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา
ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับพิงกี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะ รักษาความสงบไว้ได้อย่างไร?
เธอจะต้องไม่ถูกคนเหยียดหยามเด็ดขาด แม้แต่ ปลายนิ้วก้อยก็ไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ